ผู้นำองค์กรกับ Digital Divide


การที่ผู้นำองค์กรมีความคิดก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบการสื่อสารและคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำทาง Digital Divide

        ผมสองจิตสองใจที่จะเขียนบทความชิ้นนี้ ด้วยรู้สึกว่ามีความรู้น้อยมาก แต่การที่เราไม่รู้ขณะนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้ในอนาคต ผมจึงลองเข้าไปอ่านบทความในบันทึกต่างๆเท่าที่พอมีเวลา ก็คิดว่าพอจะเข้าใจได้บ้างถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเครือข่ายสื่อสารและคอมพิวเตอร์ในยุคสมัยใหม่

        นึกถึงเมื่อปี ๒๕๓๗ ลูกชายจบ ป.๖ จะเข้า ม.๑ ระหว่างที่โรงเรียนกำลังติววิชาสอบเข้า ม.๑ โรงเรียนดัง ลูกชายกระซิบบอกผมว่า พ่อ...เนติ์อยากเรียนคอมพิวเตอร์ที่สถาบันราชภัฏภูเก็ต ผมกำลังสนใจคอมพิวเตอร์เช่นกันเพราะเท่าที่อ่านหนังสือรู้ว่าคอมพิวเตอร์ทำงานได้หลากหลาย เลยอนุญาตให้เขาไปเรียนแต่ก็บอกเขาว่าลูกต้องรับผิดชอบการสอบเอาเอง เขารับปาก ต่อมาพอเรียนจบเขาบอกว่าเขาอยากได้คอมพิวเตอร์ แต่สมัยนั้นคอมพิวเตอร์แพงมาก ซีพียู ยังไม่ถึงเพนเทียม(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น ๓๘๖) ขนาดความเร็ว ๒๕ แมกกะเฮิร์ซ ยังตั้งเกือบสี่หมื่นบาท แถมเครื่องพิมพ์ดอทเมตริกซ์แคร่ยาว เครื่องหนึ่งตกประมาณ สองหมื่นบาท แต่ผมก็ยอมลงทุนให้ลูก โดยคิดว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆจะช่วยให้ลูกเราเข้าถึงความรู้ใหม่ๆได้เป็นอย่างดี ลูกได้เล่นเกมส์จากคอมพิวเตอร์ ได้พิมพ์เอกสารจากเวิร์ดจุฬา  ก็ได้ใช้งานเอกสารและนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานให้รวดเร็วขึ้นในขณะที่ไม่มีใครสนใจคอมพิวเตอร์

        บ้านผมก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำทางความรู้มาก้าวหนึ่งแล้ว ผมศึกษาเรื่องการใช้แฟกซ์โมเด็มผ่านคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต ซื้อโมเด็มมาใช้ตั้งแต่ความเร็วขนาด 14.4 k มาเป็น 28.8  k จนมาเป็น 56 k หัดเขียนเวบไซท์ผ่าน geocities ค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆได้มากมาย ได้อ่านบทความดีๆจำนวนมากเพิ่มพูนความรู้สติปัญญาตัวเอง

ต่อมาลูกชายไปเป็นนักเรียนและเปลี่ยนที่อเมริกาเราจึงติดต่อกันผ่านอีเมล์  ผมนึกถึงสมัยผมเรียนหนังสือที่กรุงเทพ พ่อเขียนจดหมายสอนผม แต่ผมเขียนจดหมายสอนลูกเป็นภาษาอังกฤษเพราะเครื่องเขาอ่านภาษาไทยไม่ได้ คำศัพท์ไหนที่คาดว่าเขาจะแปลไม่ออกก็จะพิมพ์ทับศัพท์ ไมโครโฟนด้วยโปรแกรม net2phone ต่อมามีกล้องเวบแคม เราได้มองเห็นหน้ากันคุยกันอย่างมีความสุข ผมกับครอบครัวก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำทางการสื่อสารมาอีกก้าวหนึ่ง แต่จะมีกี่ครอบครัว จะมีคนไทยสักกี่มากน้อยที่มีโอกาสเหมือนผมกับครอบครัว

ผมได้นำคอมพิวเตอร์มาปรับใช้กับการทำงาน จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในสำนักงานหลายเครื่อง ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น และผมได้ของบประมาณเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตในสำนักงาน แต่ในเบื้องต้นไม่ได้รับอนุมัติด้วยเหตุผลว่าไม่มีความจำเป็น แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็มีคำสั่งอนุมัติมาใหม่ เข้าใจว่าคนที่ไม่อนุมัติในเบื้องต้นเข้าใจผิดพลาดเรื่องอินเทอร์เน็ต ทำให้สำนักงานของเราสามารถติดต่อกับสำนักงานอัยการเขต ๘ ได้เป็นแห่งแรก เมื่อผมดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัด ผมได้รับมอบหมายจากอัยการจังหวัดในขณะนั้นให้จัดระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัด และมีการนำโปรแกรมบริหารงานเกี่ยวกับสารบบงานของอัยการมาใช้ทำให้การทำงานของสำนักงานเป็นตัวอย่างของที่อื่นๆในภาคใต้ ต่อมาเมื่อผมดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดภูเก็ต ผมได้ดำเนินการให้มีการติดตั้งระบบ wireless ทั้งตึก เนื่องจากอัยการรุ่นใหม่ใช้คอมพิวเตอร์กันมากและต่างใช้งานอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล คำพิพากษาศาลฎีกา กฎหมายใหม่ๆ หรือค้นคว้าข้อมูลด้านต่างๆ  และขณะนี้ก็ได้ผลักดันให้สำนักงานคดีแรงงานเขต ๘(ภูเก็ต) ใช้ระบบ wireless ทั้งตึก เพราะที่นี่มีการใช้อินเทอร์เน็ตตั้งแต่อธิบดีลงมาจนถึงเจ้าหน้าที่ธุรการแม้พนักงานขับรถของผมก็ยังเป็นสมาชิก hi5

การที่ผู้นำองค์กรมีความคิดก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบการสื่อสารและคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำทาง Digital Divide

หมายเลขบันทึก: 260032เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2009 22:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีคะ ท่านผู้นำองค์กร

การเข้าถึงเทคโนโลยี เป็นช่องทางหนึ่งของการเข้าถึงข้อมูลและความรู้จริงๆค่ะ การลดความเหลื่อมล้ำด้วยการแบ่งปัน จะช่วยขยายและลดความเหลื่อมล้ำได้เนียนมากขึ้นเลยค่ะ

สวัสดีครับ ท่าน อัยการชาวเกาะ :)

บันทึกแสดงวิวัฒนาการการใช้เทคโนโลยีของท่าน อัยการชาวเกาะ และครอบครัว ครับ อิ อิ

อ่านแล้วเข้าใจในมุมมองของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ กับ ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ ว่าเป็นอย่างไร

ผมมองเห็นอีกข้อหนึ่งว่า "อัตตา" ของผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ มีส่วนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างแน่นอน ครับ

อัตตาที่เชื่อว่า ตูเก่ง ... ใครขออะไรมาแล้วมันดูฉลาด ๆ ก็ไม่อนุมัติ เปลืองเงินเปลืองทอง เราจะต้องประหยัดเงินหลวงไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวหัวหน้าเราว่าเอา ประมาณนั้น

ขอบพระคุณคร้าบ ... ท่าน อัยการชาวเกาะ ใช้ HI5 หรือยังครับ แต่ผมยังนะครับ ... มันหวีดว้ายกระตู้ฮู้เกินอายุครับ 555

  • สวัสดีค่ะ
  • ครูอิงก็เช่นกันค่ะ
  • แรก ๆ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก
  • จนน้องสี่ซี่และพี่ครูคิมได้กรุณาโทรศัพท์บอกว่าบันทึกที่ครูอิงเขียนควรเปลี่ยนคำสำคัญเป็นDigital Divide
  • จึงเริ่มที่จะสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น ก็ลองเข้าไปศึกษาบันทึกของน้อง ๆ
  • ทำให้ทราบว่าตัวเองสามารถก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำไปได้หลายก้าว ซึ่งแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ก็คือบ้านแห่งนี้
  • จากคนที่ไม่เป็นคอมพิวเตอร์ ไม่ค่อยรู้เรื่องอินเทอร์เน็ต
  • พัฒนาตนเองขึ้นมากค่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังต้องศึกษา เรียนรู้ต่อไปค่ะ

 สวัสดีค่ะ ท่านอัยการ

ต้องบอกว่าเราทุกคนเขียนบันทึกถ่ายทอดความรู้กันอยู่ในบล็อกก็เป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้แล้วค่ะ

เพราะนำความรู้ที่มีอยู่ในตนเองมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับความรู้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เช่น เรื่องกฏหมายที่หลายๆ ท่านอาจจะไม่ทราบข้อมูลมากนัก

แต่ท่านอัยการนำมาเขียนเล่า เชื่อมโยงกับละครก็ทำให้อ่านง่าย และรับความรู้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ

^_^

 

  • มากราบขอบพระคุณท่านอัยการฯ ที่แวะไปลงบันทึกดีมาก ในบล็อก สังคม ครับ
  • บันทึกฉบับนี้ของท่านฯ เสมือนเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ทางการสื่อสารได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียวครับ....

ชยพร แอคะรัจน์

สวัสดีครับน้องพอลล่า

การเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ผู้นำองค์กรต้องทำตัวเป็นตัวอย่างครับ เพราะหากปล่อยให้คนรุ่นเก่าในองค์กรอยู่ไปวันๆ ก็ไม่มีทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการสื่อสาร/ทางความรู้ ได้ครับ

สวัสดีครับ อ.วสวัตตีมาร อิอิ

วี๊ดว๊ายกระตู้วู๊ ผมมี Hi5 ใช้ด้วยนะฮะ..อิอิ

สวัสดีครับครูอิง

การพัฒนาตนเองของคนเป็นครู สำคัญยิ่งนะครับ จะสอนลูกศิษย์ให้เรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างไรหากครูไม่สนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ บางทีเราไม่ทันวัยรุ่นเพราะเราไม่ศึกษาในสิ่งที่เขากำลังศึกษาเรียนรู้ในสังคมปัจจุบันครับ

ท่าน อัยการชาวเกาะ มี H1N1 ด้วยหรือครับ

ว้าว ทันสมัย ซ๗

สวัสดีครับน้องมะปราง

การนำความรู้ในตัวคนมาเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับรู้ มันอยู่ที่เจ้าตัวคิดจะทำอะไร อย่างผมคิดว่าชาวบ้านเขาขยาดที่จะเรียนรู้กฎหมายเพราะเขารู้สึกว่ายาก คนที่เรียนกฎหมายต้องเป็นคนเรียนเก่ง ผมจึงอยากจะบอกว่าเรียนง่ายๆก็เข้าใจกฎหมายได้หากมีคนหาวิธีการสอนที่แปลกต่าง มีเอกสารที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ส่วนจะรู้ลึกมากน้อยขนาดไหนก็ขึ้นอยู่ที่เขาต้องการเรียนรู้ลึกกว่านั้นหรือเปล่า หากต้องการรู้ลึกก็ไปค้นคว้าต่อ หากต้องการรู้คร่าวๆก็แบบบันทึกของผมครับ

แต่พูดตามตรงรู้สึกภาคภูมิใจลึกๆที่เขียนบันทึกแล้วมีคนอ่านครับ อิอิ

สวัสดีครับคุณชยพร

ขอบคุณที่แวะมาครับ การช่วยกันคิดช่วยกันทำย่อมนำสังคมไปสู่ความสันติสุขครับ การนำเรื่องราวในอดีตมาบันทึกก็เป็นทางหนึ่งที่สอนให้คนรุ่นใหม่เข้าใจสิ่งที่เป็นไปในอดีต ลอความเหลื่อมล้ำได้เช่นกันครับ อิอิ

อิอิ อ.วสวัตตีมาร

ทันสมัยเกินไปหรือเปล่า อิอิ

มาตามอ่านเหมือนกันค่ะ เพราะ ในครอบครัว ก็มีเรื่องที่คล้ายๆกับ ท่านอัยการเล่าค่ะ เราแต่ละครอบครัว ก็ได้มีโอกาส ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำ ทั้งความรู้ และทั้งเทคโนโลยี่ มากันทั้งนั้นค่ะ และทุกบันทึก ที่นี่ ก็เป็น การลด ความเหลื่อมล้ำ ด้านความรู้ อยู่แล้วนะคะ

สวัสดีค่ะท่านอัยการชาวเกาะ

ดิฉันว่างเว้นการบันทึกมานานเนื่องจาก ทำตัวจบปริญญาโท แต่ก็ติดตามบันทึกพวกเราชาว G2K อยู่เนืองๆ ทำให้ได้รับประโยชน์หลายแง่มุมค่ะ

สวัสดีครับพี่ศศินันท์

ขอบคุณที่มาช่วยเติมเต็มให้กับบันทึกนี้ครับ

ขอแสดงความยินดีกับ อ.วสวัตตีมาร ที่ได้รับรางวัลสุดคะนึง เม.ย.๕๒ ครับ

สมควรได้รับแล้วครับ

สวัสดีครับคุณวันเพ็ญ

ขอแสดงความยินดีกับปริญญาโทนะครับ การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ยุคปัจจุบันครับ

" การที่ผู้นำองค์กรมีความคิดก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสนับสนุนให้มีการพัฒนาระบบการสื่อสารและคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำทาง Digital Divide "   เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะท่านอัยการ เพราะว่ายุคนี้  ต่อให้อายุมากแค่ไหนก็ต้องก้าวให้ทันกับ เทคโนโลยี แวะมาทักทายท่านอัยการค่ะ และจะติดตามบันทึกดีๆต่อไปเรื่อยๆค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • มาอ่านหลายรอบแล้วนะคะ แต่ยังไม่ได้เม้น
  • เพราะต้องรออ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆด้วยค่ะ
  • เป็นบันทึกที่ประทับใจมากค่ะ
  • น่าจะอยู่ใกล้ ๆโรงเรียนพี่ครูคิมนะคะ
  • จะได้พาเด็ก ๆไปใช้บริการ

สวัสดีครับครูอุ้ย

ความเหลื่อมล้ำทางความรู้ในองค์กรย่อมอยู่ที่ผู้นำองค์กรมีวิสัยทัศน์ และมองเห็นปัญหาหรือไม่ ในครอบครัวผู้ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่คิดถึงหรือมองเห็นประเด็นนี้หรือไม่ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำดังกล่าวสามารถแก้ได้หลายวิธี มีเงินก็ซื้อเครื่องมือเช่นคอมพิวเตอร์มาไว้ใช้ที่บ้าน ไม่มีเงินมากพอพาลูกไปค้นข้อมูลที่หน่วยงานให้บริการเช่นห้องสมุดเทศบาล อบต.,อบจ.หรือที่โรงเรียน หรือไปตามร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือไปค้นหาความรู้จากห้องสมุด หาซื้อหนังสือให้ลูก อยู่ที่เรามีฐานะเพียงใด แต่ที่สำคัญคือรัฐได้ให้บริการเหล่านี้เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยหรือเปล่า...

ขอบคุณที่แวะเวียนมาครับ

สวัสดีครับครูคิม

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลสุดคะนึงด้วยครับ พี่ครูคิมเหมาะสมแล้วครับ

จริงๆแล้วลูกชายผมบริการเพื่อนๆตั้งแต่เขาใช้เครื่องเป็นตอนอยู่มัธยม รายงานในห้องเอามานั่งทำให้เพื่อนอดตาหลับขัยตานอน มีอยู่ครั้งหนึ่งทำรายงานให้เพื่อนทั้งห้องจนสว่างคาตาแล้วเผลอหลับไปโรงเรียนสาย โรงเรียนมีจดหมายถึงผม ผมก็ตอบตามความเป็นจริง อิอิ หลังจากนั้นเขาก็ช่วยเพื่อนเท่าที่จำเป็นแต่ไม่รับงานมาทำบริการเพื่อนๆแบบนี้อีกเลย ผมให้เหตุผลลูกว่าความรักเพื่อนแบบนี้เท่ากับทำลายเพื่อนด้วย อิอิ

ท่านอัยการคะ รู้ไหมท่านช่างมีวิสัยทัศน์จริงๆ เป็นความเหลื่อมล้ำที่คิดว่าเป็นโอกาส ของท่าน ที่พยายามหา ด้วยจุดมุ่งหมายที่รู้ว่า ถ้ามี จะช่วยให้เป็นคนทันโลก  และทันสมัยที่จำเป็นต้องวิ่งตาม เพราะคอมพิวเตอร์ช่วยกิจการงานของท่านได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว  พิมพ์ออกมาก็ได้ ไม่ต้องพิมพ์ดีด  ท่านเห็นคุณค่าของมันก่อนเพื่อน เพราะท่านได้มีโอกาสสัมผัสก่อน และรับรู้ผลประโยชน์ที่ได้ตามมาก่อน  ท่านโชคดี ที่ท่านมองกาลไกล มีวิสัยทัศน์ และมีเงินสามารถซื้อหาได้ ตามความสามารถ ที่ไขว่คว้า

 

เพราะตอนที่มันมีมาใหม่ๆราคาแพงจริงๆ ถ้าไม่รวยจริง หรือไม่เห็นคุณค่าจะไม่มีใครลงทุนซื้อเลย ซื้อมาแล้ว ยังจะต้องมาเรียนรู้อีก ห่วงอีกว่า ทำไง ตนเองถึงจะทำเป็น

 

ในสมัยที่มันมีมาใหม่ๆนั้น  ดิฉันก็ยอมลงทุนเก็บเงินซื้อเช่นกัน ทั้งที่ตนเองเล่นไม่เป็น ทำไม่เป็นเลย   ซื้อมาโชว์ไว้ก่อน ว่าเราก็มีกับเขาเช่นกัน ตามสมัย ช่วงนั้นก็ฮิต ร้องเพลงคาราโอเกะ ได้ดูเนื้อเพลงร้องตาม ซึ่งทำได้แค่นั้น คนอื่นทำให้ด้วย ทำเองไม่เป็น

 

เริ่มต้นให้เงินลูกวันละ 50 บาท ไปเล่นเกมส์ก่อน  ตอนนั้นร้านเกมส์ก็ระบาดมาก  มีมากมาย แข่งขันกัน  เล่นทุกวันถ้าปิดเทอม ทุกวัน เสาร์วันอาทิตย์ก็ไม่เว้น  เพื่อให้ลูกเกิดทักษะ ในการกด การเล่น การหา ให้มีประสบการณ์ขึ้นบ้าง

 

ส่วนการทำเป็นเพิ่มขึ้นของลูกนั้น  เผอิญลูกเรียนโรงเรียนเอกชน เขาก็สอนคอม  ปรากฏว่าลูกมีความสามารถมาก  แม้แต่คุณครูยังต้องมาถามลูกว่าทำอย่างไร  ที่พูดนี้เมื่อลูกเรียนอยู่ ป.4-.5 เมื่อ  10  ปีที่แล้ว ตอนที่คอมพิวเตอร์มีใหม่ๆแพงๆ

 

และที่ดิฉันพิมพ์ได้ อยู่นี่ ลูกก็สอนเมื่อ 10 ปีที่แล้วเช่นกัน   ให้พิมพ์เป็น  มีทักษะบ้าง  ส่วนที่สามารถมามีส่วนร่วมใน GTK เป็นนี้  ก็เนื่องจากเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฎ  ต้องสืบค้น และมีภาคบังคับให้มาเขียนเรียงความอะไรก็ได้  ในGTK นี่แหละ คือ ที่มา  ที่ได้มามีส่วนร่วม จนถึงปัจจุบัน จุดประสงค์เขาอยากให้มารู้จักการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  ถึงได้มีโอกาสมาพบพวกท่านได้นี่ไง ต้นตอ

 

และหลังจากที่เข้ามาแล้ว ก็ได้มาสืบค้นเรียนรู้หลากหลาย และมาเปิดบล็อกเป็นเขียนเป็น เมนท์เป็น อยากรู้อะไร ก็แสวงหาเอาเอง มีประโยชน์จริงๆ คนที่ไม่ได้สัมผัส จะไม่รู้เลย ว่ามีประโยชน์ เขาจะคิดว่า กิ๊กกัน แบบไม่มีประโยชน์ ว่าเสียเวลา พยายามจะสอนคนอื่น  แต่ก็อย่างว่า คอมพิวเตอร์ ที่อยู่บ้านนอก  มันเวบไม่ได้ สายโทรศัพท์ต่อไปไม่ถึง  นอกจากจะซื้อแบบมีไวเรส ก็มีปัญหา เชื่อมไม่ได้  นี่คือส่วนที่เหลื่อมล้ำกันอยู่

 

และรู้ไหม สำหรับดิฉัน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ใน GTK นี้มีประโยชน์มาก และช่วยให้หัดเป็นคนแสดงความคิดเห็นเป็น ทำให้เราเกิดเป็นคนจะทำอะไรก็ต้องคิดก่อน วิเคราะห์ก่อน  แล้วยังมีกัลยาณมิตร ที่มีความรู้ ความสามารถแตกต่างกัน นำมาถ่ายทอด ทำให้ได้รู้ ทำให้ได้เห็น กลายเป็นกบนอกกะลา หาความรู้ด้วยตนเองได้

สวัสดีครับคุณสุ

ดีจังครับที่คุณสุก็มีความคิดก้าวหน้า

การให้ลูกเล่นเกมส์ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหายอะไรนักหรอกครับถ้าหากการเล่นเกมส์เพื่อพักผ่อน เพื่อฝึกทักษะ และเราดูแลให้เขาเล่นเกมส์อย่างถูกต้อง

ลูกชายผมเปิดร้านเกมส์ อินเทอร์เน็ต รับซ่อม รับประกอบเครื่อง ติดตั้งระบบ wifi และกล้องวงจรปิดผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ร้านเกมส์สะอาด ใครจะเข้าร้านต้องถอดรองเท้า ห้ามพูดคำหยาบภายในร้าน เด็กเล่นได้ไม่เกินสามชั่วโมง/วัน เรามีบันทึกใครเข้ามาเล่น ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่บางทีเด็กก็แอบโหลดเกมส์ผิดกฎหมายมาเล่น ต้องคอยตรวจดูเหมือนกัน

การกำจัดความเหลื่อมล้ำในการสื่อสารและเทคโนโลยีควรเป็นหน้าที่ของ อบต.ต่างๆที่จะช่วยเหลือให้หมู่บ้านลดความเหลื่อมล้ำ ผมว่าน่าจะเชิญนายก อบต.มาพูดคุยและให้เขามองเห็นอนาคตในการส่งเสริมเด็กและเยาวชนในหมู่บ้านให้ก้าวทันเทคโนโลยี เพื่อให้เขาสนับสนุนงบประมาณจัดการเรื่องความเหลื่อมล้ำเหล่านี้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท