ถาม-ตอบโครงการคืนครูให้แก่นักเรียน

ถาม-ตอบโครงการคืนครูให้แก่นักเรียน โดยท่านเลขาธิการเลขาธิการ กพฐ.
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่มีการสอบถามมากที่สุดคือเรื่องโครงการคืนครูให้แก่นักเรียน ซึ่งต้องขอขอบคุณทุก สพท. ที่ช่วยดูแลด้วยความเรียบร้อย ความวิตกกังวลเรื่องเส้นสาย เรื่องการทุจริตที่เคยสื่อสารมาทางเว็บไซต์หายไปอย่างเงียบสนิท กลายเป็นการสอบถามรายละเอียดของโครงการซึ่งมีประเด็นสำคัญๆ ดังนี้

1. จะมีการจ้างต่อในปี 2553 หรือไม่ ได้เคยตอบไปแล้วว่า สพฐ. ได้รับนโยบายให้จัดตั้งงบประมาณเพื่อรองรับ ในเบื้องต้นทราบว่าได้รับงบประมาณเพื่อการนี้ในร่างเอกสารงบประมาณ จึงน่าจะมีความชัดเจนในเรื่องความต่อเนื่อง

2. สำหรับอัตราเงินเดือนจะเป็นเท่าไร ในเบื้องต้นคงยืนยันในอัตราเดิม 4,800 บาท สำหรับปี 2552 ไปก่อน แต่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีพยายามดูแลให้สามารถจ้างต่อได้ในอัตราเท่ากับวุฒิปริญญาตรี ในปี 2553 เมื่องบประมาณผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี จะได้ส่งข่าวให้ทราบ

3. จะมีโอกาสได้บรรจุเป็นพนักงานราชการ หรือข้าราชการไหม ขอย้ำเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาใดๆ ภายหลังว่า โครงการนี้ไม่มีเงื่อนไขข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับการบรรจุเป็นข้าราชการหรือพนักงานราชการ หากเข้ามาด้วยความหวังนี้ คงจะผิดหวัง แต่อาจจะช่วยทำให้มีประสบการณ์ที่ดีที่จะช่วยให้สามารถไปสอบบรรจุได้ในตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ต่อไป

4. จะเริ่มอบรมเมื่อใด อย่างไร จะได้เงินระหว่างอบรมหรือไม่ วันที่อบรม ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้เริ่มวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 ระยะเวลา 20 วันทำการ ผู้รับการอบรมไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะได้รับเงินระหว่างการอบรมเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 100 บาท และค่าเดินทางวันละ 30 บาท

5. จะเริ่มทำงานเมื่อใด จะเริ่มทำงานหลังจากการอบรมแล้วเสร็จ

6. ทำไมจึงให้หมุนเวียนทำงานหลายโรงเรียน ทั้งๆ ที่แต่ละโรงเรียนมีภาระงานมาก โครงการนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาภาระงานธุรการของครูอย่างเป็นระบบ เราได้เริ่มทำงานกับโรงเรียนขนาดเล็ก แต่เพียง 200 คน หากจะดำเนินงานเต็มรูปแบบคงต้องใช้ครูประมาณ 48,000 คน จึงจะครบภารกิจที่โรงเรียนมีอยู่ในปัจจุบัน ในโครงการซึ่งเป็นการนำร่องในขนาดที่ค่อนข้างใหญ่นี้ จึงได้กำหนดสัดส่วนดังนี้

     ขนาดโรงเรียน                              จำนวนโรงเรียน:จำนวนกลุ่ม

     นักเรียน 120 คนลงมา                                           4:1

     นักเรียน 121-499 คน                                           2:1

     นักเรียน 500 คนขึ้นไป                                          1:1

เชื่อว่า สพท. วางระบบที่จะหมุนเวียนในละแวกใกล้เคียงกัน และแต่ละโรงเรียนเน้นงานธุรการที่มีปัญหาจริงๆ น่าจะช่วยผ่อนภาระงานไปได้มาก

อ้างอิงจาก http://www.obec.go.th/new/kasama/

[เป๊ปซ่า]

ผมว่าน่าจะไปช่วยโรงเรียนที่มีปัญหาจริง ๆ ดีกว่านะครับ

อย่าให้ไปทุกโรงเรียนเลย ดูมันจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่....

วันนี้ทำโรงเรียนนี้ อีก 2 วัน ทำโรงเรียนนี้ ครูก็ต้องกลับมาทำงานธุรการอีกนั่นแหละ

เท่ากับไม่ได้แก้ แค่ไปช่วยเป็นลูกมือคุณครูแค่นั้นเอง ไม่ได้คืนครูให้นักเรียนเล้ย....

ท่าน ผ.อ. แต่ละโรงเรียนควรตกลงกันไปเลยครับว่าจะให้ไปอยู่โรงเรียนไหน

แค่มีโครงการนี้ คุณครูก็แย่งกันจะอยู่ธุรการกันแล้ว เพราะต้องมีใครกลับไปสอน...

เฮ้อ.... นี่เหรอคนที่เรียนจบมาสอนนักเรียน แต่ไม่อยากสอน เอ๊า งง ๆ ๆ ประเทศชาติ

[ประเสริฐ ศรีแสนปาง]

สวัสดีครับคุณเป๊ปซ่า
นี่เหรอคนที่เรียนจบมาสอนนักเรียน แต่ไม่อยากสอน
เอ๊า งง ๆ ๆ ประเทศชาติ
ผมเห็นว่าความจริงแล้วควรมีโครงการนี้มานานแล้ว
และควรมีการสนับสนุนให้มีทุกโรงเรียน...
เพราะเป็นฝ่ายสนับสนุนงานในโรงเรียน
แต่...งบประมาณของกระทรวงศึกษามีจำกัด
ไม่เพียงพอ(ผมคิดว่าอย่างนั้นครับ)
ส่วนคุณครูที่ไปทำงานธุรการแล้วไม่สอน
ผมก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันครับ...เพราะไม่ตรงกับที่
ต้องมาปฏิบัติหน้าที่...แต่เมื่องานในโรงเรียน
มีทั้งที่ต้องสนองนโยบายของกระทรวง..หน่วยเหนือ
และหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งชุมชน จึงทำให้คุณครู
ไม่เพียงแต่สอนนักเรียนเท่านั้น...กลับมีงานพิเศษอื่น ๆ
มากมาย...คุณครูจึงเป็นคนที่ไม่มีเวลาไปเตรียมการจัดการเรียน
การสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ...(เป็นเวลามานานแล้ว)
แต่โครงการนี้ก็ยังเป็นความหวังของโรงเรียนที่ขาดแคลนบุคลากร
ถึงแม้นว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่...ผมก็ว่ายังเป็นโครงการที่ดี
มาก ๆ ครับ
ขอบคุณครับที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ