ความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ...เรื่องนอกเหตุเหนือผลของคนปฎิบัติธรรม


ในเรื่องของการปฎิบัติสมาธิภาวนา มีสิ่งหนึ่งที่เราจะพบเจอก็คือเรื่องราว หรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้แบบวิทยาศาสตร์กายภาพ   ครูบาอาจารย์หลายท่านกล่าวว่านี่คือเรื่องนอกเหตุเหนือผล  แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว  บางครั้งมันคือเรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ 

เมื่อหลายเดือนก่อน  ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ที่เชียงใหม่  ข้าพเจ้ากำลังเดินจงกรมอยู่ในห้องนอน แว่บหนึ่งของความคิดก็คิดขึ้นมาว่า  เราน่าจะมีพระธาตุไว้บูชาบ้างนะ  ทำอย่างไรจึงจะมีบ้าง  หลังจากความคิดนี้เกิดขึ้นข้าพเจ้าก็ระลึกได้ว่า  ได้เผลอคิดไปแล้วหนึ่งเรื่อง   และความคิดนั้นเพิ่งจะดับลงไป  แต่ก็ลืมเรื่องราวที่คิดนี้ไป  ไม่ได้กลับมาคิดคำนึงถึงอีก

เวลาผ่านไปนานทีเดียว  จนวันหนึ่งข้าพเจ้าก็เห็นน้องชายตนเองนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กำลังใช้แว่นส่องพระส่องดูอะไรอย่างหนึ่งในซองพลาสติกเล็กๆ  ข้าพเจ้าจึงเข้าไปถามว่ากำลังดูอะไรอยู่  น้องชายบอกว่า " พระธาตุ  ได้มาจากหลวงพ่อที่ลำพูน ตอนที่ไปทำบุญสร้างวัดกับท่าน หลวงพ่อท่านให้มา " ข้าพเจ้าจึงถามต่อว่าหลวงพ่อท่านไปได้มาจากไหน  น้องชายบอกว่า  ท่านไปเดินธุดงค์แถวอีสานและชายแดนเขตประเทศลาว แล้วได้มา  ข้าพเจ้ากับน้องชายต่างนั่งดูสิ่งที่อยู่ในซองเล็กๆ ด้วยความประหลาดใจ  ในโลกของนักวิทยาศาสตร์ เมื่อมีการกล่าวถึงพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ ออกจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเชื่อ  ยิ่งการกล่าวว่าเถ้ากระดูกของพระผู้บรรลุธรรมขั้นสูงจะเแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เรียกว่าพระธาตุ ออกจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยและเข้าข่ายความงมงายแบบหนึ่งเลยทีเดียวในความคิดเห็นของผู้คนบางกลุ่ม

แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว หลังเข้าสู่การปฎิบัติธรรมและปฎิบัติมาเรื่อยๆ  ข้าพเจ้าพบว่า อะไรๆก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แถมความคิดเห็นอาจมองไปถึงความเป็นไปได้ที่จะมีโลกของกายละเอียด ที่ไม่ใช่กายเนื้อที่ตาเราต่างมองเห็นและจับต้องได้แบบโลกทางวิทยาศาสตร์  เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผลสำหรับข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะมีข้ออธิบายในทางวิทยาศาตร์ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องพระธาตุให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจ  ยกเว้นคนกลุ่มหนึ่งที่มีศรัทธาลึกซึ้งในพุทธศาสนา หรือกลุ่มคนที่ปฎิบัติสมาธิภาวนามาแล้วสักระยะ แล้วได้พบปรากฏการณ์หรือประสบการณ์บางอย่างโดยตรง และเฉพาะตนเท่านั้น 

 

แต่กระนั้นด้วยความที่ข้าพเจ้าและน้องชายก็ยังอยู่ในโลกของวิทยาศาสตร์  เราต่างมองดูพระธาตุที่ได้มาด้วยความสงสัย และเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจะเป็นของจริง แถมเราก็ไม่รู้หรอกว่าของจริงที่ว่าเป็นอย่างไร?  ข้าพเจ้าลองสัมผัสจับต้องสิ่งเล็กๆ ที่อยู่ในถุงพลาสติกดู  พบว่าไม่ใช่พลาสติก ไม่ใช่แก้ว จะว่ามีน้ำหนักก็ไม่ใช่จะว่าเบาก็ไม่เชิง เมื่อส่องดูด้วยแว่นส่องพระ ก็พบว่าวัตถุเม็ดเล็กๆนั้น มีความกลมเกลี้ยงต่างๆกันไป  แถมไม่ได้มีขนาดเท่ากันเลยสักเม็ด  แต่ความเรียบและความใสนั้นดูแล้วเหมือนหยดน้ำ  ข้าพเจ้าคิดปรุงแต่งในใจแบบนักวิทยาศาสตร์ว่า ถ้าสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้น  น่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุธาตุอะไรสักอย่าง แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจทราบได้่เช่นกันว่า จะมีวัตถุแร่ธาตุใดสามารถสร้างสิ่งที่อยู่ในถุงพลาสติกนี้ขึ้นมา ?  น้องชายข้าพเจ้าก็คงเหมือนข้าพเจ้า  คือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ตอนที่เขาเทสิ่งที่เรียกว่าพระธาตุเม็ดเล็กๆ นี้ใส่อุ้งมือ พระธาตุก็กระจายแตกออกจากกัน แทนที่จะไหลไปรวมกันที่ก้นของอุ้งมือสิ่งที่เป็นเม็ดเล็กๆนี้ กลับเคลื่อนที่ต้านแรงดึงดูดของโลก  ข้าพเจ้าก็คิดแบบวิทยาศาสตร์ว่า นี่อาจจะมีเรื่องของประจุไฟฟ้ามาเกี่ยงข้อง ที่ผลักดันให้สิ่งที่เรียกพระธาตุเม็ดเล็กๆนั้นเคลื่อนที่ออกจากกัน  แต่ตอนนั้นน้องชายข้าพเจ้าไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เขาบอกว่าตอนที่พยายามเคลื่อนย้ายพระธาตุเม็ดเล็กๆในอุ้งมือลงที่ถาดบรรจุพระธาตุ เขาต้องสวดอิติปิโสไปด้วยตลอดเวลา จนบรรจุเสร็จ  ข้าพเจ้าผู้ไม่ค่อยจะรู้ในบทสวดและพิธีกรรมแบบนี้ก็สงสัยในใจว่าทำไมต้องสวดอิติปิโสหว่า  ?   เป็นสวดบทอื่นได้ไหม๊ ?  จนเดี๋ยวนี้ก็ยังสงสัยในใจอยู่ดี

ไม่นานนักหลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนผู้สนใจในการปฎิบัติธรรมจึงแวะมาดู แล้วใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพด้วยกำลังขยายขนาดสูงดู  แถมใช้กล้องส่องพระมองดูด้วยกันพักใหญ่ เราต่างมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่พูดว่า แปลกดี ไม่รู้ว่าคืออะไรในทางโลกวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งนี้ไม่รู้ว่าเป็นวัตถุอะไร  ถ้าถูกทำขึ้นมาโดยมนุษย์ก็ดูแปลกดีทีเดียว  แต่เราเห็นตรงกันอย่างหนึ่งว่าสิ่งนี้ช่างเหมือนหยดน้ำจริงๆ   ตอนที่น้องชายนำพระธาตุมานั้น เขาถามว่าข้าพเจ้าจะนำไปเก็บไว้ในห้องนอนหรือไม่  ข้าพเจ้าบอกว่าห้องนอนของข้าพเจ้าไม่มีหิ้งพระ ไม่มีตำแหน่งที่จะวางพระธาตุนี้ไว้ในที่เหมาะสม ข้าพเจ้าจึงให้น้องชายนำไปไว้ในห้องนอนของเขาแทน

หลังจากนั้นไม่นาน  ก่อนที่ข้าพเจ้าจะย้ายที่ทำงานประมาณหนึ่งเดือน ก็ได้รับทราบจากน้องหมอที่คุ้นเคยกันว่า โรงพยาบาลที่ข้าพเจ้าจะย้ายไปอยู่นั้น จะทำบุญใหญ่และจะสร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ในโรงพยาบาล  และจะมีการนำพระธาตุจากที่ต่างๆ มาบรรจุไว้ที่พระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้ด้วย ข้าพเจ้าจึงนึกถึงพระธาตุที่น้องชายเพิ่งได้มา และบอกน้องชายว่าเรามีที่เหมาะสมสำหรับพระธาตุแล้ว  ข้าพเจ้าและน้องชายจึงนำพระธาตุที่ได้มานี้ มอบให้น้องหมอที่สนิทกันและทำงานอยู่ที่นั่นด้วย นำไปบรรจุในวันที่ทำพิธีทำบุญใหญ่ของโรงพยาบาลดังกล่าว

ปัจจุบันข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้  ในวันที่ข้าพเจ้าเดินทางไปถึงวันแรก  ก็ได้ไปกราบพระพุทธรูปองค์นี้  ข้าพเจ้ารู้สึกดีๆเกิดขึ้นในใจมากมาย   น้องหมอที่อยู่ที่นั่นด้วยกันเล่าว่า วันที่มีการทำพิธีนั้น มีคนนำพระธาตุที่มีอยู่มาถวายและบรรจุที่พระเศียรจำนวนมากทีเดียว  

จากนั้นห้าวัน ทีมสังฆะของโรงพยาบาลก็ชวนข้าพเจ้าและน้องหมอที่นั่นไปที่ถ้ำจักตอก  เราไปกันเกือบ 20 คน  มีน้องหมอจากโรงพยาบาลปายมาสมทบด้วย  ผู้นำทางไปก็คือท่านผู้พิพากษาของจังหวัดท่านหนึ่งที่สนใจในการปฎิบัติสมาธิภาวนาเช่นกัน และท่านได้นำพาท่านผู้พิพากษาที่ย้ายมาใหม่อีกสองสามท่านให้ไปด้วยกัน  เราเดินผ่านทุ่งหญ้าตัดขึ้นเินินเขาไปประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง ก็ถึง  ถ้ำจักตอกเป็นถ้ำที่มีพระธุดงค์มาปฎิบัติสมาธิภาวนาหลายรูป ที่นี่มีรอยพระหัตถ์เบื้องขวาของพระศากยะมุนีพุทธเจ้า และรอยพระบาทคู่ของพระองค์ประดิษฐานอยู่ด้วย  เมื่อเราไปถึงที่นั่นเราไปกราบพระและถวายสังฆทานพระภิกษุที่มาปฎิบัติสมาธภาวนาที่นั่น  แล้วก็นั่งสมาธิด้วยกัน ด้วยเหตุและปัจจัยบางอย่างเราก็ได้ไปที่นั่น  ข้าพเจ้ารู้สึกดีที่พบว่าในกลุ่มผู้ที่อยู่ในศาลสถิตยุติธรรมเช่นผู้พิพากษาก็สนใจในสมาธิภาวนา  ส่วนข้าพเจ้าและกลุ่มสังฆะของโรงพยาบาลซึ่งเป็นทีมของผู้รักษาก็ได้ไปที่นั่นด้วย  คงเป็นเรื่องบังเอิญที่อาจจะไม่บังเอิญอีกเช่นกัน..

คำสำคัญ (Tags): #ผู้ปฎิบัติธรรม
หมายเลขบันทึก: 259024เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2009 18:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท