ตามไปสอนพิเศษลูกที่บ้านนอก : ว่าด้วยวิชา "สงกรานต์ที่บ้านเกิด"


ผมเชื่อว่าการเล่านิทานก่อนนอนนั้น ถือเป็นกระบวนการอันสำคัญของการสร้างทักษะการเรียนรู้ หรือสร้างทักษะของการ "แสวงหาความรู้" ให้กับเด็กๆ

ถ้อยแถลงก่อนอ่าน : 
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวขนาดสั้นเหมือนทุกครั้ง  โปรดใช้ความอดทนต่อการอ่าน นะครับ
ขออภัย และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

 

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยได้สัมผัสชีวิตในเทศกาลสงกรานต์แบบหนุ่มๆ สาวๆ ทุกวันนี้เท่าใดนัก  โดยเฉพาะในเรื่องของการเที่ยวเล่นไปยังหมู่บ้านและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นโดยรถจักรยานยนต์ หรือรถกระบะ
        
ถ้าจำไม่ผิด  ผมเองก็ไม่เคยได้ทำเช่นนั้นจริงๆ
        
ฟังดูเหมือนผมเป็นคนขาดโอกาสอยู่ไม่ใช่ย่อย 
        
ตรงกันข้าม  ผมกลับไม่เคยรู้สึกว่ามันคือปมด้อยของชีวิต และส่วนที่ขาดหายไปนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของผมตกหล่นไปจากขบวนวัฒนธรรมของชีวิตเลยแม้แต่น้อย


มุมแห่งความสุขใต้ต้นขี้เหล็กหน้าบ้านที่ผมใช้เป็นที่พักผ่อนและเฝ้าสังเกตการเล่นน้ำของลูกๆ

ถึงแม้ในช่วงสงกรานต์จะเป็นช่วงปิดเทอม  แต่ผมก็ยังต้องทำหน้าที่เลี้ยงวัวอยู่กลางทุ่งแทบทุกวัน โดยหน้าที่ดังกล่าว  เป็นการรับช่วงจากพี่ชายและพี่สาวที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
        
พอปิดเทอม ผมจึงต้องรับหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย 
        
เป็นการคืนกำไรให้พี่ๆ ได้หันเหไปใช้ชีวิตในแง่มุมอื่นๆ บ้าง ซึ่งบางครั้งพี่ๆ ก็ถือโอกาสไปเที่ยวเล่นสาดน้ำในแบบวัยรุ่นๆ ที่นิยมเฉกเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
        
บางทีพี่ๆ ก็นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ไปเล่นน้ำและจีบสาวในหมู่บ้านต่างๆ 
        
บางทีก็นั่งเบียดเสียดกันบนรถกระบะเพื่อแล่นลิ่วไปสาดน้ำในสถานที่อันคึกคักไปด้วยผู้คน
        
เช่นเดียวกับบางครั้ง  ก็พากันไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านที่มีมหรสพ  กว่าจะกลับเข้าบ้านได้  บางครั้งก็มืดค่ำ  หรือไม่ก็ดึกดื่นเที่ยงคืน
        
จวนฟ้าสาง ก็บ่อยไป

  
ซุ้มน้ำอีกห้องเรียนที่สร้างมาให้ลูกๆ ได้เรียนรู้แทนการตระเวนไปกับรถกระบะอันสุ่มเสี่ยง
โดยคุณแดนไท เฝ้ากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

แต่สำหรับการรับรู้ของผมนั้น  ผมยอมรับว่าการเที่ยวเล่นเช่นนั้น  ดูสนุกก็จริง แต่หลายต่อหลายครั้ง  กลับต้องหวาดหวั่นกับข่าวคราวของอุบัติเหตุบนท้องถนน  รวมถึงการทะเลาะวิวาทอย่างบ้าคลั่ง บางรายหัวโนปูดโปน
          แต่บางครั้ง กลับต้องเลือดตกยางออก
         
บางรายถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็มี 
         
และยิ่งหมู่บ้านผม เป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับเขื่อนลำปาว ยิ่งเห็นได้ชัดว่า  ในแต่ละปี  ผู้คนต่างขนกันมาเล่นน้ำราวกับจำนวนคนที่ก่อม็อบในเมืองใหญ่ๆ 
         
ในทุกๆ ปี ก็มักจะมีคนจมน้ำตายอยู่เนืองๆ  ทั้งมาจากการเมาสุรา และจากสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่วนเวียนกลับมาซ้ำรอยเดิมในแต่ละปี
         
เช่นเดียวกับสถานที่ใดที่มีงานบันเทิงมากๆ  ผู้คนก็จะแห่แหนไปร่วมงานแบบไม่ต้องรอรับบัตรเชิญ 
         
แต่ละคนจะวาดลวดลายสนุกกันสุดเหวี่ยง เมาบ้างไม่เมาบ้าง  แต่สุดท้ายก็ไม่วายลงเอยด้วยข่าวคราวของการสูญเสียอยู่วันยังค่ำ  นั่นคือ การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุทางท้องถนน หรือไม่ก็เกิดจากการลงไม้ลงมือตบตีกัน 
        
จนผู้หลักผู้ใหญ่ออกอาการเอือมระอาเหลืออด และพร้อมใจกันเรียกติดปากแบบชาชินว่า นั่นคืออาการ กัดกัน  ของวัยรุ่นไทย 
        
เรียกได้ว่า  มีงานที่ไหน มีอันต้องเก็บกวาดเศษขวดเศษไม้ รวมถึงการชะล้างคราบเลือดที่ประทับลงพื้นอย่างเศร้าสลด
        
นั่นคือ เรื่องร้ายๆ ที่เบียดเข้ามาฝังร่างเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของผมที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลแห่งการเล่นน้ำในอดีตที่ชนบทบ้านเกิด

 

 


อย่างไรก็ดี  ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยได้ท่องเล่น หรือใช้ชีวิตในแง่มุมเช่นนั้นเลย  แต่ผมก็มีความสุขกับวิถีสงกรานต์ในแบบพื้นถิ่นของตัวเองเป็นที่สุด    
       
โดยเฉพาะในช่วงเย็นๆ ก่อนห้าโมงเย็นนั้น  ผมจะต้องรีบต้อนวัวเข้าคอก  จากนั้นก็ตรงดิ่งเข้าวัด  โดยมีจุดหมายอันสำคัญคือการไปอาบน้ำหอมที่ชาวบ้านสรงพระและไหลลอดลงมาตามพื้นศาลาวัด   
        เสร็จจากนั้นก็กลับเข้าบ้านแบบอิ่มสุข อาบน้ำชำระร่างกายอีกรอบ ก่อนเตรียมตัวทานข้าวร่วมวงกับคนในครอบครัวอย่างรื่นรมย์
       
หรือไม่ก็โชคดีหน่อย เมื่อพี่เขยอาสารับช่วงเลี้ยงวัวแทน  ส่งผลให้ผมพลอยได้รับอานิสงส์ไปเล่นสาดน้ำกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน โดยยึดเอาหน้าบ้านของใครคนใดคนหนึ่งเป็นฐานทัพอย่างสนุก
       
และความสนุกที่ว่านั้น ก็หมายรวมถึงความสุขของชีวิต-สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ
       
สุขแบบไม่ซับซ้อน สุขแบบไม่ต้องซื้อขายกันด้วยเงินตรา หรือสิ่งของใดๆ
       
และสุขแบบเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

 

เป็นที่รู้กันว่า สงกรานต์ของทุกปี บริเวณนี้คือจุดนัดพบของนักฝันรุ่นเยาว์ของหมู่บ้าน


เช่นเดียวกับปีนี้  ผมเองก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะสอนให้ลูกๆ ได้เห็นถึงวิถีสงกรานต์ในแบบเดิมๆ ของชาวบ้าน  โดยเบื้องต้นเราต่างพูดคุยถึงการนั่งรถไปยังที่ต่างๆ ว่าเป็นความเสี่ยงของอุบัติเหตุ และเสี่ยงต่อการพลัดพรากในรูปแบบต่างๆ  ซึ่งสองหนุ่มสองมุมก็รับหลักการนั้นโดยไม่อิดออด
         
          
ดังนั้น  ทั้งผมและเพื่อนชีวิต ตลอดจนปู่และย่า จึงต้องลงแรงสร้างซุ้มน้ำขึ้นมาเป็นฐานทัพให้ลูกๆ ได้เล่นน้ำตามแบบที่ควรจะต้องไป  แต่ก็ไม่เคยลืมที่จะอธิบายให้รู้ว่า  ซุ้มนี้ไม่เพียงมีไว้เพื่อเล่นสาดน้ำเท่านั้น
          
หากแต่หมายถึงการเป็นที่รองรับผู้มาเยือนในวิถีต่างๆ  ทั้งจากขบวนแห่พระฯ ของชาวบ้าน  ซึ่งเมื่อขบวนแห่เดินทางมาถึง  ก็ให้ลูกๆ สรงน้ำพระที่ประดิษฐานอยู่บนรถ พร้อมๆ กับการขอสรงน้ำพระสงฆ์และผู้หลักผู้ใหญ่ 
           รวมถึง
การเชื้อเชิญและส่งน้ำเย็นๆ ให้แต่ละคนได้ดื่มได้กินอย่างเป็นกันเอง
          
อีกทั้ง เมื่อมีแขกต่างบ้านแวะเวียนมาขอน้ำ ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งน้ำให้กับเขาไป  เพื่อให้ผู้สัญจรทางเหล่านั้น  มีน้ำใช้เล่นสงกรานต์ตามเส้นทางกันต่อๆ ไป

  

ครับ-ฟังดูเป็นการไม่ประหยัดน้ำเอาเสียเลย  แต่ผมก็พยายามอยู่ไม่น้อยกับการดูแลและควบคุมการใช้น้ำในแต่ละห้วงเวลา  ไม่ใช่เปิดทิ้งเปิดขว้าง และให้เด็กๆ สาดทิ้งสาดขว้างแบบไม่บันยะบันยังในโอกาสเดียวกันนี้  ทั้งผมและคุณแดนไทก็ไม่ลืมที่จะจัดหาข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยมาเลี้ยงเด็กๆ 
         
เรียกได้ว่าแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมก๊วนของลูกๆ ได้สนุกแบบไม่หิวกระหาย เป็นการดำเนินงานภายใต้แนวคิด
กองทัพเดินด้วยท้อง          
         
ครับ - ผมว่าวิธีเช่นนี้ดูเหนื่อยไปหน่อย  เหนื่อยต่อการจัดหาเสบียงมาจุนเจือเด็กๆ  หรือไม่ก็เหนื่อยต่อการเฝ้าระวังความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ แบบคาดไม่ถึง  แต่ก็ถือว่ายังดีกว่า  การนำพาให้ลูกๆ ออกตระเวนเที่ยวไปในที่ต่างๆ ซึ่งนั่นอาจต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ  
         
บางทีถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  โตขึ้นคงต้องอธิบายอีกมาก  ให้เขาเข้าใจว่า ควรต้องเล่นสงกรานต์ แบบใดดี
        
ถึงแม้กระบวนการของวันนี้ จะไม่ใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียทั้งหมด  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย  และดีกว่าการปล่อยให้ลูกๆ ติดสอยห้อยท้ายไปกับญาติๆ  ทั้งในวิถีของรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ที่ดูยังไงก็อันตรายอยู่ดี

 

 

 

          ถัดจากนั้น  เมื่อการเล่นสาดน้ำบนวิถีถนนหน้าบ้านได้สิ้นสุดลง  ทั้งผมและลูกๆ  ก็ไม่ลืมที่จะมาเสวนากันแบบขำๆ ว่าวันนี้สนุกแค่ไหน  เห็นอะไรบ้าง  มีใครแบ่งขนมให้เพื่อนๆ บ้างหรือเปล่า
          มีใครพูดเพราะ-พูดไม่เพราะ  บ้าง
         
หรือแม้แต่  มีใครได้รดน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผ่านไปมาระหว่างเส้นทางนั้นๆ บ้าง
         
และใครคือผู้ที่สามารถรดน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ได้มากที่สุด  
         
เสร็จแล้วก็ชมเชยกันแบบตามมีตามเกิด  ไม่มีของรางวัลใดๆ  จะมีก็แต่คำชมขำๆ เชยๆ ที่กลั่นออกจากก้นบึ้งหัวใจของผมเอง

และที่สำคัญที่สุดที่ผมไม่อาจละเลยไปได้ นั่นก็คือ การปิดท้ายการเรียนรู้ของลูกๆ  ด้วยการเล่าตำนานสงกรานต์ให้ลูกๆ ได้ฟัง  เป็นต้นว่า  เรื่องของกุมารธรรมบาลกับท้าวกบิลพรหม ผูกโยงไปถึงการตำนานการปล่อยปลาตามวิถีพุทธ อันมีพระสารีบุตรและสามเณรเป็นตัวเดินเรื่อง

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าการเล่านิทานก่อนนอนนั้น  ถือเป็นกระบวนการอันสำคัญของการสร้างทักษะการเรียนรู้ หรือสร้างทักษะของการ "แสวงหาความรู้" ให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อทุกครั้งกิจกรรมต่างๆ ยุติลง ผมก็มักหยิบเอาเรื่องที่เกี่ยวข้องมาขยายผลเป็นนิทานก่อนนอนเสมอ
         
เพราะเชื่อว่า
          - การเล่านิทาน คือกลไกอันสำคัญที่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนเล่ากับคนฟัง
         
- การเล่านิทาน จะช่วยให้เด็กๆ เกิดความผ่อนคลาย หลับง่าย และหลับแบบสุขสงบ  เพราะคลื่นสมองจะต่ำลง
         
- การเล่านิทาน จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับความรู้ไปในตัว  และเป็นการปลูกฝังสิ่งอันดีงามลงสู่จิตใต้สำนึกของเด็กๆ

 

บริเวณสวนครัวเล็กๆ ใกล้ๆ กับต้นขี้เหล็กที่เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น เป็นอีกห้องเรียนหนึ่งของการเล่นน้ำ

ไม่แต่เฉพาะเท่านั้น  ผมยังหยิบยกเอาตำนานสงกรานต์ของชาว "สิบสองปันนา" มาเล่าแถมท้ายให้อีกเรื่อง  โดยเรื่องนั้นกล่าวไว้ว่า .. 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มียักษ์ตนหนึ่งชอบบังคับให้ชาวบ้านส่งลูกสาวไปปรนนิบัติพัดวีตัวเองในทุกๆ ปี  จนกระทั่งถึงคราวที่หญิงสาวคนหนึ่งต้องถูกส่งไปแบบเลี่ยงไม่ได้  แต่นางก็ไม่เกรงกลัวต่อยักษ์ตนนั้นเลย ตรงกันข้ามกลับเฝ้าปรนนิบัติยักษ์เป็นอย่างดียิ่ง

ซึ่งวันหนึ่ง นางได้วางอุบายโดยการมอมเหล้ายักษ์ตนนั้น เมื่อยักษ์เริ่มออกอาการเมา นางจึงเอ่ยถามว่า ความอมตะของยักษ์จะถูกทำลายลงได้อย่างไร 

และด้วยความที่ยักษ์อยู่ในอาการเมา-ยักษ์จึงเผลอตัวบอกความลับไปว่า  หากจะฆ่ายักษ์ให้ตาย  ก็ต้องนำเส้นผมเส้นเดียวบนหัวของยักษ์นั่นแหละมาพันรอบคอของยักษ์

เมื่อเป็นเช่นนั้น  ทันทีที่ยักษ์หลับสนิท นางก็ดึงเอาเส้นผมของยักษ์มาพันรอบคอ จนในที่สุดคอของยักษ์ก็ขาดกระเด็นออกจากร่าง  เลือดที่ไหลนองลงสู่พื้น  กลับกลายเป็นเพลิงไฟลุกไหม้ไปทั่ว  ทำให้นางต้องจับศีรษะของยักษ์ชูขึ้น ไฟเหล่านั้นถึงหยุดลุกไหม้

แต่เลือดที่ไหลออกมานั้น กลับกระเด็นไปเปื้อนตัวของนางแบบเต็มๆ  ถึงขั้นว่า ดูไม่ออก บอกไม่ถูกว่าเป็นนางหรือเปล่า  ดังนั้นชาวบ้านจึงช่วยกันใช้น้ำมาล้างตัวของนางจนสะอาดสะอ้าน และกลับมาสวยสง่าดังเดิม

นั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานสงกรานต์แห่งสิบสองปันนาของชาวไทลื้อที่ผมเคยได้ศึกษาเมื่อปีที่แล้ว  ซึ่งก็โชคดีมากที่ได้นำมาเป็นอีกบทเรียนหนึ่งให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ในวันนี้  ผ่านกลวิธีการเล่าด้วยภาษาอีสาน ผสมปนเปกับภาษากลาง  เน้นให้พวกเขาสนุกขบขันกับเรื่องที่เล่าเป็นหลักสำคัญ

       ครับ นั่นคืออีกกระบวนการหนึ่งของการสอนพิเศษให้กับลูกๆ ที่บ้านเกิดในชนบทของผมเอง
       เพียงแต่คราวนี้ หาใช่วิชาที่ว่าด้วย ท้องไร่ท้องนา  เหมือนทุกครั้ง
       แต่มันคือ วิชาที่ว่าด้วย สงกรานต์  ตามวิถีที่ผมคุ้นชินเท่านั้นเอง

 

.....

http://gotoknow.org/blog/pandin/90642
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ (1) 

http://gotoknow.org/blog/pandin/90724
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ (2) 

http://gotoknow.org/blog/pandin/90827
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ.. ค่ำคืนที่พ่อทำแผลให้กับผม (3) 

http://gotoknow.org/blog/pandin/91039
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ ..เมื่อเจ้าแดนไทอยากเดินตามก้นพ่อเหมือนเป็ดที่เดินตามก้นเรียงกันเป็นแถว (4)

http://gotoknow.org/blog/pandin/91052
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ ..เมื่อแดนไทบอกว่าจะกลับมาอีก (5)

http://gotoknow.org/blog/pandin/91292
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ ..เมื่อผมและคนที่รักกินข้าวฮวมพา - กินปลาฮวมปิ้ง (6)

http://gotoknow.org/blog/pandin/91876
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ.. ภาพชีวิตเล็ก ๆ ในครอบครัวกลางถนน (7) 

http://gotoknow.org/blog/pandin/92545
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ..เปลือยท่อนบน..สวนเสเฮฮาในสวนน้ำ (8) 

http://gotoknow.org/blog/pandin/92963
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ ..ซาลาเปาของฝากจากหลานแดนที่ไปไม่ถึง "พ่อปู่" (9)

http://gotoknow.org/blog/pandin/92978
สงกรานต์ : 1,100 กิโลเมตร .. บันทึกการเดินทางของชีวิตในเทศกาลน้ำ...สิ่งที่ลูกชายคนหนึ่งพึงกระทำด้วยหัวใจ (จบ) 

 

 

หมายเลขบันทึก: 256127เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2009 20:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (45)
  • สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
  • สอนลูกแบบนี้ ดีมากๆๆค่ะ
  • ชอบค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ อดทนต่อการอ่านจริงๆค่ะ อิอิ

สวัสดีครับ ป้าแดง pa_daeng

สุขกาย สบายใจย้อนหลังวันขึ้นปีใหม่ไทย นะครับ..

ผมเองเพิ่งได้อยู่นิ่งๆ เพียงสองวันนี่แหละครับ จึงพอมีเวลาเขียนบันทึกและตอบบันทึกไปเรื่อยๆ ..

แล้วจะแวะไปทักทาย นะครับ

 

สวัสดีครับ...paula ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

ขอบคุณครับที่ช่วยอ่านจนจบ.. จริงๆ ไม่ยาวเกินกว่าเรื่องอื่นๆ เท่าใดนักหรอกนะครับ เพียงแต่ผมใช้ย่อหน้าบ่อยๆ หรือมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง

ยังไงก็ขอบคุณครับ..
ขอบคุณที่ช่วยอ่านจนจบ

ฮา-

...............................

  • เป็นการสร้าง "ห้องเรียน" ที่น่าสนใจเชียวค่ะ
  • เด็กๆ น่าจะมีความสุข กับ การเรียน และ การเล่น ที่เป็นหนึ่งเดียวกันได้
  • อิจฉาแทนเด็กๆ หลายคนที่ต้องเรียนกวดวิชากันทั้งวันทั้งคืน
    โดยไม่ได้เรียนรู้จากวิถีชีวิต จากคนรอบข้าง จากครอบครัว และจากการเล่นสนุก
  • ได้ดูบันทึกย้อนหลังด้วย...อบอุ่นค่ะ...สมกับคำว่า "ครอบครัว"

 

สวัสดีค่ะ

  • เล่าได้หลายเรื่องในบันทึกเดียวกัน
  • ได้ความรู้สึกที่รับรู้ สัมผัสถึงความหมายที่ต้องการสื่อได้ค่ะ
  • ถ้าเป็นป้าคิม..จิ้มไม่ไหวค่ะยาวแบบนี้
  • ได้แต่เล่าสั้น ๆ ใส่ภาพประกอบไปด้วย
  • คิดถึงพี่เซียงและน้องชายค่ะ

สวัสดีค่ะ

*** ดีใจแทนเด็กๆ ที่มีคณพ่อจัดแหล่งเรียนรู้ให้เกิดทักษะชีวิตอันหลากหลาย บางรูปที่เด็กๆถือถังนำ..ปืนฉีดนำ เพื่อรอคนผ่านมาด้วยใจจดจ่อ และถ้าได้สาดถูกใครสักคนหัวใจเขาชุ่มฉำกว่าน้ำเสียอีก...เป็นความสนุกในวัยเด็กมิรู้ลืม

สวัสดีครับ . pis.ratana

เทอมที่ผ่านมาทั้งเทอม น้องดินไม่ได้เรียนพิเศษ แต่เกรดที่ได้ก็ไม่ขี้เหร่นัก  ได้ประมาณ 3.5 ไม่มาก และไม่น้อยครับ สำหรับคนที่ไม่เรียนพิเศษ

แต่ปีหน้า คุยกันแล้วว่าจะให้เรียนพิเศษในช่วงเย็นด้วย  แต่อาจจะเป็นวันเว้นวัน  ที่เหลือจะได้มีเวลาในการเล่นและออกกำลังกายตามที่ควรจะต้องเป็น

ตอนนี้ เด็กๆ ก็ไปวัดในตอนช้าบางเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งที่ไปก็จะไม่หยุดนิ่ง โดยจะเข้าไปเก็บโน่นเก็บนี่อยู่เรื่อย เพราะถือว่าตนเองผูกพันและคุ้นเคยกับพิต่างๆ เป็นอย่างดี ... ซึ่งผมก็คิดว่า ชีวิตในชนบท จะกล่อมเกลาให้เด็กๆ เป็นคนมองโลกในแง่ดีไปในตัวด้วยเช่นกัน ครับ

 

มีทั้งสุขและทุกข์ปนกันไป

สุขที่เห็นลูก ๆ เล่นสงกรานต์อย่างสนุกสนาน

ทุกข์เพราะกลัวรถจะชนเด็ก ๆ ที่เล่นสงกรานต์ริมถนน  เลยต้องเฝ้าไม่ให้ห่างสายตา

สุขสันต์วันปีใหม่จ้า

สวัสดีครับ ครูคิม

เอาไว้บันทึกหน้านะครับ จะเขียนสั้นๆ อ่านง่ายๆ ดู ..ผมเองก็พยายามนะครับกับการปรับแต่งให้สั้นๆ  และอ่านเข้าใจง่าย

จะพยายามครับ ผมสัญญา...

ขอบคุณอีกครั้ง ครับ

สวัสดีครับ.. กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

หลายคนผ่านไปมา ก็ลงมาลุยเล่นน้ำกับเด็กๆ อย่างสนุกนะครับ ทั้งชาวบ้านและเพื่อนต่างบ้าน  เป็นความสุขที่ทุกคนสัมผัสได้ แต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กันดีไปในตัวด้วยเช่นกัน

แต่ที่ต้องระวังที่สุดก็คือ เรื่องรถที่วิ่งสวนไปสวนมานั่นแหละครับ แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  เด็กๆ เชื่อฟังคำเตือนและข้อห้ามมากกว่าทุกครั้ง บางคราว อพปร. ก็ออกมายืนโบกรถให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำ..

เรียกได้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ปกครองกับเจ้าหน้าที่ของชุมชน ครับ

 

คุณ. danthai  ครับ

จากภาพ..ดูเหมือนครูกำลังคุมเข้มนักเรียนยังไงยังงั้นเลย นะครับ..

สวัสดีค่ะ

ชอบมากเลยตรงที่บอกว่า

เลี้ยงวัวควายแทนพี่ๆ

เป็นน้องที่ดี...

ถ้าอาจารย์ได้ไปอ่านหนังสือให้เด็กป่วย

สอดแทรกธรรมะ...การมีความสุขกับวันเวลาที่เหลืออยู่

คงจะดีไม่น้อยเลย...ฝันฝัน...

สวัสดีครับ พี่ แดง

การทำงานจิตอาสาในโรงพยาบาล เป็นความใฝ่ฝันของผมเลยนะครับ เคยคุยกับน้องนิสิตหลายคนเหมือนกัน แต่พอจะเริ่มลงมือ ทั้งในเรื่องดนตรี การอ่านหนังสือ การเล่านิทาน...ก็จำเปลี่ยนสายงานเสียก่อน

ความฝันที่ว่านั้น เลยไม่ปรากฏเป็นรูปร่าง..

ผมสนใจนะครับ..มีอะไรแชร์ได้ ผมยินดีเสมอ...

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีค่ะ

 

ทราบเลยว่าความรัก...ทำให้อาจารย์เล่าเรื่องที่น่ารักน่าเอ็นดูและน่าสนใจได้มากมายขนาดนี้

สุขสันต์วันปีใหม่ไทยทั้งครอบครัว  นะคะ

สวัสดีครับ พี่อรวรรณ

ครับ..ความรัก เป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมเล่าเรื่องนี้อย่างยืดยาว
ความรักที่ว่านั้น  คือ ความรักที่มีต่อบ้านเกิด
ความรักที่มีต่อ คนของความรักของผมทุกคน
และความรักที่มีต่อความเป็นสังคมไทย- ครับ

...

สุขกาย สบายใจเหมือนสายน้ำ นะครับ

ได้ฟังนิทานแล้วยังได้รำลึกถึงบรรยากาศสงกรานต์ในวัยเด็ก

ตกเย็นกินข้าวกินปลาเสร็จต้องรีบออกไปที่ลานวัด

จะมีการละเล่นของหนุ่มสาว

ที่จะมีโอกาสได้มาใกล้ชิดเกี้ยวพาราสีกันอย่างสนุกสนานเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น

ยิ่งเห็นดอกคูณสีเหลืองอร่ามพาลให้นึกถึงเสียงแคนแว่วๆ

"และความสนุกที่ว่านั้น ก็หมายรวมถึงความสุขของชีวิต-สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ

สุขแบบไม่ซับซ้อน สุขแบบไม่ต้องซื้อขายกันด้วยเงินตรา หรือสิ่งของใดๆ

และสุขแบบเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม"

สวัสดีครับท่านอาจารย์ แผ่นดิน "สุขแบบไม่ซับซ้อน แต่ลึกซึ้งครับท่าน"

อ่านจนจบ อ่านสองรอบ ในความรู้สึกจากการอ่าน เหมือนลับมาจากนาได้กินข้าวแกงผักสมรม(แกงเลียง)กับน้ำพริกผักเหนาะกินได้มากแต่เหมือนกับไม่อิ่มไม่เอียน

ขอบคุณความหลากหลายทางอาหารสมองที่ทำให้คิดย้อนไปถึงวันเก่าก่อนครับ(แฮะๆๆๆคนแก่ชอบความหลังครับ)

สวัสดีครับ คุณ รินทร์

แปลกแต่จริงนะครับ  ทุกวันนี้ผมรู้สึกว่าเราต่างโหยหาอดีตด้วยกันทั้งนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสังคมวันนี้ดูวุ่นวายและหยาบกร้าวมากกว่าอดีต  แต่นั่นก็คงเป็นความรู้สึกของคนรุ่นเก่า หรืออย่างน้อยก็อายุในราวๆ หลักสามสิบปีขึ้นกระมัง  ส่วนคนรุ่นใหม่ที่อายุอานามยี่สิบต้นๆ นั้น  ก็คงคุ้นเคยกับสภาพปัจจุบันของสังคมเป็นอย่างดี

ผมชอบภาพชีวิตของคนชนบทที่ผูกพันอยู่กับวัด-โรงเรียน-และท้องทุ่งเป็นอย่างมาก หลายครั้งชอบที่จะไปนั่งดูเด็กและเยาวชนเล่นกีฬาตอนเย็นๆ ที่สนามโรงเรียน ปนเปกันทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน  ผมชอบบรรยากาศเช่นนี้มากกว่าการแยกตัวมาเล่นในสนามของชุมชนโดยตรง ที่หลายแห่งสร้างขึ้นแล้วถูกละเลยให้รกร้างอย่างน่าเสียดาย

ในวัดก็เช่นเดียวกัน ผมชื่นชอบกับภาพของเด็กเยาวชน หรือแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พากันเข้าไปเล่น หรือทำกิจกรรมแบบสร้างสรรค์กันที่วัด  โดยไม่ใช่เข้าวัดแต่เฉพาะงานบุญงานทานเท่านั้น  คล้ายกับมองว่าวัดคือสวนสนุกของชีวิต หากเป็นเป็นสวนสนุกที่มีสาระทางโลกและทางธรรมเป็นนัยแฝงให้ได้เรียนรู้

ครับ-นั่นคือความทรงจำที่หวนหาของผม แต่ก็ไม่ถึงกับจมดิ่งอยู่กับอดีตจนปฏิเสธความเร่งร้อนของสังคมในปัจจุบัน ...

....

ขอบคุณครับ

 

  • สวัสดีค่ะ
  • ดูเหมือนว่าขณะนี้ประเพณีสงกรานต์บ้านเรา
  • จะจดจ่ออยู่ที่การเล่นสาดน้ำ ประแป้ง
  • การละเล่นแบบไทยๆเรากำลังสูญหาย
  • ที่หมู่บ้านของลำดวนก็เช่นกัน
  • เด็กๆรอวันได้ขึ้นรถกระบะ ตระเวนเล่นสาดน้ำไปตามจุดต่างๆที่มีคนเยอะ
  • ซึ่งบางทีก็หาความสุภาพยากยิ่ง
  • อันตรายมากสำหรับเด็กสาว ที่ถูกฉกฉวยโอกาส

ครับ..
คุณ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ผมเคยตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า ใครๆ ที่ชอบแวะมาอ่านบันทึกของผมก็ดูเหมือนเป็นกลุ่มคนที่ชอบรำลึกความหลัง-ความทรงจำของชีวิตอย่างไม่รู้เบื่อ -เข้าข่ายแก่ประสบการณ์ครับ (ไม่ใช่แก่ หรือสูงวัยตามที่เข้าใจซะหน่อย...)

ดีใจและเป็นเกียรติมากเลยทีเดียวกับความรู้สึกที่มีให้ต่อบันทึกของผม..ในการนิยามว่า "อาหารสมอง"
ฟังแล้วรู้สึกดี และมีกำลังใจที่จะเขียนบันทึกในแนวนี้ต่อไปเรื่อยๆ
แต่ถัดจากนี้ไป ก็คงหันเหไปเรื่อง "งานประจำ" บ้างแล้ว
อย่างน้อย จะได้สังเคราะห์และรวบรวมแนวคิดจากทุกท่านไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในองค์กรต่อไป

...

ขอบคุณอีกครั้งจากใจ ..ครับ

สวัสดีครับ อ.ลำดวน

  • ผมเห็นด้วยกับประเด็นเหล่านี้นะครับ
  • จดจ่ออยู่ที่การเล่นสาดน้ำ ประแป้ง
  • เด็กๆรอวันได้ขึ้นรถกระบะ ตระเวนเล่นสาดน้ำไปตามจุดต่างๆที่มีคนเยอะ  บางทีก็หาความสุภาพยากยิ่ง
  • อันตรายมากสำหรับเด็กสาว ที่ถูกฉกฉวยโอกาส
  • .....
  • น่าห่วงครับ กับกระแสใหม่ที่เบียดเข้ามาแทรกในกระแสวัฒนธรรมเดิมๆ ของไทย
  • การเขียนบันทึกในทำนองนี้  ส่วนหนึ่งก็เจตนาที่จะสะท้อนมุมมองที่ใครๆ ก็ "มอง"  ให้ถี่ขึ้นเท่านั้นเอง
  • เป็นการย้ำคิดย้ำทำ  ย้ำเน้นให้รู้ และตระหนัก เท่าที่จะพึงทำได้
  • และส่วนตัว ก็ได้ผลพวงความสุขทางใจ กับการได้หวนคิดถึงเรื่องราวอันดีงามของชีวิตและสังคม
  • ....ขอบคุณครับ...

อาจารย์สอนลูกได้ดีนะคะตามเหตุกาณ์จริง ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง สนับสนุนคะ

การเล่านิทานให้ลูกก่อนนอน เป็นสิ่งที่ดีมากๆ

ลูกจะได้เรียนรู้หลายต่อหลายอย่างจากนิทานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจินตนาการ

เรียนรู้การใช้ภาษาไทย เรียนรู้เรื่องราวหลากหลายที่สอดแทรกไว้ในนิทาน

กุ้งเองก็ทำอยู่ทุกวันที่นอนกับลูก วันละ หลายเรื่องด้วยนะคะ

จนกว่าจะหลับ ชื่นชมค่ะ คุณแผ่นดิน อ่อ..อีกอย่างมาวันนี้มาชวนคุณแผ่นดินไปตามหาฝันตัวเองในการช่วยเหลือเด็กป่วยค่ะ เข้าไปอ่านบันทึกล่าสุดของพอลล่าหรือยังคะ

ถ้ายังต้องอย่าลืมเเวะไปอ่านนะคะ

แล้วเจอกันที่ขอนแก่นพร้อมทีมจิตอาสา g2k พ.ค.52

สวัสดีครับ พี่ประกาย~natachoei ที่~natadee

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ...

ทุกๆ วันเกี่ยวกับลูก ก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นยังไงนั้น ก็คงต้องปล่อยวางโดยการไม่กดดันลูกๆ ..

แต่ก็ดีใจอยู่อย่างก็คือ  ลูกๆ มีความสุขกับการไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอก  โดยไม่เกี่ยวงอน หรือปฏิเสธ  อย่างน้อยถึงเขาจะยังเด็กเกินกว่าที่จะบอกว่าได้อะไร-ปู่กับย่าก็ได้ความสุขใจที่ได้อยู่กับหลานๆ ...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ สุธีรา

...คงมีโอกาสได้ตามหาฝันตัวเองในการช่วยเหลือเด็กป่วยด้วยกันกระมังครับ  ส่วนจะช่วยอไรได้บ้าง ก็คงค่อยว่ากันอีกที

ยินดีและเป็นเกียรติ ครับ...

เป็นความฝันเลยค่ะ ความฝันที่ตรงกัน

 ยินดีที่สุดเลยค่ะ

เด็กๆน่าสงสาร ถ้านักศึกษามาก็จะได้เห็นชีวิตอีกมุมหนึ่ง

 อาจจะเกิดแรงบันดาลใจ ฝากดอกไม้มาขอบคุณค่ะ

ปีนี้โชคดีมากค่ะ หยุดงานในวันที่ 14 ได้กลับบ้านรดน้ำขอพรผู้ใหญ่แถมได้เล่นสาดน้ำกับเด็กๆ จะบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากค่ะ ทำให้หวนนึกถึงสมัยยังเด็กๆ แถมยังเจอเพื่อนเก่า รร.เก่า คุณครูคนเก่า วัดเก่าที่เคยวิ่งเล่นสมัยเด็กๆ นึกถึงทีไรยังมีความสุขอยู่เลยค่ะ

ยินดีครับ พี่.แดง

มีอะไรให้ช่วย บอกมาให้ชัดเลยก็ได้ครับ  จะได้ทำให้ถูก ให้เหมาะ และเตรียมตัวไปให้พร้อม..

ผมเป็นคนประเภทมีนัดแล้วไหลไปเรื่อยครับ ...ซึ่งหมายถึงมีงานแทรก งานเข้าเสมอ  แต่คิดว่า ถ้ากำหนดการชัดเจนก็จะปักธงลงให้ชัดครับ...

ขอบคุณครับ..ขอบคุณที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

ผมอยากให้คนรุ่นปัจจุบันได้มาอ่านจังเลย

ลืมไปครับ พี่.แดง

มีอะไรให้เดินทางไปเป็นเจ้าภาพช่วยล่วงหน้า..ก็ยินดี นะครับ บอกมาได้เลย..

ผมเทใจให้...

สวัสดีครับ นิตยา จรัสแสง

เจอเพื่อนเก่า รร.เก่า คุณครูคนเก่า วัดเก่าที่เคยวิ่งเล่นสมัยเด็กๆ นึกถึงทีไรยังมีความสุขอยู่เลยค่ะ

....

ใช่เลยครับ
นึกถึงทีไร ก็เป็นความสุขที่เราแตะต้องและสัมผัสได้ ราวกับสิ่งเหล่านั้น เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่นาน และมีความเป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ เบดูอิน

บันทึกนี้ ผมจะนำไปใช้เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการเรียนรู้ของนิสิต โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้นำกิจกรรม...

ขอบคุณครับ..

มาอ่าน...จากแดนไกลค่ะ...ได้อรรถรสเช่นเดิมค่ะ

สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายและชื่นชมค่ะ....

การได้เฝ้าดูเด็ก ๆ เป็นสิ่งบันเทิงใจอย่างยิ่งของผู้ใหญ่เช่นเรานะคะ

เพราะ....เขาเหล่านี้คือ "คำตอบ" สำหรับอนาคตของชาติค่ะ

ชอบภาพนี้จ้งค่ะ

(^___^)

สวัสดีครับ พี่เมตตา

สบายดีนะครับ...

"มาอ่านจากแดนไกล..."-ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยครับ

ขอบคุณครับ - ขอให้มีความสุขกับชีวิตและการงานมากๆ นะครับ

สวัสดีครับ..คนไม่มีราก

ในภาพข้างต้นนั้น  เป็นมุมอีกมุนหนึ่งที่เด็กๆ ในหมู่บ้านแวะเวียนมานั่งเล่นร่วมกับลูกๆ ..เป็นเสมือนสนามเด็กเล่นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ ..

มีชิงช้า..มีลานดินเล็กๆ เป็นกระดาษ...ฯลฯ..
ผมเองก็หลงรักมุมนี้เป็นชีวิตจิตใจ
ส่วนเรื่องของลูกๆ นั้น
ผมคงไม่อาจหวังให้เขาเป็นคนสำคัญของสังคม
แต่อย่างน้อย..
ก็ขอให้เขาไม่เป็นภาระของสังคม...ก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้ว

....

ขอบคุณครับ

  • ภาพและเรื่องได้บรรยากาศดีมาก
  • หลานสาวบอกว่า "อยู่บ้านนอก ดีกว่าอยู่บ้านใน (เมือง) เพราะหนูพูดได้ ตั้ง 3 ภาษา ลาว (อีสาน) ไทย อังกฤษ แต่เพื่อนหนูพูดได้แค่ 2 ภาษา"

Sgp7

หลานๆ เล่นสงกรานต์ที่บ้านนอกค่ะ

สวัสดีครับ พี่เกศ-เกศนี

อยู่บ้านนอก ดีกว่าอยู่บ้านใน - ฟังดูแล้ว เป็นคำพูดง่ายๆ แต่ได้อรรถรสมากเลยนะครับ..

ผมชอบมากครับ การกลับไปบ้านในชนบทของเด็ก (บ้านนอก)  ทำให้เด็กรู้สึกถึงโอกาสของการใช้ภาษาในการสื่อสารอย่างหลากหลาย  และนั่นก็คือกระบวนการหนึ่งของการใช้ทักษะของการเรียนรู้ดีๆ นั่นเอง

...

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม นะครับ..

และขอให้มีความสุขกับชีวิตและการงาน เสมอไป...

ผมเป็นกำลังใจให้อีกคน-ครับ

เข้ามาเก็บเกี่ยวสิ่งดีงามครับ

ขออนุญาตนำไปประยุกต์ใช้กับลูกชายหน่อยนะครับ

สวัสดีครับ.. ขอแค่ได้เขียน


ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ..
อะไรที่คิดว่ามีประโยชน์จากบันทึกของผม ขอให้เป็นสมบัติของทุกคนในบล็อกและอื่นๆ ได้เลยครับ..
บางอย่างที่ลูกๆ แสดงออกมา
ก็ทำให้เราอดที่จะสำรวจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
เพราะพฤติกรรมของลูก..
เสมือน ภาพสะท้อนความเป็นเราในอดีต ด้วยเหมือนกัน

ขอบคุณอีกครั้งจากใจ ...
ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ ลูกคือเงาสะท้อนของเรา... นำภาพที่ทำกิจกรรมมาฝาก... เด็กก็คือเด็กสดใส ...สวยงาม... ดอกไม้นี้ไม่น่าเหี่ยวเร็วนะคะ...

วันที่ 14 เม.ย อยู๋กาฬสินธุ์ค่ะ รถติดยาวมาก

และได้ขับรถชมบรรยากาศเทศกาลวันสงกรานต์

สวัสดีครับ พี่ แดง

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..
เด็กก็คือเด็กสดใส ...สวยงาม
ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่นงค์...
MSU-KM :panatung~natadee

กาฬสินธุ์ บริเวณถนนสงกรานต์ในตัวเมือง
รถติดแน่นเหมือนที่อื่นๆ ที่ถูกโซนนิ่งเป็นถนนสงกรานต์

แต่ทางเข้าเขื่อนลำปาวแถวๆ บ้านผม นั่นยิ่งติดยาวเหยียดครับ...
ติดยาว จนตำรวจ และอปพร.ไม่รู้จะบริหารจัดการด้านการจราจรดังไงดี 
จึงได้แต่ยืนดู  และนั่งดูตาปริบๆ ...

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท