ตอนแรกผมตั้งใจจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายให้แพทย์ใช้ทุนใหม่ตอนปฐมนิเทศน์ในกิจกรรมส่วน Palliative Care ดู แต่หลังจากเอามานั่งดูเองแล้ว รู้สึกว่า ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ คือ อยากให้เขาได้รู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น รวมทั้งคนไข้มากขึ้น โดยไม่อยากให้เขารู้สึก หนัก จนเกินไปหลังจากต้องปฐมนิเทศน์มาทั้งอาทิตย์ จึงเปลี่ยนใจไปใช้ภาพยนตร์เรื่องอื่น
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีประเด็นที่สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอน การดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย โดยเฉพาะเรื่องเวชจริยศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
The Sea Inside หรือที่ผมอยากจะเรียกว่า ทะเลใจ เพราะมันล้ำลึกสุดหยั่งถึงเหมือนกัน เป็นภาพยนตร์จากประเทศสเปน ที่ได้รับรางวัลทั้งจากงานตุ๊กตาทองและลูกโลกทองคำในปี ๒๐๐๔ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม สร้างจากเรื่องจริงของชายชาวสเปนคนหนึ่ง ชื่อ รามอน Ramon Sampedro ตามรูปข้างล่าง ด้านซ้ายคือตัวจริง ด้านขวาคือ นักแสดงในภาพยนตร์
หลังจากประสบอุบัติเหตุกระโดดน้ำลงไปศีรษะกระแทกพื้น แล้วต้องเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว สามารถใช้งานได้เฉพาะใบหน้าเท่านั้น ก็ต้องอยู่ในความดูแลของครอบครัวที่มี พ่อ พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานชายในเขตชนบทของสเปน เขาต้องการจะจบชีวิตตนเองอย่างสมศักดิ์ศรี โดยไม่อยากเป็นภาระให้ใคร แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากกฏหมายไม่เปิดช่องทางให้ตลอด ๓๐ ปีกว่าปี จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของคนนอกครอบครัวที่เข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากเห็นข่าวของเขาในโทรทัศน์
ภาพยนตร์ความยาวกว่า ๒ ชั่วโมงเรื่องนี้ ค่อนข้างหนักในความรู้สึกของผม แต่เนื้อหาน่าสนใจให้เราติดตามไปได้ตลอดอย่างไม่รู้เบื่อ การเข้ามามีบทบาทของตัวละครแต่ละคนดูเหลือเชื่อ ยังกับนิยาย และมีการหักมุมกันแบบคาดไม่ถึงหลายตอน ไม่ว่าจะเป็น ทนายสาวสวยแต่พิการเช่นกันที่ยอมมารับทำคดีสู้ให้ แล้วตนเองก็ประสบปัญหาความพิการจนไม่สามารถทำภารกิจที่ตกลงกับรามอนไว้ได้ หญิงชาวบ้านที่เห็นข่าวของรามอนแล้วเข้ามาเกี่ยวพันกับเขา จนกลายเป็นคนที่รักเขาจริงๆ คือทำตามที่เขาต้องการในที่สุด บาทหลวงที่พิการเช่นกันแล้วให้ความเห็นทางสื่อ ทั้งๆที่ไม่เคยพบครอบครัวนี้มาก่อน ทีมทนายที่คอยลุ้น และที่ขาดไม่ได้ คือ คนในครอบครัวแต่ละคน ไล่ตั้งแต่ พ่อที่เข้าใจลูก พี่ชายที่ขัดแย้งโดยเฉพาะเรื่องทางจริยธรรม พี่สะใภ้แสนดีที่ดูแลรามอนอย่างไม่มีที่ติ และหลานชายผู้ได้เรียนรู้อีกมุมหนึ่งของชีวิตผ่านอาผู้พิการที่รักเขาเหมือนลูก
ประเด็นที่น่าจะนำไปถกกันต่อได้อย่างสนุก คือ
ความจริงก็สามารถนำมาใช้ปฐมนิเทศน์แพทย์ใช้ทุนข้างต้นได้ โดยเฉพาะเรื่อง การเคารพความเห็นของคนอื่น การสื่อสาร แต่ข้อจำกัดที่ผมตัดสินใจไม่ใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ มันยาวตั้ง ๒ ชั่วโมงและเป็นหนังชีวิตล้วนๆ คงเก็บเอาไว้ใช้ในประเด็นที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าการปฐมนิเทศน์ซึ่งการเริ่มต้น
สวัสดีปีไหม่ไทยค่ะอาจารย์
ขอให้อาจารย์มีความสุข เย็นชุ่มฉ่ำ สดชื่นทุกๆวันนะคะ
จะขอนำ blog ไปใส่ใน http://portal.in.th/ms-pcare/pages/blog/ เพื่อเชื่อมเครือข่ายคนทำงาน จะต้องขอชื่อนามสกุล และที่ทำงานนะครับ
หนูยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เลยค่ะอาจารย์
หนูชื่อเสาวนีย์ ขาวกระโทก
พยาบาลวิชาชืพปฏิบัติการ ตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาลวังน้ำเขียว จังหวัด นครราชสีมาค่ะ
รู้สึกว่าผมจะซื้อมาไว้ในหน่วยแล้วใช่ไหมครับ เรื่องนี้ ยังไม่มีเวลาดูเหมือนกัน
ก็แผ่นของหน่วยนั่นแหละครับ
สองท่านนี้ทีแรกนึกว่าเป็นคนเดียวกัน สับสน ๆ
อิอิ
เห็นเพื่อนผมถามหาเรื่องนี้อยู่ หาซื้อหรือเช่าได้จากที่ไหนบ้างครับ?
แค่อ่านเนื้อเรื่องย่อ ก็เพียงพอแก่การเข้าใจ
ไม่อยากตามไปอ่านต่อคะ หดหู่ใจไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้
ถือว่าเป็นการปฏิเสธการอ่านนะคะ
ตอนนี้หนูกำลังเรียนประเด็นเรื่อง Euthanasia อยู่พอดีเลยค่ะ
และยังต้องมาถกประเด็นเรื่องนี้ทั้งเทอม
เลยเข้ามาได้อ่านกระทู้ที่อาจารย์เขียนขึ้น
ขอบคุณมากเลยนะคะ
สำหรับประเด็นที่น่าสนใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ