การเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายของอำเภอหันคา ได้รับการบริการจากพี่สมบุญ เมฆอินทร์ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรประจำตำบลไพรนกยูงและตำบลเด่นใหญ่ การเดินทางผ่าน 2 ข้างทางที่แห้งแล้ง ทุ่งนาสลับกับไร่มันสำปะหลัง มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ให้พบบ้างเล็กน้อย เนื่องจากตำบลเด่นใหญ่และไพรนกยูงมีเกษตรกรส่วนหนึ่งที่ยึดอาชีพเลี้ยงวัวนม ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีกว่าการปลูกมันสำปะหลัง แต่ผู้ที่จะทำกิจกรรมเลี้ยงวัวนมจะต้องมีความอดทนมากกว่าการปลูกมันสำปะหลัง เมื่อมาถึงศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำ ต.ไพรนกยูง ได้พบพี่ชลอ ม้าทอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ประจำตำบลหนองแซง พาเกษตรกรจากตำบลหนองแซงมานั่งรอการเสวนาแล้ว
การเสวนาได้เริ่มโดยได้รับความอนุเคราะห์จากหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ (นายปราโมทย์ รัตนสัมฤทธิ์) สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท ได้เข้ามาทักทายและให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่ต้องประสบกับปัญหาในด้านราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำสร้างความทุกข์แก่เกษตรกรและครอบครัวมาก และแนะนำให้เกษตรกรพยายามหาแนวทางเพื่อลดต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังให้มากที่สุด ดังนั้นเวทีแห่งการจัดการความรู้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันคิดและแลกเปลี่ยนความคิดที่ดีๆ สู่เพื่อนเกษตรกร
การค้นหาต้นทุนการผลิตไม่ยากนักสำหรับเกษตรกรตำบลไพรนกยูง เนื่องจากบางรายเคยเรียนรู้ร่วมกันมาแล้ว และเป็นแกนนำเกษตรกรในการจัดทำแปลงทดสอบพันธุ์มันสำปะหลังของทางราชการ เช่น ผู้ใหญ่ยอด ใจเอี่ยม หมู่ 8 ต.ไพรนกยูง อ.หันคา
ต้นทุนของอำเภอหันคา(ภาพรวม)
ที่ |
กิจกรรม |
ค่าใช้จ่าย(บาท) |
1 |
ค่าปุ๋ยคอก (กระสอบละ 12 บาท) |
600 |
2 |
ค่าไถดะ |
200 |
3 |
ค่าท่อนพันธุ์(กรณีจัดซื้อ) |
350 |
4 |
ค่าไถแปร |
200 |
5 |
ค่ายกร่อง |
250 |
6 |
ค่าปลูก |
170 |
7 |
ค่าพรวนดิน(รถแถกร่องขึ้นลง) |
170 |
8 |
ค่าดายหญ้า |
150 |
9 |
ค่าปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 25 กก./ไร่ |
700 |
10 |
ค่าปุ๋ยทางใบ(ฮอร์โมน+อาหารเสริม) |
120 |
11 |
ค่าสารเคมีกำจัดวัชพืช( 2 ครั้ง)รวมค่าแรงงาน |
470 |
12 |
ค่ารถขุด |
250 |
13 |
ค่าจ้างคนขุดและเก็บ 200 บาท/ตันไร่ละประมาณ 4 ตัน) |
800 |
14 |
ค่าขนส่งเข้าลาน(100 บาท/ตัน ไร่ละประมาณ 4 ตัน ) |
400 |
15 |
ค่าเช่าที่ดิน |
500 |
16 |
อื่นๆ |
70 |
|
รวมต้นทุน |
5,400 |
|
รายได้ จำหน่ายมันสำปะหลังตันละ 1,700 บาท X 4 ตัน |
6,800 |
|
เหลือรายได้หลังหักต้นทุน 1,617 |
1,400 |
หมายเหตุ : ถ้าไม่ได้ใช้ไถดะ (200 บาท) และท่อนพันธุ์ (350 บาท)และค่าเช่าที่ดิน (500 บาท) จะลดต้นทุนจำนวน 1,050 บาท เหลือต้นทุน 4,350 บาท จะมีรายได้จำนวน 2,450 บาท/ไร่
ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ จำแนกในแต่ละกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 คือ ราคมมันสำปะหลังตกต่ำ มีปริมาณน้ำฝนน้อย ปัญหาเรื่องโรงงานที่รับซื้อมันสำปะหลังมายุติธรรมต่อเกษตรกร และปุ๋ยเคมีราคาสูง
กลุ่มที่ 2 คือ ขาดพันธุ์ดีที่เกษตรกรต้องการอย่างพอเพียง ภัยแล้ง ศัตรูพืช(แมลงนูนหลวง เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยไฟ) ดินดาน ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และปุ๋ยเคมีราคาแพง รวมทั้งราคาต่ำ
แนวทางการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร
1. ราคามันสำปะหลังตกต่ำ
แนวทางแก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพ ชะลอการขุดจำหน่ายในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
2. ปริมาณน้ำฝน
แนวทางแก้ปัญหา สร้างแหล่งกัดเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงขาดแคลน หรือเจอะบ่อบาดาลในพื้นที่ที่ไม่สามารถขุดสระน้ำได้ และการไถดินดาน
3. ปุ๋ยเคมีมีราคาแพง ปัญหาเกิดจากสภาพดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์
แนวทางแก้ปัญหา วิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน พัฒนาดินให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ควบคู่กับปุ๋ยเคมีตามค่าอาหารในดิน
4. มันสำปะหลังพันธุ์ดี ขอรับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยพืชไร่
นายไพโรจน์ ศรีวารีรัตน์ เกษตรกรหมู่ 8 ต.ไพรนกยูง กล่าวนำเสนอความคิดว่า การดำเนินงานต่างๆ ด้วยการรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อร่วมกันดำเนินงานกิจกรรมสนับสนุนการผลิตมันสำปะหลังของสมาชิก และเป็นหน่วยต่อรองของการจำหน่ายมันสำปะหลัง การลดต้นทุนการผลิต ควบคู่กับการเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง การดำเนินงานนั้นจะดำเนินงานจากน้อยไปสู่กลุ่มใหญ่
การตั้งเป้าเพื่อเสวนาครั้งต่อไป
หลังจากให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มได้นำเสนอผลงานแล้ว ได้สอบถามความต้องการที่จะหาความรู้กันต่อไป โดยพิจารณาจากปัญหาที่พบ คือการจัดการน้ำในแปลงมันสำปะหลัง การใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพในแปลงมันสำปะหลัง รวมถึงการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชในแปลงมันสำปะหลัง
ไม่มีความเห็น