เหตุเกิดที่วชิระภูเก็ต


หากมีผู้ใดมาเกิดลูกที่โรงพยาบาล ผู้ทำคลอดต้องออกหนังสือรับรองการเกิดให้ ไม่มีถ้อยคำใดในตัวบทบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจดุลพินิจในการไม่ออกหนังสือรับรองการเกิดได้ ไม่มีตัวบทใดให้เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาพยานเอกสารของพ่อแม่ว่ามีหรือไม่

1 เมษายน 2552

 

เรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย บางทีอาจเป็นเพราะการไร้ความสามารถในการตีความทางกฎหมายของผม ตัวบทกล่าวอย่างไร ก็อย่างนั้นไม่ตีความ อย่างเช่นเรื่องต่อไปนี้ ซึ่งตามพ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ม.23 บัญญัติว่า เมื่อมีคนเกิดหรือคนตาย ผู้ทำคลอดหรือผู้รักษาพยาบาลต้องออกหนังสือรับรองการเกิดหรือการตายตามแบบพิมพ์ที่ผู้อำนวยการทะเบียนกลางกำหนดให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องแจ้งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 21

 

ซึ่งก็มีความหมายชัดอยู่แล้วว่า หากมีผู้ใดมาเกิดลูกที่โรงพยาบาล ผู้ทำคลอดต้องออกหนังสือรับรองการเกิดให้ ไม่มีถ้อยคำใดในตัวบทบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจดุลพินิจในการไม่ออกหนังสือรับรองการเกิดได้ ไม่มีตัวบทใดให้เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาพยานเอกสารของพ่อแม่ว่ามีหรือไม่ 

 

ผมจึงไร้ความสามารถในการทำความเข้าใจเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลวชิระ ที่ปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการเกิดตามข้างล่างนี้ แก่นางเล็ก

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการเกิดด้วยวาจา ผมค้านตัวเองอยู่ในใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมักระมัดระวังตัวอยู่เสมอที่จะไม่กระทำความผิดทางอาญา เพราะมันไม่ส่งผลดีต่อหน้าที่การงาน ต่ออนาคตในภายภาคหน้าเลย ไม่ว่าโทษนั้นจะเป็นโทษปรับหรือว่าจำคุกก็ตาม

 

หากเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายเดียวกันกับผม เธอหรือคณะกรรมการโรงพยาบาลคงจะตีความผิดไป ผมไม่ปรารถนาจะบอกเลยว่าเจ้าหน้าที่ทั้งคณะเจตนากระทำผิดอาญา

 

 ผมนึกสงสัยว่า เราคงยึดคัมภีร์กันคนละเล่มผมจึงให้โอกาสแก่เจ้าหน้าที่ในฉับผลันทันใดที่ปฏิเสธผมด้วยการเขียนจดหมายถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลความว่า

และผมตัดสินใจไม่นำเรื่องนี้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีแก่เจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยให้โอกาสในการออกหนังสือรับรองการเกิดให้แก่นางเล็ก

 

เจ้าหน้าที่จะรู้ไหมนะ จะมีอีกหลายรายตามมาที่จะขอหนังสือรับรองการเกิดเพราะเกิดแล้วเจ้าหน้าที่ไม่ให้ เจ้าหน้าที่จะรู้ไหมนะว่าการไม่ออกหนังสือรับรองการเกิด 1 ราย เท่ากับกระทำผิด 1 กรรม หาก 100 ราย ก็จะกระทำผิด 100 กรรม เพราะเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกัน แม้โทษนี้จะไม่หนัก

แต่เจ้าหน้าที่จะรู้ไหมนะว่ากำลังกระทำความผิดที่หนักมากขึ้น  ๆ ไป อย่างไม่รู้ตัว และนี่เป็นการส่งสัญญาณเตือนด้วยความอ่อนโน้มถ่มตนและให้โอกาสมากเท่าที่ปัญญาเพียงน้อยนิดของผมคิดและทำได้

 

ได้โปรดอย่าให้เรื่องเดินทางไปไกลกว่านี้ ผมไม่ปรารถนาจะทำเยี่ยงข้างต้น และหากผมไม่ทำเช่นนี้จะมีเด็กอีกจำนวนมากมายที่จะตกเป็นคนไร้รัฐ ในผืนแผ่นดินใต้ร่มโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา

หมายเลขบันทึก: 252584เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2009 19:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

ดีใจจังที่มีคนช่วยเด็กอย่างจริงจังและด้วยความเข้าใจ ทางโรงพยาบาลอาจจะเข้าใจว่าจะทำให้เด็กไปขอสัญชาติได้ จริงๆแล้วไม่ใช่ (ตามกฏหมายขณะนี้) แต่เป็นการยืนยันว่าได้มีคนคนหนึ่งมีตัวตนขึ้นในโลกแห่งนี้ ท่านทั้งหลายลองคิดดูนะคะ แค่เป็นคนไม่มีสัญชาติก็แย่แล้ว แล้วถ้าเกิดดันไม่มีหลักฐานอีกว่าบังเกิดมีตัวตนขึ้นมาในโลกนี้เมื่อไร มันจะยิ่งแย่ขึ้นไปอีกสักแค่ไหน

ขอบคุณ คุณจันทร์กระดาษแทนเด็กด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะมาเป็นกำลังใจให้คนทำงานเพื่อเด็กๆที่ไร้รัฐไร้สัญชาติคะ

มีหลายๆคนที่มีปัญหา การเป็นคนไร้สัญชาตินี่ขาดสิทธิขาดความเท่า

เทียมหลายๆอย่างเลยนะคะ  ถึงกับให้พี่น้องผองเพื่อนบางคนต้องเสีย

ชีวิตเหตุเพราะไม่มีสัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน เกิดการดูหมิ่นดูแคลน

เอารัดเอาเปรียบจากคนที่คิดว่าตนเองเหนือกว่า เก่งกว่า  ...ขอร่วม

เป็นกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความดี ความถูกต้อง เพื่อเด็กและเยาวชน

นะคะ  ^_^

ไปฟ้องอัยการชาวเกาะมาแล้วค่ะ

http://gotoknow.org/blog/islandpk/252136

ได้ผลอย่างไรบอกด้วยนะคะ

ให้ อ.ด๋าวช่วยส่งจดหมายทำความเข้าใจหลักกฎหมายไหมคะ

รับฟ้องแล้ว เดี๋ยวจัดการให้ ขอไปจัดการว่าความให้เสร็จก่อนครับ อิอิ

สวัสดีครับ

ไปประสานงานให้แล้ว

คงเรียบร้อยภายในวันสองวันนี้ครับทุกรายครับ

มีปัญหาที่คนต่างด้าวมาหลอก เจ้าหน้าที่เขาเลยกลัว ที่ว่าหลอกคือ เอาบัตรคนอื่นมาแสดงที่โรงพยาบาล คลอดแล้วคลอดอีก (ซึ่งผมไม่เห็นหลักฐานแต่อาจเป็นไปได้ว่าเอาบัตรของคนอื่นมาแสดง หรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดเอง เช่น เห็นชื่อนางซอ ก็วินิจฉัยเลยว่าเพิ่งมาคลอดเมื่อไม่กี่เดือน จะมาคลอดใหม่ได้อย่างไร ซึ่งความจริงชื่ออาจซ้ำกันก็เป็นได้)

บางทีตอนมาครั้งแรก ไม่มีเลข ๑๓ หลัก มาครั้งหลังมีเลขสิบสามหลัก เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาแก้ไขเอกสารซึ่งก็กลัวว่าถ้าผิดคน เขาต้องรับผิดชอบไปด้วย เลยไม่อยากไปร่วมรับผิดชอบด้วย

ที่เขาติงมาก็น่าฟัง หนังสือมอบอำนาจให้จันทร์กระดาษมาดำเนินการแทน(ไม่ใช่กรณีนี้นะครับ หมายถึงอีก ๒-๓ รายที่มอบอำนาจมา) มิได้มอบอำนาจต่อหน้าเจ้าพนักงาน เพราะดูลายเซ็นพยานแล้วน่าจะเป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งไม่รู้ถูกผิดอย่างไรและพยานชุดเดียวกันรับรองการมอบอำนาจหลายคน

อย่างไรก็ตามที่จันทร์กระดาษใช้ความนุ่มนวลในการแก้ปัญหา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ดีครับ รอฟังข่าวดีนะครับ

จันทร์กระดาษคะ

อัยการลงมาว่าคดีให้นอกศาลค่ะกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มีอยู่จริงค่ะ

วันที่ ๑๗ - ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ เป็นวันที่ดีงามที่เราจะเรียนรู้ร่วมกันนะคะ

อีกนิดนะครับจันทร์กระดาษ

มีการเอาชื่อคนไทยมาเป็นพ่อเด็ก ทางโรงพยาบาลสงสัยก็เลยเอาไปตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าไม่ใช่พ่อ ทราบว่าเป็นพวกค้ามนุษย์ครับ กรณีนี้ก็มี ฝากจันทร์กระดาษช่วยเป็นหูเป็นตาให้ทางโรงพยาบาลด้วย ผมก็เลยไม่อยากโทษเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งร้อย เพราะเขาเคยมีกรณีแบบนี้มาแล้ว กับอีกส่วนหนึ่งคือพวกน้องเจ้าหน้าที่ที่ไม่ศึกษาหนังสือเวียนและระเบียบ ทำตามความเข้าใจของตัวเองโดยเอาไปเทียบกับกรณีของคนไทย(ซึ่งผมก็จะไปคุยกับเขาอีกรอบหนึ่งเพราะสงสัยเหมือนกัน กรณีมาแจ้งเกิดของคนไทย ต้องมีความชัดเจนของคนเป็นพ่อด้วย ไม่งั้นไม่รับแจ้ง ไม่แน่ใจว่าเป็นระเบียบจากที่ไหน) จึงเกิดปัญหา ถ้าอาจารย์แหววลงมาช่วยสัมมนาให้ทั้งกระบวนการก็น่าจะดีนะครับ

จะเสนอครูหยุยค่ะ ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ

ซึ่งก็เหมือนที่เราไปที่ระนองน่ะค่ะ เอาฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของเด็กมาคุยกัน

รบกวน อ.มิวประสานครูนิดเอาบันทึกของจันทร์กระดาษอันนี้ และข้อเสนอของท่านอัยการชาวเกาะเข้าที่ประชุมอนุกรรมการเด็กไร้สถานะฯ คราวหน้าด้วยนะคะ

พวกค้ามนุษย์ในภูเก็ตถ้ามีจริงผมเสียวไส้เลยครับ เท่าที่ลงพื้นที่ของชุมชนพม่าในภูเก็ตถามหาพวกเด็ก ๆ ว่าไปไหนหมด เหลือน้อยมาก 

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการแจ้งการเกิดเป็นหลักร้อยคนเหมือนกัน ปรากฏว่าเขาส่งกลับไปที่พม่าแล้ว ไม่ได้ส่งเองแต่ใช้ผู้อื่นเป็นผู้ส่งให้ โดยจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่ง

ผมเคยถามพ่อแม่เด็กว่า ไปตรวจสอบไปที่พม่าหรือเปล่าว่าเด็กเหล่านั้นถึงพม่าจริง มีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ

ความน่ากลัวก็คือส่งผ่านไปได้อย่างไร จากภูเก็ตไปสู่พม่า พ่อแม่มีวิธีการตรวจสอบที่ดีหรือไม่ว่าลูกถึงประเทศพม่าจริงหรือไม่

ไม่รู้ว่าเด็กจะกลายเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์หรือไม่ น่ากลัวครับ

คุณจันทร์กระดาษคะ---เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการจัดการบุคคลที่เกิดในประเทศไทย กำลังขยายออกไปสูภาคกระบวนการยุติธรรมแล้วค่ะ

ต้องขอขอบคุณท่านอัยการชาวเกาะอีกครั้ง ที่กรุณาซักซ้อมความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล---กระบวนการยุติธรรมนอกศาลยังใช้ได้จริง

คณะทำงานโครงการขยายองค์ความรู้จากแม่อายสู่อันดามัน

คุณจันทร์กระดาษคะ---เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการจัดการบุคคลที่เกิดในประเทศไทย กำลังขยายออกไปสูภาคกระบวนการยุติธรรมแล้วค่ะ

ต้องขอขอบคุณท่านอัยการชาวเกาะอีกครั้ง ที่กรุณาซักซ้อมความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล---กระบวนการยุติธรรมนอกศาลยังใช้ได้จริง

คณะทำงานโครงการขยายองค์ความรู้จากแม่อายสู่อันดามัน

จันทร์กระดาษคะ

ขอรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว

ถ้าได้รูปอย่างที่ทำให้ในลักษณะเดียวกับมะเฮตีไทซานก็ดีค่ะ

จันทร์กระดาษคะ

ขอรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว

ถ้าได้รูปอย่างที่ทำให้ในลักษณะเดียวกับมะเฮตีไทซานก็ดีค่ะ

ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ออกหนังสือรับรองการเกิดให้เด็ก ๆ เป็นที่เรียบร้อยครับ รวมแล้ว 4 ฉบับ แล้วอย่าลืมออกให้แก่เด็กที่พ่อแม่ไม่มีบัตรสีชมพู ด้วยนะครับ

ขอบคุณท่านอัยการชาวเกาะมาก ๆ ครับ หากไม่มีท่านคงอีกนานกว่าจะได้มาครับ

ได้ข่าวมาว่าคุณจันทร์กระดาษรับค่านายหน้า ในการเดินเรื่องให้พม่า จริงหรือเปล่า...........................................

ทำไมคุณจันทร์กระดาษได้ช่วยคนไทยพลัดถิ่นหรือไร้สัญชาติ(ไทย) บ้างค่ะ เพราะมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้แจ้งเกิด และยังไม่มีบัตรประชาชน คิดว่าถ้าคุณเป็นคนไทยด้วยกันน่าจะช่วยกันนะคะ ช่วยแต่พม่าเหมือนมันลำเอียงค่ะ เพราะคุณก็ต่อสู้เพื่อเด็กต่างด้าวมาแล้ว หรือคุณไม่(ใช่)ชอบคนไทย

ปัจจุบันนี้หญิงพม่าที่คลอดในเมืองไทยนิยมกันมากที่จะใช้ชายไทยเป็นพ่อเด็กแทนพ่อพม่าเพราะหญิงพม่ารู้ดี่ว่าสามารถแจ้งเกิดมีสูติบัตรและได้สัญชาติไทยและสิทธิการรักษาเท่าเทียมเด็กคนไทยทุกอย่าง ในกรณีแบบนี้จันทร์กระดาษว่าผิดกฎหมายหรือไม่ช่วยตอบหน่อย(เพราะคุณจันทร์กระดาษเป็นผู้รู้เรื่องและเชี่ยวชาญเรืองเกี่ยวกับกฎหมายของพม่าดี)

ในกรณีที่จันทร์กระดาษ(บังคับ)ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐออกใบแจ้งเกิดให้กับพม่าที่ไม่มีบัตรสีชมพูหรือหลักฐานใดๆเลยมาแสดงว่าคลอดจริงแล้วเจ้าหน้าที่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนๆเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น นางซอชาวพม่า ชื่อซอไม่ใช่มีซอเดียวมีเป็นหมื่นๆซอทั้งที่มีบัตรสีชมพูและไม่มีบัตร คนไทยยังต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เลยแล้วทำไมพม่าถึงมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนไทยทั้งที่อาศัยประเทศไทยอยู่

คุณไม่แสดงตน ไม่แสดงตัว ผมไม่ขอตอบคำถามครับ แต่ผมยินดีรับฟังทุกความเห็นเพื่อรวบรวมเผื่อว่าจะเสนอเป็นโปรเจ็คต่อไป

จันทร์กระดาษคะ อย่าท้อถอยนะคะ ปฏิกิริยาโต้ตอบของชาตินิยมเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ สังคมไทยมองมนุษย์อย่าแบ่งแยกมานาน ปัญหาคนไร้รัฐจึงเกิดขึ้นอย่าเพิ่มพูน หยุดไม่ได้

ตอนนี้ สสส.ก็คิดเรื่องนี้ออก กำลังสร้างแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กที่เกิดจากคนข้ามชาติที่เกิดในโรงพยาบาลไทย แต่ไร้ใบเกิด 

การเปลี่ยนแปลงแนวคิดของคนนั้นเป็นของยากค่ะ เจ้าของความคิดเดิมต้องใช้กำลังสูงที่จะยอมคิดใหม่ หากคิดเรื่องแพ้ชนะ ก็จะยิ่งเจ็บจนทนไม่ได้ แต่ถ้าเราเอาเหตุผลเป็นหลักก็จะทำให้คนที่ยอมเปลี่ยนแปลงกลายเปนผู้ชนะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ดูอย่างโอบามาเป็นตัวอย่างนะคะ change เป็นแนวคิดที่สังคมไทยยังต้องเรียนรู้

ช่วยสรุปเรื่องของน้องคนนี้ให้ อ.แหวว หน่อยนะคะ ตกลงเด็กชื่ออะไรคะ ในปัจจุบัน เด็กเรียนที่ไหน ส่งทางอีเมลล์ก็ได้นะคะ

เดี๋ยวจะให้เขาดูว่า

IP: 202.183.130.163

มาจากที่ไหนค่ะ

 

ช่วยเอาคำว่า "knowledge divide" ใส่ในคำสำคัญของบันทึกนี้นะคะ ด่วนค่ะ

ช่วยเอาคำว่า "knowledge divide" ใส่ในคำสำคัญของบันทึกนี้นะคะ ด่วนค่ะ

8 เมษายน 2552

 

ทางห้องคลอดที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ออกหนังสือรับรองการเกิดให้

 

10 เมษายน 2552

 

งานเวชสารสนเทศ ออกใบประหน้า และโทรศัพท์เรียกผมไปรับ

 

อีกหลาย ๆ วันต่อมา ก็ดำเนินการแจ้งเกิดเกินกำหนด กว่าจะสำเร็จก็วันที่ 20 พฤษภาคม  2552  จอร์จเหนื่อยฮะ

 Daodin's birth certificate

และนี่ก็ภาพครอบครัวนางเล็กขอรับ

lekFamily

มีข่าวดีมาแจ้งวันนี้ (20 พฤษภาคม 2552) ให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ห้องคลอดของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต บอกกับผมว่า "เธอออกหนังสือให้กับเด็กทุกราย ขอให้แม่มาขอรับที่ห้องคลอดด้วย"

และวันนี้ผมก็ไปยื่นขอหนังสือรับรองการเกิดให้แก่เด็กชาวพม่าที่เกิดเมื่อวันที่ 4/5/2552 ที่ผ่านมา และพ่อแม่ไม่มีเอกสารใด ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ไม่ให้ แต่แม่ไม่มาขอที่ห้องคลอดเอง ผมก็เลยแจ้งข่าวดีให้ทราบข้างบน

สาธุ !

จากคำตอบที่ 25 ผมเพิ่งสังเกตุเห็นว่าวันที่ในสูติบัตร 20/2/2552 ทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้มาเมื่อวันที่ 20/5/2552

คือได้สูติบัตรก่อนที่จะมีการขอหนังสือรับรองการเกิดเสียอีก...

สวัสดีค่ะ

หนูอยากขอคำปรึกษาหน่อยค่ะว่า

ผู้หญิงต่างด้าวถ้าจะแต่งงานกับผู้ชายไทยแล้วต้องการจดทะเบียนสมรสกัน

ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างค๊ะ แล้วสามารถโอนเป็นสัญชาติไทยได้ป่าวค๊ะ

ช่วยตอบหนูทีค่ะ

.........ขอบคุณนะค๊ะ............

ผมมีน้องสาวที่พึ่งเรียนอยู่ชั้นม.4 ปัจจุบันมีอายุครบ 15 ปี มีใบสูติบัตรที่ทางโรงพยาบาลออกให้ และพูดภาษไทยชัดเจน รักในความเป็นไทย และเรียนของโรงเรียนรัฐมาตั้งแต่อนุบาล อีกทั้งยังสามารถประกวดได้รางวัลพร้อมประกาศณียบัตรหลายอย่างจากผู้ว่าและของกรมสามัญศึกษา จะสามารถขอสัญชาติไทยได้หรือไม่และต้องทำอย่างไร เมื่อปัจจุบันอายุครบ 15 จะต้องทำอย่างไร เพราะเมื่อเกิดในไทยประเทศยังไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้

๑.ตอบข้อ ๒๙ หนังสือที่ออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่ "สูติบัตร" แต่เป็นหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๑/๑

๒.ตามที่ถามมาเด็กอายุ ๑๕ ปี เด็กจะเกิดพ.ศ.๒๕๓๘ ซึ่งยังไม่ได้สัญช่าติไทยตามหลักดินแดน (ตามสถานที่เกิด) เว้นแต่เป็นลูกของคนต่างด้าวที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ถาวร

๓.เด็กอาจได้สัญชาติไทยในสถานะที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นราย ๆ ไป

๔.ในกรณีของเด็กหญิงข้างตน อาจได้สัญชาติไทยโดยการที่คนไทยรับเป็นบุตรบุญธรรม และได้มีการจดทะเบี่ยนบุตรบุญธรรมมาไม่น้อยกว่า ๕ ปี แต่ว่าน้องของเราต้องเตรียมเอกสารที่ยืนยันว่าเกิดในประเทศไทยด้วย คำถามก็คือว่า

๔.๑.เด็กมีเลขประจำตัว ๑๓ หลัก แล้วหรือยัง หากไม่มีต้องแจ้งการเกิดเพื่อรับสูติบัตร และเลข ๑๓ หลัก

๔.๒.หากเด็กมีเลข ๑๓ หลักแล้ว ต้องขอหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.๒๐/๑ เพื่อรับรองว่าเด็กเกิดในประเทศไทย

เอกสารดังกล่าวข้างต้นต้องใช้เป็นหลักฐานในการรับบุตรบุญธรรม และเอกสารนั้นหนักแน่นกว่าหนังสือรับรองการเกิดท.ร.๑/๑ ครับ

ผมผู้เขียนข้อ29.ขอขอบคุณมากๆครับ หากมีข้อสงสัยอีกจะขอเข้ามาถามอีกนะครับ

พี่ ขอบคุณ  นะ .....                                                     

ขอบคุณที่ให้ข้อมูล                                                      

ขอคุณ นะคะ                                                              

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท