หลวงพ่อ.. วัดป่า.. และวาล คิวเมอร์


ในช่วงสิบวันที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้มีโอกาสพบเจอ สนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร และครูบาอาจารย์สายการปฎิบัติ ทั้งของเถรวาท    เซน มหายาน และวัชรยาน นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก  แถมการพบเจอกัน ก็เป็นไปในเวลาใกล้เคียงกัน    และได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป    นี่เป็นเรื่องราวที่ข้าพเจ้าอยากนำมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

ปกติข้าพเจ้าเอง ไม่ค่อยมีโชค (หรือจะเป็นบุญก็แล้วแต่ ถ้าจะกล่าวอีกแบบหนึ่ง )  ในการได้พบเกจิอาจารย์สายเถรวาทสักเท่าไหร่   ทั้งๆที่อยากจะไปกราบครูบาอาจารย์สายการปฎิบัติของเถรวาทหลายๆท่าน  เมื่อปีที่แล้ว  ก็เคยได้ไปที่วัดพระธาตุศรีจอมทองถึง สามครั้ง เพื่อไปกราบหลวงพ่อทอง  สิริมังคโล  แต่ปรากฏว่า   สองครั้งแรกที่ไปไม่ได้พบท่าน   ครั้งที่สาม ก็ได้พบเพียงไม่ถึงสิบนาที   ท่านมีกิจนิมนต์และมีงานการมากมายที่ต้องโปรดญาติโยมทั้งหลาย   แม่ชีที่วัดบอกว่า ท่านอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว แต่งานการท่านก็ยังมีมากมายเหลือเกิน   บางครั้งท่านก็ไม่มีเวลาได้พักผ่อนนัก   ตอนเช้าก็ต้องมาสอบอารมณ์โยคีที่มาปฎิบัติธรรมในวัด  ตอนสายก็มีกิจนิมนต์   ข้าพเจ้าว่า การไปพบท่านแต่ละครั้งจึงต้องอาศัยเหตุและปัจจัย  บวกบุญ และวาสนาแต่เดิมด้วยเป็นแน่แท้ จึงจะได้พบท่าน   และเท่าที่สังเกตดูตัวเองก็ไม่ค่อยจะมีบุญด้านนี้สักเท่าไหร่  แต่มีน้องสาวที่สนิทกันคนหนึ่ง เธอมีบุญด้านนี้จริงๆ แถมมักจะมีเหตุได้พบและได้กราบครูบาอาจารย์ทั้งหลาย โดยเฉพาะการได้เข้าพบหรือกราบพระสายเถรวาท   ส่วนข้าพเจ้านั้นบางครั้งคุยเล่นๆกับน้องที่สนิทกันว่า  ชาติที่แล้วสงสัยจะไม่ใช่คนไทย  ต้องเป็นคนต่างชาติ  และอาจจะทำอะไรไม่ดีไว้กับสายเถรวาทเป็นแน่แท้   ชาตินี้เวลาไปหาครูบาอาจารย์สายการปฎิบัติของเถรวาท  ต้องมีอันผิดหวังและมักจะไม่ได้เจอท่านเสียทุกครั้งไป    จนล่าสุดที่ได้ไปกราบหลวงพ่อปราโมช   ก็ถือว่ามีโชคดีขนาดหนักแล้ว

สำหรับผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลาย การไปกราบครูบาอาจารย์สายการปฎิบัติต่างๆ  มีความสำคัญ การได้ฟังธรรมเทศนาจากท่าน  รวมทั้งการได้มีโอกาสถามท่านเรื่องการปฎิบัติ  นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง 

  วันหนึ่ง  รุ่นน้องที่คุ้นเคยกันแถมมีบุญวาสนาในการที่มักจะได้พบครูบาอาจารย์สายเถรวาทคนนี้ บอกว่า  มีหลวงพ่อชาวเถรวาทอีกท่านหนึ่งที่ผู้คนนิยมไปกราบ ท่านเป็นพระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ แถมมีเสียงเล่าลือว่า  ท่านน่ะไม่ธรรมดา   คำว่าไม่ธรรมดาในที่นี้ออกไปในแนวของการบรรลุธรรมในระดับสูง  หรืออะไรสักอย่าง  พอได้ยินดังนั้นข้าพเจ้าก็เกิดความสนใจว่า น่าจะไปกราบท่านกันสักครั้ง แถมถ้ามีเวลาและโอกาส เราจะได้ถามท่านเรื่องการปฎิบัติ   แถมได้ฟังธรรมเทศนาจากท่าน   เพราะท่านก็อยู่ในเชียงใหม่นี่เอง

 

เราได้เดินทางไปที่วัดอรัญญวิเเวก  ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอแม่แตง  วัดนี้ไปมาสะดวกมาก  แถมอยู่ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่นัก  ที่นั่นเป็นวัดป่า และมีลักษณะเฉพาะของวัดป่าคือ ความสงบเงียบ  ไม่มีถาวรวัตถุใดๆ มากมาย  ดู เรียบง่าย    ธรรมดาๆ    ตอนเราไปถึงก็ถามพระรูปหนึ่งว่าจะมากราบหลวงพ่อต้องทำอย่างไร  ท่านบอกว่าสามโมงเย็นหลวงพ่อจะลงมาพบบรรดาญาติโยมทั้งหลาย 

  ( อันที่จริงเราต่างก็ไม่แน่ใจว่า หลวงพ่อจะอยู่หรือไม่  เรียกว่าไปแบบลุ้นๆ ในใจ  ว่าขอให้ท่านอยู่ ไม่มีกิจนิมนต์ไปที่ไหน    

 โชคดีมากๆ  ที่ท่านอยู่และไม่มีกิจนิมนต์ไปที่ไหน  ในวันนั้น

 

  หลวงพ่อพักอยู่ที่กุฎิสองชั้น    ชั้นล่างจัดเป็นที่ให้บรรดาญาติโยมนั่งรอ   เวลาสามโมงเย็น หลวงพ่อก็ลงมา  เป็นครั้งแรกข้าพเจ้าที่ได้พบเห็นหลวงพ่อสายเถรวาท และได้นั่งฟังธรรมบรรยายจากท่าน เป็นเวลานานเกือบสองชั่งโมง    หลวงพ่อเล่าเรื่องราวต่างๆ  ทั้งเรื่องการปฎิบัติและเรื่องทั่วๆไป   ท่าทางท่านอารมณ์ดีมีเมตตามาก  ท่านแจกหนังสือธรรมะ  ซีดีธรรมะบรรยาย    แถมมีรูปของท่านที่บรรดาญาติโยมถ่ายเก็บเอาไว้ มาแจกด้วย    ท่านพูดอย่างอารมณ์ดีว่า  ให้โยมเอาไปดูคลายเครียด  

ข้าพเจ้าไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับท่านมาก่อน   ทราบแต่ว่าท่านเป็นสายพระป่า  และเป็นพระผู้ปฏิบัติ และสอนญาติโยม     ในเรื่องการปฎิบัติสมาธิภาวนา   เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดก็พบว่ามีอุบาสกอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวมาปฎิบัติธรรมที่วัดนี้อยู่หลายคน

ตอนที่หลวงพ่อท่านเดินลงมาจากชั้นสองของกุฎิ  บรรยากาศโดยรอบก็มีความสงบนิ่งและเต็มไปด้วยพลังอะไรบางอย่าง   เป็นพลังที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดที่ชัดเจนให้เข้าใจได้    และเมื่อกลับมาที่บ้านข้าพเจ้าก็หยิบหนังสือของท่านมาอ่าน พร้อมประวัติความเป็นมาของวัดนี้ เมื่ออ่านหนังสือที่ท่านมอบให้มา   ข้าพเจ้าก็พบว่า  นี่คือเรื่องราวและคำสอนของพระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ  ที่สอนจากประสบการณ์ตรง  ข้าพเจ้าว่าท่านคงมีภูมิธรรมมากมาย  จนคนธรรมดาๆอย่างเรา ปฎิบัติตลอดทั้งชาตินี้ก็คงจะไม่สามารถรู้ในทางธรรมได้ลึกซึ้งเท่ากับท่านในขณะนี้     แถมตอนที่หลวงพ่อท่านเริ่มบวชเป็นพระภิกษุ  และเริ่มปฎิบัติสมาธิภาวนา  ดูจากประวัติของหลวงพ่อแล้ว  ข้าพเจ้ายังไม่เกิดออกมาดูโลกด้วยซ้ำ   แถมหลังจากข้าพเจ้าเกิดมาและใช้ชีวิตมาเกือบครึ่งชีวิต  ข้าพเจ้าก็มัวแต่ไปเรียนรู้สิ่งอื่นๆ ในทางโลก  ซึ่งยังประโยชน์ในการดำรงชีวิตพิ้นฐานเท่านั้น    แต่ไม่ให้ประโยชน์ที่แท้จริงในการใช้ชีวิตและดำเนินชีวิตแต่อย่างใด  แถมทำให้ข้าพเจ้าเวียนว่ายอยู่ในชีวิตแบบสุขๆ ทุกข์ๆ มาหลายปีดีดัก   วิ่งวุ่นไปกับชีวิต  หาความสุขสงบที่แท้จริงไม่ได้เอาเสียเลย

 น้องที่คุ้นเคยกัน  แต่ไม่ได้มากราบท่านด้วยกันในครั้งนี้  ได้โทรมาถามเรื่องหลวงพ่อว่า  หลวงพ่อท่านเป็นอย่างไรบ้าง  หน้าตาเป็นอย่างไร?   อายุมากแล้วหรือยัง ?    ข้าพเจ้าจึงบอกไปว่า  น่าแปลกมากเลย เมื่อหลวงพ่อเดินลงมา  ท่านมีพลังอะไรบางอย่าง    เป็นพลังของความสงบนิ่ง    พลังของท่านเหมือนขุนเขา  มีความหนักแน่นและมั่นคงเหมือนแผ่นดิน    

  แม้ท่าทางของท่านจะดูเหมือนพระธรรมดาๆ   แถมมีท่าทีใจดีมีเมตตา  แต่ท่านมีความสงบนิ่งอยู่ภายใน ท่านเหมือนภูเขา  เหมือนผืนแผ่นดินอันมั่นคงที่ไม่มีอะไรจะทะลายลงได้ แถมพลังนี้ อาจจะทำให้สรรพสิ่งที่อยู่โดยรอบรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ ไป ด้วย

   ดูโดยคร่าวๆ ท่านน่าจะอายุราว 50 กว่าปี  แต่อันที่จริงท่านอายุ 70 กว่าปีแล้ว    ส่วน รูปร่างหน้าตานั้น  ข้าพเจ้าอธิบายไปว่า  ท่านเป็น muscular man   คือเป็นผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่  ไม่อ้วนไม่ผอม  ด้วยวัย 75  กว่าปี  ท่านยังเดินหลังตรง และดูสุขภาพแข็งแรง   แถมหน้าตาของท่านนั้นเหมือนใครสักคนที่เราเคยรู้จัก   ข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยนักที่จะกล่าวถึงพระในถ้อยคำนี้  ไม่รู้ว่าจะเป็นไรไหม๊  และ  ไม่รู้ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ถ้าจะเปรียบเทียบแบบนี้     แต่หน้าตาท่านเหมือนวาล คิลเมอร์   ข้าพเจ้าบอกกัลยาณมิตรผู้อยากรู้ไปแบบนั้น

 จริงๆนะ  มองจากบางมุมหน้าตาท่านเเหมือน วาล คิลเมอร์….. .”

หมายเหตุ : รูปประกอบนำมาจาก   www.kanlayanatam.com  

 

   

คำสำคัญ (Tags): #เถรวาท
หมายเลขบันทึก: 252580เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2009 19:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับคุณหมอ

ผมอยู่ที่นี่มาก็นานพอสมควร แต่เพิ่งมีโอกาสได้อ่านบันทึกของคุณหมอเอาวันนี้เอง ผมสัมผัสอะไรได้บางอย่างจากบันทึกนี้ จึงตามอ่านบันทึกย้อนหลังไปอีกหลายบันทึก ต้องขออนุญาตบอกว่าคุณหมอถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีมากๆ อ่านเพลินไม่มีเบื่อเลยครับ แถมภาพประกอบบันทึกแต่ละภาพก็มีความน่าสนใจ รู้สึกได้ว่ามีรังสีความสงบเปล่งออกมาจากภาพเหล่านั้น ซึ่งผมอาจคิดไปเองเนื่องจากอินกับเนื้อหาบันทึก

ขอขอบคุณคุณหมอสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ได้ถ่ายทอดไว้นะครับ ผมขอสมัครติดตามอ่านบันทึกคุณหมอต่อๆ ไป และขอให้คุณหมอเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

ปล. ผมอ่านไปหลายบันทึก ยังเข้าใจว่าคุณหมอเป็นผู้ชายครับ เพิ่งมาทราบเอาจากการตอบความคิดเห็น : )

สวัสดีครับ

อยากสารภาพว่า ผมได้เคยฟังธรรมท่านตอนเป็น นศพ. ครับ

และตอนที่เราจะบวช  วัดนี้ก็เป็นวัดที่ผมกับตุ้ยไปดูกันครับ

 

แต่ตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเราบุญไม่ถึงหรือเปล่าครับ  เลยไม่ได้พบท่าน

เราจึงไม่ได้แนวทางที่ดีนัก  ที่จะตัดสินใจบวชที่นี่(คิดอีกทีตอนนั้นถ้าบวชที่นี่จริงๆ  อาจจะไม่ได้สึกนะครับ ^_^ )

 

ครั้งนั้นก็เดินดูรอบๆเหมือนกันครับ

วันก่อนก็ได้ฟังได้เห็น ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่านอีกครั้ง 

ตั้งใจว่าจะไปช่วงใกล้ๆนี้ครับ............

สวัสดีค่ะคุณต้นกล้า

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านบันทึกค่ะ   ดีใจที่บันทึกนี้ทำให้ผู้แวะเข้ามาอ่านรู้สึกดีๆ  กับเรื่องราว..   ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปเช่นกันค่ะ

น้อง kmsabai

หลวงพ่อท่านมีเมตตา  แถมดูสบายๆ และผ่อนคลายมาก   การเข้าพบท่านก็ไม่ยุ่งยากค่ะ  ถ้าท่านอยู่และไม่มีกิจนิมนต์ไปที่ไหน  ท่านให้เวลากับญาติโยมที่ไปกราบ ถึง 2 ชั่วโมงเต็มๆเลยทีเดียว   ...

ส่วนในเวลาอันใกล้นี้ 5 เมษายน  พบกันที่จังหวัดค่ะ   คงมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันหลายๆ เรื่องเลยทีเดียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท