ธรรมชาติ สดชื่นแท้ ชวนชม
ธรรมชาติสุข อุดม คู่ป้อง
ธรรมชาติ ป้องกาย กันจิต สงบแฮ
ธรรมชาติไซร้ ประโยชน์ยิ่ง สุขแท้จริง
ธรรมชาติ รักษ์น้ำ รักษ์ป่า
ธรรมชาติ ทรงคุณค่า ประโยชน์ผอง
ธรรมชาติ คือมิตรแท้ คราปอง
ธรรมชาติไซร้ มีแต่ให้ คุณอนันต์
ธรรมชาติ ยั่งยืน บริสุทธิ์
ธรรมชาติ เปรียบประดุจ นภาสันต์
ธรรมชาติ อยู่คู่โลก ปลดโศรกพลัน
ธรรมชาตินั้น บริสุทธิ์แท้ แน่แก่ใจ
ธรรมชาติ คือผืนฟ้า มหาสมุทร
ธรรมชาติ คือสมุดและปากกา จดทั่วผอง
ธรรมชาติ คือผืนป่า แหล่งน้ำ สัตว์อยู่ครอง
ธรรมชาติ คือ ธรรมะ นำสุขจริง
ธรรมชาติ ธรรมารมณ์ ธรรมากาศ
ธรรมชาติ ธรรมรส รดใจนิ่ง
ธรรมชาติ ธรรมสูงสุด ประเสริฐจริง
ธรรมชาตินิ่ง กายใจนิ่ง สงบเอย...
แบบว่าอยู่เมือง อะท่าน
หาบรรยากาศที่จะช่วยกายใจสงบยาก
ยุ่งวุ่นวาย แข่งขัน แย่งชิง ตั้งแต่ตื่น ขึ้นรถไปทำงาน กลับบ้าน แย่งกันซื้อ แย่งกันกินใช้
ต่างแข่งกับเวลาทำมาหากิน
ธรรมชาติ กายใจ นี้สงบยากมาก
ต้องช่วยตัวเองขึ้นหลายเท่า จึงจะพบความสงบภายในได้
พูดแล้วก็เหนื่อย
อยู่ในเมืองก็มีจิต อยู่ในป่าก็มีใจ อยู่ไหน อยู่ไหนก็ทำจิตใจนี้ให้เป็นได้ซึ่ง "สุขโต.."
ผู้ซึ่งเป็น "สุขโต" นั้นคือผู้ที่สามารถมีสุขได้ด้วยตัวของตัวเอ
สุขได้โดยไม่ต้องพึ่งดินฟ้าและอากาศ
คลายความทุกข์เสียได้แม้สถานการณ์จะเลวร้าย
ผู้ซึ่งเป็น "สุขโต" คือผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่หวาดหวั่น อ่อนไหว และแปรไปตามสิ่งแวดล้อมแล้วแปรตาม
การเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติธรรมนี้เอง เป็นของขวัญอันมีค่าจากร่างกายนี้
เมื่อเราปฏิบัติธรรม เราต้องทุกข์ เราไร้สุข เพราะว่า "สัจธรรม" มันเป็นเช่นนั้น
ไชโย ไชโย เราทุกข์แล้ว
เมื่อรู้ทุกข์ ได้ประสบสุข ชีวิตย่อมไม่ประมาทและหลงระเริงในความสุข
หากชีวิตนี้หวังอยู่แต่ความสุข ชีวิตนี้ย่อมประสบทุกข์อยู่ร่ำไป
ธรรมชาติแห่งกายนี้ประเสริฐแท้
ร่างกายนี้สอนเราให้รู้ทุกข์จากการเกิด "ชาติปิ ทุกขา"
ร่างกายนี้สอนเราให้รู้ทุกข์จากการแก่ "ชราปิ ทุกขา"
ร่างกายนี้สอนเราให้รู้ทุกข์จากการตาย "มรณัมปิ ทุกขา"
โสกปริเทวทุกขโทมนัสสุปายาส ความเศร้าโศกเสียใจก็เป็นทุกข์ ความพรัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์
มีชีวิตอยู่ด้วยธรรมะ และธรรมชาติ ย่อมอยู่บนโลกนี้ได้โดยเหนือความสุขและ "ความทุกข์..."