ยูยินดี
นาย นายธรรมศักดิ์ ช่วยวัฒนะ

การเมืองครอบงำวิทยาศาสตร์ในทางเสื่อมได้อย่างไร


การทุจริตเชิงนโยบายที่ยากแก่ครูวิทยาศาสตร์ที่ใช้หลักสูตรที่ล้าหลังทางภาษา จึงตกเป็นเครื่องมือนักการเมืองที่มีการศึกษากว่า อย่างเลี่ยงไม่ได้

ครูวิทยาศาสตร์มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนตามธรรมชาติวิชา ปัจจัยเกื้อหนุนวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนสูงในทางการบริหารจัดการ นักบริหารมักจะชะลอเลือกลงทุ่นในด้านนี้ ด้วยเหตุที่ว่า

          เพราะวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน  ไม่โดดเด่นมากนัก ทำนโยบายด้านนี้ไม่เด่นดัง

          เพราะอุปกรณ์ เครื่องมือนำเข้าถูกปั่นราคาแพง เสี่ยงต่อการตกรุ่น ล้าสมัย และเสียงต่อการถูกกล่าวหาว่าทุจริต คอรัปชั่น

          เพราะวิทยาศาสตร์ทำให้ประชาชนฉลาด ในเชิงตรรกกะ คิดทันเรา  เรากลัว...

          เพราะวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาที่สิ้นเปลือง เกี่ยวโยงกับด้านอื่น ๆ มากเกินไป...

          เพราะวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต่อการพัฒนาชีวิต หรือประเทศชาติ ประเทศใดคิดได้ เราก็ซื้อปัญญา(สิทธิบัตร ตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตฯ ให้ความหมายถึงหนังสือสําคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์
 หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่กําหนดโดยกฎหมาย
 ว่าด้วยสิทธิบัตร(patent)เข้ามาต่อยอด คุ้มกว่า...

          เพราะเราไม่มีครูผู้รักด้านวิทยาศาสตร์สืบสานต่อ

          เพราะเรามุ่งที่เทคโนโลยี และประโยชน์การใช้ มากกว่าการได้มาซึ่งเทคโนโลยี หรือกล่าวได้ว่าเป็น User ที่ดีกว่า การเป็นผู้คิดค้นที่ทำให้สิ้นเปลืองไปทำไม... 

          เหตุผลมีมากกว่านี้  แต่ด้วยปัญญาที่ด้อยจึงกล่าวเปรียบว่า "ซื้อปลากินได้กินง่ายกว่าหาปลากิน"  ปรัชญาเหล่านี้ล้วนเป็นปชัญญาของนักบริหารธุรกิจด้านเดียว ใครที่ใช้ปรัชญาเป็นผู้สร้างเสมือนดังตัวอย่างชาวนาที่ผลิตข้าวได้ ขายไม่เป็น ทั้งๆ ที่ต้นทุน ต่ำมากๆ  ยังต้องกล่าวคำว่า"ขาดทุน"  ปัญหาดังกล่าวเกิดจากสาเหตุของกระบวนการคิด การบริการที่ขาดทิศทางวิทยาศาสตร์ เชื่อในสิ่งที่เป็นอวิชา การตัดสินใจ เสี่ยงต่อการขาดทุนได้

           เมื่อธรรมชาติวิทยาศาสตร์เป็นผู้สร้าง แล้วจะเปลี่ยนปรัชญาของวิทยาศาสตร์ด้วยนโยบายที่โดดเด่นจึงไม่ยั่งยืน  กรณีนักธุรกิจหัวดีเข้ามาวงการศึกษา เปลี่ยนปรัชญาการศึกษาที่พูดไม่จบ แต่กลับโฆษณาชวนสมเหตุผล ทำให้กระทรวงศึกษาธิการกลายเป็นกระทรวงเกรด A  การจัดสรรงบประมาณ ที่สอดรับนโยบายจึงมีทิศทางที่ซับซ้อน ยากแก่ครู นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน ตลอดจนชุมชนจะร้องอ๋อ... ก็ใช้เวลานานปี  ผลผลิตของนโยบายบังเกิดผล เห็นเป็นร่องรอย หรือบาดแผล ที่ไม่อาจจะลืมเลือน

    สถาณการณ์วิกิตใด ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่า ใครคือผู้ที่ทำพลาด แต่เมื่อมาสวมบทบาทผู้นำแล้ว ให้นึกอดีต ทำปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต ได้เป็นยอดก็จะชมย่องยกได้...

    ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ตกต่ำ ซึ่งวัดได้นั้น ทั้งๆ ที่แบบทดสอบง่ายกว่าเดิมมาก ๆ เด็ก ๆ รุ่นหลังก็ไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่รับรู้นำสู่ปัญญาได้ ความซับซ้อนอยู่ตรงไหน ทำไมไม่มีใครชี้แจงกระจ่างชัด กลับกลายเป็นความคลุมเคลือที่เกิดจากสภาวะแวดล้อมทางการศึกษาวิทยาศาสตร์ นั้นด้อยกว่า สิ่งที่ไม่ใช่ ไม่เชิงวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างข้อสำรวจที่พบได้ง่ายว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาได้สำรวจหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง  เพื่อเปรียบเทียบเชิงปริมาณข่าวด้านที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ในระยะวลาย้อนหลัง 132 วัน ของปี 51  พบว่า ข่าวด้านการเมืองมาอันดับหนึ่ง  ข่าวด้านอาจชญากรรมอันดับสอง ข่าวอุบัติเหตุอันดับสาม ข่าวดาราอันดับสี่ ข่าวกีฬาอันดับห้า ข่าวธุรกิจอันดับหก ข่าวงสังคมอันดับเจ้ด ข่าวทางการศึกษาอันดับแปด ข่าวโชคลาง ความเชื่อ อันดับเก้า ความรู้วิชาการ สาธารณสุข และวิทยาศาสตร์อันดับสุดท้าย  สิบกรอบนี้นักเรียนจำแนกข่าวได้  ไม่ต้องถึงนักวิชาการระดับสูงเลย คงไม่เปรียบเที่ยบกับข่าวทางทีวีที่นักเรียนได้รับรู้ในปริมาณ(ชั่วโมง) มากกว่าหนังสือพิมพ์ เรื่องข่าวเมินได้เลย เพลงและดารามาอยู่ในหัวใจ ถ้าถามครูวิทยาศาสตร์ ว่าข่าววิทยาศาสตร์ในระยะนี้มีกระแสอย่างไร  สังคมให้ความสนใจเรื่องอะไร

         การที่นักการเมื่องเข้าใจถึงการรับรู้ของประชาชน จึงมุ่งกำหนดปลูกฝังเยาวชนให้ไวต่อความรู้สึกที่สัมผัสสาร โฆษณา  การเรียนรู้จึงใช้เทคนิคโษณาชวนชื่อ  นักเรียนจึงจะเกิดการเรียนรู้ทักษะชวนเชื่อ  ใช่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติไม่.... กลายเป็นเงื่อนไขที่ครูจำเป็นต้องสอนให้สอดรับกับรูปแบบการเรียนรู้ทักษาะชวนชื่อ ขาดการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ที่สนองต่อความอยากรู้อยากเห็น ตัวอย่าง นัการขายสามารถขายสินค้าชิ้นหนึ่งทั้งๆ สินค้าชิ้นนั้นอาจจะยังไม่จำเป็นต่อผู้ซื้อ แต่ด้วยทักษะการนำเสนอที่ดึงเร้าให้เกิดการตัดสินใจ(การเรียนรู้) ทิ้งของเดิมที่ยังคงใช้การได้ การศึกษาไทยไม่ต้องการอยู่ภายใต้เครื่องมือกระแสทักษะชวนเชื่อ 

        เครื่องมือนี้ปลูกฝังจิตได้ตั้งแต่เยาว์วัย  รักหรือเกลียดพรรคการเมืองใด แสดงเหตุผลไม่ได้ เพราะถูกครอบงำด้วยการโฆษณาพรรค  จากนั้นการขายสินค้าของพรรคง่ายต่อการคล้อยตาม นโยบายที่ออกมาแล้วส่อการทุจริตเชิงนโยบายที่ยากแก่ครูวิทยาศาสตร์ที่ใช้หลักสูตรที่ล้าหลังทางภาษา จึงตกเป็นเครื่องมือนักการเมืองที่มีการศึกษากว่า  อย่างเลี่ยงไม่ได้ 

          ทางออกจากประสบการณ์ใช้จิตวิญญาณครูหรือพลังของความเป็นครู เพิ่มได้บ้างบางจุด แต่ใช้พลังนักการเมืองหนึ่งคนเปลี่ยนได้ฟ้าดิน...  ปฏิรูปจึงเกิดได้ไม่ยากถ้าคนดี มีวิสัยที่ยั่งยืน  

หมายเลขบันทึก: 247742เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2009 15:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

จะซื้อหหนังสือเพื่อลูกอ่านรวมไม่ถึงสองร้อยบาท ซื้อหวยกว่ากว่าแล้วค่อยซื้อหนังสือกี่พันเล่มจะเป็นไร ความคิดที่ไม่ยั่งยืน...

เป็นหนี้เพราะโชคลางดีกว่าเป็นหนี้การศึกษา เพราะการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐ

การศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์

เชื่อในสิ่งที่ไม่รู้ ดีกว่าเชื่อในสิ่งที่เรารู้ว่าไม่ดี จริงหรือ

หนี้เงิน เกิดจากความเลา หนี้กรรมก็เกิดจากความเขลา และความโลภ

ครูวิทยาศาสตร์ตั้งใจสอนเพราะหน้าที่ ใช่อยู่เพื่อใช้หหนี้จากความเขลา

ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์

เพราะได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน (กระทรวงศึกษาธิการ,2551 : 1)

พัฒนาวิธีคิด มีทักษะการค้นหาความรู้ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ดังนั้นทุกคน... จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา ให้รู้วิทยาศาสตร์

จากคำตอบในส่วนหนึ่งของ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ที่แสดงให้เผ็นถึงกระบวนทัศน์ (กระบวนทัศน์ (Paradigm) ซึ่งมาจากภาษากรีก โดย para แปลว่า beside ส่วน digm แปลว่า ทฤษฎี คือ ชุดแนวความคิด หรือ มโนทัศน์ (Concepts) ค่านิยม (Values) ความเข้าใจรับรู้ (Perceptions) และการปฏิบัติ (Practice) ที่มีร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่ง ชุมชนหนึ่งและได้ก่อตัวเป็นแบบแผน ของทัศนะอย่างเฉพาะแบบหนึ่ง เกี่ยวกับความจริง (Reality) ซึ่งเป็นฐานของวิถี) ที่มาhttp://www.novabizz.com/NovaAce/Paradigm.htm

ในทางไม่ยั่งยืน ยังมองว่าวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เป็นเอกภาพในด้านต้องการเพียงความรู้ ที่ไม่จำเป็นต้องหาด้วยตัวเอง ซื้อเอาดีกว่า สะดวก เป็นเป้าของความต้องการ ยุ่งยากเป็นอุปสรรค ลุงทุนสูง ถึงได้มา ประเทศชาติก็ล้าหลัง ... นักการศึกษาวิทยาศาสตร์คิดเพียงเท่านี้เหรอ.. ในมุมมองของครูวิทยาศาสตร์เล็ก ๆ คนหนึ่งมองได้เป็นเช่นนี้ แล้วนักเรียน ผู้เรียน นักศึกษา หรือคนทั้งชาติจะแปลความจากคำตอบ เป็นอย่างไร งบประมาณที่จะทุ่มเพื่อสร้างวิทยาศาสตร์ ซื้อเอาคุ้มกว่า สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนคำตอบ ให้ใช้ข้อความที่เน้น ... ทั้ง ๆ ที่มีอยู่ในคำตอบของคำว่าวิทยษสาสตร์จะดีก็อยู่ในเล่มหลักสูตรแกนกลาง ใช้งบประมาณในการสื่อ การพิมพ์มากมาย แต่ทำให้ครูเข้าใจการพัฒนาวิทยาสาสตร์ในทางเสื่อม.....

หลักสูตร หรือกฎหมายวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติตามยากจัง

ครูที่สร้างเอกสารประกอบการเรียน ไม่กล้าการันตี ว่า ตรงตามหลักสูตรหรือไม่ เพราะไม่ได้นั่งนึกเอา แต่เกิดจากการปฏิบัติขณะนั้นเอา หลักความยืดหยุ่นกลายเป็นข้ออ้าง

ครูวิทยาศาสตร์ก็ต้องการสมรรถนของศิษยื เช่นเดียวกับหลักสูตรกำหนด คือ สื่อ-คิด-แก้-ใช้ทักษ-ใช้เทค

ทั้งหมดทั้งปวงหลักสูตรต้องการคูณธรรมนำวิชาการ, พร้อมวรรณะ สุขะ พละ,รักชาติ วิถีประชา,สำนึกรักษ์ มีเพียงอย่างเดียวที่พอวัดได้ คือ สุขะพละ นอกนั้นใช้เครื่องมือวัดแบบสัมพัทธ์

การรายงานผลการติดตามหลักสูตรก็คำนวณเอา ไม่เข้าใจหลักสถิติ ก็หาว่างานวิจัยเชื่อไม่ได้ ถ้าผู้นำไม่เชื่อการวิจัย แล้วประเทศไทยจะได้ทุนสนับสนุนวิจัยได้อย่างไร คณาจารย์จำต้องวิจัย ครู...วิทยาศาสตร์อยากทำวิจัย เพื่อความโก้...

การคืนครูให้นักเรียนเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนักเรียนคิดถึงครุ อยากอยู่ใกล้ครู ถามครู ตรวจงาน ชื่นชมผลงานที่เขาสร้างสรรค์ อยากให่ครู้รับรู้เพื่อชื่นชม แต่ครูอ้างภาระเพื่อทอดทิ้ง ว่า ขอโทษไม่มีเวลา ลายมือที่เขียนด้วยใจและความพยายามนอกจากพ่อแม่ไม่ดุหรือสนใจแล้ว ยังมีครูที่ไม่สนใจอีก เด็ก ๆ ไม่เข้าใจ ครูมีธุระอะไรมากมาย...

พ่อแม่ไม่มีเวลาก็อ้างว่าเพื่อลูก แล้วครูไม่ให้เวลากับนักเรียนก็อ้างว่า ที่เหนื่อไปทำอย่างอื่นตามนโยบายก็เพื่อศิษย์...

นโยบายที่รบกวนการเป้นครู อย่าคิดทำเลย เพราะสร้างบาปทางการศึกษาอย่างแท้จริง

วิทยาศาสตร์ เป็นเรื่อง ที่พิสูจน์ได้ มีเหตุและผล

ให้กำลังใจครูวิทยาศาสตร์ ทุกคน จึงยึดมั่นแนวทางที่มั่นคง ชาติเจริญอย่างยั่ยืน ความพอเพียงเป็นทางสร้างความยั่งยืน

หลักธรรมที่สอดคล้องกับวิทยาสาสตร์จึงยั่งยืนมามากกว่า สองพันปี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท