จะซื้อหหนังสือเพื่อลูกอ่านรวมไม่ถึงสองร้อยบาท ซื้อหวยกว่ากว่าแล้วค่อยซื้อหนังสือกี่พันเล่มจะเป็นไร ความคิดที่ไม่ยั่งยืน...
เป็นหนี้เพราะโชคลางดีกว่าเป็นหนี้การศึกษา เพราะการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐ
การศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์
เชื่อในสิ่งที่ไม่รู้ ดีกว่าเชื่อในสิ่งที่เรารู้ว่าไม่ดี จริงหรือ
หนี้เงิน เกิดจากความเลา หนี้กรรมก็เกิดจากความเขลา และความโลภ
ครูวิทยาศาสตร์ตั้งใจสอนเพราะหน้าที่ ใช่อยู่เพื่อใช้หหนี้จากความเขลา
ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์
เพราะได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน (กระทรวงศึกษาธิการ,2551 : 1)
พัฒนาวิธีคิด มีทักษะการค้นหาความรู้ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ดังนั้นทุกคน... จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา ให้รู้วิทยาศาสตร์
จากคำตอบในส่วนหนึ่งของ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ที่แสดงให้เผ็นถึงกระบวนทัศน์ (กระบวนทัศน์ (Paradigm) ซึ่งมาจากภาษากรีก โดย para แปลว่า beside ส่วน digm แปลว่า ทฤษฎี คือ ชุดแนวความคิด หรือ มโนทัศน์ (Concepts) ค่านิยม (Values) ความเข้าใจรับรู้ (Perceptions) และการปฏิบัติ (Practice) ที่มีร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่ง ชุมชนหนึ่งและได้ก่อตัวเป็นแบบแผน ของทัศนะอย่างเฉพาะแบบหนึ่ง เกี่ยวกับความจริง (Reality) ซึ่งเป็นฐานของวิถี) ที่มาhttp://www.novabizz.com/NovaAce/Paradigm.htm
ในทางไม่ยั่งยืน ยังมองว่าวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เป็นเอกภาพในด้านต้องการเพียงความรู้ ที่ไม่จำเป็นต้องหาด้วยตัวเอง ซื้อเอาดีกว่า สะดวก เป็นเป้าของความต้องการ ยุ่งยากเป็นอุปสรรค ลุงทุนสูง ถึงได้มา ประเทศชาติก็ล้าหลัง ... นักการศึกษาวิทยาศาสตร์คิดเพียงเท่านี้เหรอ.. ในมุมมองของครูวิทยาศาสตร์เล็ก ๆ คนหนึ่งมองได้เป็นเช่นนี้ แล้วนักเรียน ผู้เรียน นักศึกษา หรือคนทั้งชาติจะแปลความจากคำตอบ เป็นอย่างไร งบประมาณที่จะทุ่มเพื่อสร้างวิทยาศาสตร์ ซื้อเอาคุ้มกว่า สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนคำตอบ ให้ใช้ข้อความที่เน้น ... ทั้ง ๆ ที่มีอยู่ในคำตอบของคำว่าวิทยษสาสตร์จะดีก็อยู่ในเล่มหลักสูตรแกนกลาง ใช้งบประมาณในการสื่อ การพิมพ์มากมาย แต่ทำให้ครูเข้าใจการพัฒนาวิทยาสาสตร์ในทางเสื่อม.....
หลักสูตร หรือกฎหมายวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติตามยากจัง
ครูที่สร้างเอกสารประกอบการเรียน ไม่กล้าการันตี ว่า ตรงตามหลักสูตรหรือไม่ เพราะไม่ได้นั่งนึกเอา แต่เกิดจากการปฏิบัติขณะนั้นเอา หลักความยืดหยุ่นกลายเป็นข้ออ้าง
ครูวิทยาศาสตร์ก็ต้องการสมรรถนของศิษยื เช่นเดียวกับหลักสูตรกำหนด คือ สื่อ-คิด-แก้-ใช้ทักษ-ใช้เทค
ทั้งหมดทั้งปวงหลักสูตรต้องการคูณธรรมนำวิชาการ, พร้อมวรรณะ สุขะ พละ,รักชาติ วิถีประชา,สำนึกรักษ์ มีเพียงอย่างเดียวที่พอวัดได้ คือ สุขะพละ นอกนั้นใช้เครื่องมือวัดแบบสัมพัทธ์
การรายงานผลการติดตามหลักสูตรก็คำนวณเอา ไม่เข้าใจหลักสถิติ ก็หาว่างานวิจัยเชื่อไม่ได้ ถ้าผู้นำไม่เชื่อการวิจัย แล้วประเทศไทยจะได้ทุนสนับสนุนวิจัยได้อย่างไร คณาจารย์จำต้องวิจัย ครู...วิทยาศาสตร์อยากทำวิจัย เพื่อความโก้...
การคืนครูให้นักเรียนเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนักเรียนคิดถึงครุ อยากอยู่ใกล้ครู ถามครู ตรวจงาน ชื่นชมผลงานที่เขาสร้างสรรค์ อยากให่ครู้รับรู้เพื่อชื่นชม แต่ครูอ้างภาระเพื่อทอดทิ้ง ว่า ขอโทษไม่มีเวลา ลายมือที่เขียนด้วยใจและความพยายามนอกจากพ่อแม่ไม่ดุหรือสนใจแล้ว ยังมีครูที่ไม่สนใจอีก เด็ก ๆ ไม่เข้าใจ ครูมีธุระอะไรมากมาย...
พ่อแม่ไม่มีเวลาก็อ้างว่าเพื่อลูก แล้วครูไม่ให้เวลากับนักเรียนก็อ้างว่า ที่เหนื่อไปทำอย่างอื่นตามนโยบายก็เพื่อศิษย์...
นโยบายที่รบกวนการเป้นครู อย่าคิดทำเลย เพราะสร้างบาปทางการศึกษาอย่างแท้จริง
วิทยาศาสตร์ เป็นเรื่อง ที่พิสูจน์ได้ มีเหตุและผล
ให้กำลังใจครูวิทยาศาสตร์ ทุกคน จึงยึดมั่นแนวทางที่มั่นคง ชาติเจริญอย่างยั่ยืน ความพอเพียงเป็นทางสร้างความยั่งยืน
หลักธรรมที่สอดคล้องกับวิทยาสาสตร์จึงยั่งยืนมามากกว่า สองพันปี