ลิงกับลา.....


ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเขียนบันทึกเลย ทั้งทำงานด้วย เรียนไปด้วย .... จึงมีเรื่องยุ่งๆ หลายๆ อย่าง คิดว่าหลายๆ คนคงประสบปัญหาเดียวกัน

พอดีวันนี้ได้รับ อีเมลล์เป็นนิทาน ที่คิดว่าหลายคนที่ได้อ่านแล้ว คงคิดอะไรได้เยอะเลย ...โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ... จึงเอามาให้อ่านกันครับ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นคนแต่ง ..แต่ต้องขอบคุณผู้ที่แต่งนิทานเรื่องนี้ขึ้นมา ครับ เพราะอ่านดูแล้ว...สังคมทุกวันนี้เป็ฯอย่างนี้จริงๆ...

        เรื่องของลิงกับลา  

       
หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว
คือ ลิงและลา วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง

แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของ

ต่างๆ ได้รับความเสียหาย


       
ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อยๆ คลาย

ปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น

ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อ

ค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉยๆ


         
สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง

ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง


           
ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะ ขึ้นทันที หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เอง คือตัวปัญหา ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมา ทุบตีลาอย่างรุนแรง   ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำ อะไรได้เลย


เธอทั้งหลาย...


     
เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของ ทำโทษจนตาย   ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำ ของหญิงชาวบ้านที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้  เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไป ตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว  เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่า ลาคงเป็นผู้กระทำ  แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย  เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง  ความจริงถ้าเธอรู้จัก สำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน
 


   
เหตุที่องค์กรของเราต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำ ที่ "ปล่อยให้ลิง
สร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์"   ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจา

ตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม    ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด

แต่ไม่เคยทำงานจริง   นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้

   
ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย  นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม  รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลา

อีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริงเพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
   
ถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย

...............................................................................

หมายเลขบันทึก: 245287เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2009 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 08:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

พี่บอกโทนได้คำเดียวว่า

นิทานเรื่องนี้

"โดนนนน" ใจพี่อย่างแรงค่ะ

อืมมม...แท้ที่จริงแล้ว เจ้าลิง ก็ยังคงลอยนวล อวล อวล

พี่บอกโทนได้คำเดียวว่า

นิทานเรื่องนี้

"โดนนนน" ใจพี่อย่างแรงค่ะ

อืมมม...แท้ที่จริงแล้ว เจ้าลิง ก็ยังคงลอยนวล อวล อวล

What a story to ponder! This should be forwarded to all head administrators, esp in our university!

Cheers- Have a nice day nakha.

- ขอบคุณพี่แอ๊ว วิภาที่แวะมาเยี่ยมชม...

- ขอบคุณครับ อ.อ้อม

ผมก็หวังว่า all head administrators in our university จะเข้ามาอ่านอ่ะครับ 555+

     พี่กลับคิดว่า ... จริงๆ แล้วผู้เป็นนายที่ทำหน้าที่ได้มากกว่าการเป็นเจ้านายธรรมดาๆ คนหนึ่งจะสามารถมองเห็นว่าลิงและลามีจุดเด่น (ศักยภาพ) ด้านไหน แล้วส่งเสริมสนับสนุนให้กำลังใจจนสามารถนำมาพัฒนาการทำงานพัฒนาองค์ได้ แทนที่จะนำความสามารถไปทำในเรื่องที่ผิดๆ จนองค์กรเดือดร้อน เพราะทั้งลิงและลาต่างก็มีจุดดีของตนเองที่แตกต่างกันออกไป

     และยังเชื่อว่าลำพังการหาจุดด้อยหรือสิ่งไม่ดีในตัวของคนในองค์กรจนรู้เยอะแยะไปหมด ก็ไม่อาจทำให้องค์กรไหนๆ พัฒนาไปได้

     เพราะพี่และโทนโชคดีที่เคยได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกของการมีเจ้านายในแบบที่ไม่ธรรมดาคนนั้นเหมือนกัน ... ใช่มั้ยจ้ะ :)

ขอบคุณครับพี่ตูน ... ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนแนวคิด

ผมนับว่าโชคดีมาก ในการเริ่มต้นวัยทำงาน กับคนที่เป็นมากกว่าเจ้านาย

ตอนนี้หน่อของการทำงานที่ดี อยู่ในตัวผมแล้วล่ะ

จะเก็บความรู้สึก...กับการทำงานที่มีประสบการณ์สุดยอดนี้ไปจนกว่าจะไม่มีแรงทำงานครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท