อย่างเพิ่งเบื่อนะคะ วันนี้ผู้วิจัยจะเล่าต่อว่าการประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 3/2549 ในวาระที่ 3 เป็นอย่างไร
วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)
อ.ชวนพิศ ถามต่อไปว่า เงินที่เราเก็บชาวบ้านมาในตอนแรกเราต้องยอมรับว่าเราไม่ได้บอกชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเงิน โดยเฉพาะในเรื่องสวัสดิการการตาย เราไม่ได้บอกว่าเราเอาเงินจากที่ไหนมาจ่าย ชาวบ้านเขาไม่รู้ว่าเราบริหารจัดการเงินส่วนนี้อย่างไร สมมติว่าเมื่อชาวบ้านออมเงินไปถึง 10 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเขาสามารถที่จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกได้ และมีสิทธิที่จะได้รับเงินคืนตามระเบียบของเครือข่าย ถ้ามีสมาชิกถอนตัวออกไปมากๆ เราจะทำอย่างไร เราจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนให้เขา ในเมื่อเราเอาเงินมาจ่ายเป็นสวัสดิการต่างๆหรือเอาไปลงทุนหมดแล้ว
เมื่อ อ.ชวนพิศ ถามจบ ประธานจึงถามขึ้นมาต่อว่า แล้วคิดว่าควรจะทำอย่างไร?
คุณอุทัย ในฐานะรองประธานเครือข่ายฯ และเป็นประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านแม่ทะ-ป่าตัน ได้ขออนุญาตที่ประชุม พร้อมกับกล่าวว่า คนที่ออมมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วคงจะไม่มีใครคิดจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิก เป็นอาจารย์ (ชวนพิศ) จะถอนตัวไหม ถ้าเป็นผม ผมคงจะไม่ถอนตัวหรอกครับ
จากนั้น พี่นก ยุพิน แสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ต่อว่า คนที่ออมมาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้วคงจะไม่มีเหตุการณ์ถอนตัวเองออกจากการเป็นสมาชิกจำนวนมากจนทำให้กลุ่มอยู่ไม่ได้อย่างที่กลัวกัน อยากจะให้ลองเปรียบเทียบกันดูว่าทำไมบริษัทต่างๆโดยเฉพาะบริษัทประกันถึงอยู่ได้ แล้วเราทำงานอยู่ในชุมชน เราเป็นคนที่อยู่ในชุมชน ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราน่าจะทำงานได้ง่ายกว่า ถ้าถึงวันหนึ่งที่มีสมาชิกต้องการออกจากการเป็นสมาชิกและสามารถไถ่ถอนเงินออกไปได้ (ต้องเป็นสมาชิกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปค่ะ) เราคงจะมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งที่หมุนอยู่แล้วให้เขาไถ่ถอนออกไปได้ โดยที่เราก็อยู่ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกวันนี้กลุ่มบ้านดอนไชยถึงพยายามที่จะเป็นหนูทดลองในทุกเรื่อง แล้วจะเอามาพูดให้ฟังว่ากลุ่มที่มีสมาชิกขนาดนี้ แล้วพยายามทำทุกวิถีทาง จะทำให้อะไรงอกเงยขึ้นมาได้ไหม มันอาจจะมีเงินมา sopport ในสิ่งที่เราบอกว่าไม่พอๆได้ไหม อย่างกรณีของกลุ่มนาก่วมใต้ (กลุ่มประธาน) นกเห็นว่ายอดเยี่ยมเลย เพราะ มีหลายกองทุน ได้เงินดอกเบี้ยจากกองทุนหมุนเวียน ทำให้มีเงินสำรองมาก แต่อย่างบางกลุ่มที่ทำเรื่องสวัสดิการอย่างเดียว ไม่ได้ทำกองทุนหมุนเวียน อาจทำให้ขาดเงินที่จะเอามาเสริมสภาพคล่องในบางช่วงเวลาที่ต้องการใช้ นี่คือ ความแตกต่างอย่างหนึ่งของการบริหารจัดการในแต่ละกลุ่ม
ประธาน ได้เสนอว่า เมื่อเราเอาปัญหามาพูดกันแล้ว เราควรที่จะเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้วย เราควรที่จะต้องมาช่วยกันคิดนะครับว่าควรที่จะทำอย่างไร ผมขอเสนอว่า
1.ขอให้ทุกกลุ่มส่งฐานะการเงินจะได้ไหม
2.ส่งเงินกองทุนกลาง (สำรอง) 20% ให้ครบ ถ้าส่งครบแล้วเงินจำนวนนี้ก็จะไหลกลับคืนไปที่แต่ละกลุ่ม เราจะลองใช้สูตรนี้ดูว่าถ้าเดือนไหนที่มีค่าเฉลี่ยศพเกิน 12 บาท/คน เครือข่ายฯก็จะเอาเงินในกองทุนกลางจ่ายคืนไป เอาอย่างนี้ดีไหมครับ?
พี่นก ยุพิน กล่าวต่อว่า เอาอย่างนี้ดีไหมสิ่งที่ตัวเองอยากทำก็คือ ถ้ากลุ่มไหนที่ไม่ยอมส่งฐานะการเงิน ไม่ยอมส่งจำนวนสมาชิกมาที่เครือข่ายฯ เราจะไม่แก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเหล่านี้ดีไหม? ถ้ากลุ่มไหนที่ส่งมาแล้ว มีการตรวจเช็คแล้วพบว่ามีการใช้จ่ายเงินอย่างถูกต้อง แล้วกลุ่มมีปัญหาจริงๆเครือข่ายฯก็ต้องรีบเข้าไปช่วย เพราะว่า ถ้าไม่ทำอย่างนี้มันจะเป็นปัญหาที่สะสม เมื่อปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานๆปัญหาก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น กลุ่มก็จะไม่ไหว
ประธาน แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอของพี่นก ยุพิน พร้อมกับกล่าวต่อไปว่า เมื่อเอาปัญหามาพูดกัน มันเป็นเรื่องหนัก เรากำลังหาทางคลี่คลายร่วมกัน อย่างที่ผมบอกว่า เมื่อผงเข้าตาเราไม่สามารถเอาออกเองได้ เราต้องช่วยกันเอาออก ที่ประชุมเห็นว่าอย่างไรครับ? พร้อมที่จะส่งข้อมูลรายงานฐานะการเงินหรือเปล่า? คืออย่างนี้เรามาตกลงร่วมกันดีไหมว่า ถ้ากลุ่มไหนที่ไม่ส่งฐานะการเงิน ไม่เคลียร์ตัวเอง ไม่ส่งเงินมาที่กองทุนกลาง เครือข่ายฯก็ไม่สามารถที่จะเอาเงินจากกองทุนกลางมาช่วยกลุ่มเหล่านั้นได้
ลุงคมสัน กล่าวเสริมจากประธานว่า ตอนนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าเรามีสมาชิกเท่าไหร่ มีเงินเท่าไหร่ ทุกวันนี้ผมทำอยู่ในส่วนของกองทุนกลาง ผมเหนื่อยมาก ต้องไปเสาะหาข้อมูล เพราะ ไม่มีข้อมูลว่าเงิน 100% มีเท่าไหร่ ทำให้ผมไม่รู้ว่าเงิน 20% มีเท่าไหร่ กลุ่มต่างๆก็ไม่ส่งเงินมา (ส่งมาเป็นบางกลุ่มค่ะ) นี่คือ ความปวดหัว
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะ ยังคงมีการอภิปรายกันอีกพอสมควรค่ะ แล้วจะค่อยๆเล่าให้ฟังนะคะ
ไม่มีความเห็น