ชีวิตที่พอเพียง : 5. ความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร


“ความพอเพียงอยู่ที่ใจ” และมีมิติของ “ศักดิ์ศรี” อยู่ด้วย

ชีวิตที่พอเพียง : 5. ความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร

  • บ้านเกิดของผมอยู่ห่างทะเล ๒ กม. ถ้าเดินตัดทุ่งนา    มีถนนลูกรัง (ถนนปรมินทร์มรรคา) ยาว ๖ กม. เข้าเมือง คือตัวจังหวัดชุมพร    จากตัวเมืองนั่งรถผ่านหน้าบ้านผมไปอีก ๕ กม. ก็จะถึงปากน้ำชุมพร
  • สมัยนั้นอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์มาก   การจับปลาจับหมึกทำโดยโป๊ะเป็นหลัก   การทำเรืออวนยังไม่แพร่หลาย    พอผมโตขึ้นหน่อย บิดาทำรถโดยสารวิ่งระหว่างปากน้ำกับตัวเมืองคือตลาดท่าตะเภา    นอกจากบรรทุกคนโดยสารยังบรรทุกปลาของแม่ค้าปลาเอาไปขายในเมืองด้วย    พอรถแล่นผ่านหน้าบ้านแม่ค้าปลาจะเอาปลาโยนลงมาให้ ๑๐ – ๒๐ ตัว พร้อมตะโกนบอก    ส่วนใหญ่เป็นปลาทู    บางครั้งเป็นปลาแป้น    ถ้าวันไหนเป็นปลาทับหนุน (ปลาใบขนุน) หรือหมึก (ปลาหมึก) ถือเป็นลาภปาก    เราจึงมีอาหารทะเลกินกันอย่างอุดมสมบูรณ์   บำรุงสมองเด็กบ้านนอก
  • แต่สมัยเด็กผมไม่รู้สึกว่านี่คือความอุดมสมบูรณ์ และโชคดี   แม่บอกว่ากินปลาทุกวันมัน “เอือม” (แปลว่าเบื่อ คงจะย่อมาจากเอือมระอา)    วันไหนมีหมูมีไก่กิน เราจึงจะถือว่าเป็นอาหารพิเศษ    สมัยก่อนหมูไก่เป็นอาหารพิเศษ ปลาเป็นของพื้นๆ   วันไหนมีแกงไก่ถือเป็นวันพิเศษ และเด็กๆ จะควานหา “ทวยอุด” คือตูดไก่ ซึ่งกินนุ่มและมัน ถือเป็นชิ้นส่วนที่อร่อยที่สุดในตัวไก่  
  • หลังบ้านมียอดตำลึง  ยอดผักบุ้ง  ผักหวาน  หัวปลี  มะพร้าว  พริก  ตะไคร้  ข่า  ฯลฯ สำหรับเอามาทำอาหารได้โดยไม่ต้องซื้อ   สมัยนี้ถือเป็นของดีทั้งนั้น   แต่สมัยผมเป็นเด็กรู้สึกว่าเป็นอาหารพื้นๆ น่าเบื่อ    แต่มีอยู่อย่างหนึ่งมีกินทีไร ตื่นเต้นทุกครั้ง จนปัจจุบันนี้ คือ “แกงเหมงมะพร้าว” ซึ่งจะทำกันเฉพาะแกงไก่   ดังนั้นเวลาลูกๆ (ซึ่งตอนนี้แก่กันแล้วทุกคน) กลับไปเยี่ยมบ้าน แม่จะทำแกงไก่เหมงมะพร้าวให้กิน    ตอนงานศพพ่อ อาจารย์หมอประเวศไปร่วมงาน ยังได้กินแกงไก่เหมงมะพร้าวในงาน   เหมงมะพร้าวคือส่วนที่เป็นกะลาแต่ยังอ่อน เคี้ยวกรุบๆ และรสหวาน  เอามาจากลูกมะพร้าวที่ยังอ่อนมาก ยังไม่มีเนื้อ ถือเป็นของแพง เพราะราคาเท่ากับมะพร้าวหนึ่งลูก   คนที่ไม่มีสวนมะพร้าวจะไม่มีโอกาสได้กิน   แม้เจ้าของสวนมะพร้าวก็ไม่ทำกินบ่อยๆ เพราะแพง   เอามาแกงเผ็ดอย่างเดียว  ไม่เห็นเอามาทำอย่างอื่น
  • ในโอกาสพิเศษ มีการโค่นต้นมะพร้าว ก็จะมี “หัวพร้าว” หรือหัวมะพร้าว หรือยอดมะพร้าวส่วนที่อ่อน สีขาว รสหวานมัน อร่อยมาก   นานๆ มากจึงจะได้กินสักที   อาจกินเล่นโดยไม่ต้องปรุง  หรือเอาไปผัด หรือแกง ก็ได้   ผมเคยกินสดๆ มากเกินไปจนอาเจียน  
  • ที่เล่ามานี้เพื่อจะบอกว่า มองย้อนกลับไปสมัยเด็กผมโชคดีมากที่อาหารการกินบริบูรณ์มาก   ทำให้ได้รับสารอาหารเต็มที่สำหรับเด็ก   แต่เราไม่คิดอย่างนั้นนะครับ   เรารู้สึกค่อนข้างน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าไม่ค่อยมีเงินไปซื้อน้ำแข็งกด  ไอติมแท่ง  ไอติมหลอด และขนมที่ดูทันสมัย กิน    เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาเป็นลูกคนจน   แม่บอกทุกวันว่าเราต้อง “เขียม” (แปลว่าประหยัด) เพราะเราจน   แต่มองย้อนกลับไป ๕๐ – ๖๐ ปี ผมตีความใหม่ว่าตอนนั้นผม “รวย” คือรวยอาหารที่มีคุณภาพสูง  รวยความรักจากพ่อแม่ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน   รวยธรรมชาติที่ร่มรื่นและสอนใจ
  • ในมิติหนึ่ง “ความพอเพียงอยู่ที่ใจ”   และมีมิติของ “ศักดิ์ศรี” อยู่ด้วย  
    วิจารณ์ พานิช
    ๑๕ เมย. ๔๙
หมายเลขบันทึก: 24268เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2006 04:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

           อ่านเรื่องเล่าของท่านแล้วชอบมาก  ผมอยู่บ้านดอยที่แม่ฮ่องสอนมีโอกาสได้เล่าเรียน ได้เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น   ผมเห็นด้วยกับความคิดของท่าน เรื่องความรวยอาหาร ความรัก ธรรมชาติ  เสียดายที่สมัยนี้คนวัดกันที่จำนวนเงินที่หาได้  ผมเกิดไม่ทันสมัยที่มีการกำหนดคำขวัญ"ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน"  น่าโมโหคนคิดนะครับ  ทำให้คนบ้านนอกที่รวยความรัก รวยน้ำใจ กลายเป็นคนจนไปหมด

         พอดีวันนี้แวะมาอ่าน   จะรออ่านเรื่องเล่าที่เป็นประโยชน์แบบนี้อีกครับ

หนูอ่านแล้วคิดถึงตัวเอง ตอนเล็กๆ ที่บ้านยากจนมากแต่มีบริเวณบ้านให้ปลูกผักสวนครัว มะเขือ ชะอม สะตอ พริก กะเพรา ใบรา โหรพา มะละกอ รวมทั้งเลี้ยงหมู ไก่แจ้ เลี้ยงปลา ตังส์ไม่มีคะ แต่ไม่เคยอด อาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก มีไข่ไก่กินทุกวันแบบเหลือเฟือ แม่เป็นแม่ค้า เวลาไม่มีเงินค่าเทอมพ่อจะจับไก่ไปขาย หนูจะเก็บผักสวนครัวข้างบ้านฝากแม่ไปขาย พอโรงเรียนปิดเทอมไปปีนเก็บยอดมะขามอ่อนฝากแม่ไปขายกิโลละ 2 บาท  จนวันนี้เรียนจบมีงานทำมีเงินเดือน แต่ชีวิตไม่เห็นมีความสุขเหมือนตอนเก็บผักไปขายเลย อยากมีวิถีชีวิตแบบพอเพียง อยากรวยความสุขมากกว่ารวยเงินอีกค่ะ

   ขอบพระคุณครับ  อ่านแล้วนึกถึงอดีตที่คล้ายๆกับของท่านอาจารย์  อาหารการกินอุดมสมบูรณ์แต่เรารู้สึกว่าจน และอายที่จะบอกใครว่าเกิดและอยู่ที่หมู่บ้าน ตำบลนั้น  เดี๋ยวนี้กลับรู้สึกภูมิใจครับ  ที่จะบอกว่าโชคดีกว่าหลายคนที่เราเกิดและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สะอาด  สมบูรณ์ ไร้มลพิษทุกรูปแบบ  และเหนืออื่นใด เป็นสังคมแห่งความรัก  ความอบอุ่น  และความมีน้ำใจที่ได้หาไม่ได้ในสังคมเมือง ..
   อ่านแล้วหิวข้าวด้วยครับ  นึกถึงแกงเผ็ด "เหมงพร้าว" ครับ
ของแท้ต้งไม่มี มะ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท