ข้าพเจ้ากำลังจะเปลี่ยนที่ทำงาน กัลยาณมิตรหลายท่านต่างสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ที่ทำงานมีปัญหาอีกหรืออย่างไร ? อันที่จริงในความหมายลึกๆ พวกเขาอาจจะกำลังถามว่า ข้าพเจ้ามีปัญหาอะไรอีก ? เพราะหลายคนต่างเวียนหัวกับข้าพเจ้า ที่มักจะย้ายที่ทำงานบ่อยๆ และไม่รู้จักลงหลักปักฐานเสียที
ข้าพเจ้าไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่เหตุและปัจจัยมันได้พร้อมและลงตัวแล้วว่า สิ่งที่มุ่งหวังของชีวิตคืออะไร และควรจะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำอะไร ในเบื้องต้นข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต เพื่อปฎิบัติธรรม ละทิ้งการงานในทางโลกทั้งหมดลง แต่ด้วยภาระและหน้าที่ จึงไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ ข้าพเจ้าจึงต้องอยู่ในหน้าที่การงานต่อไป ทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว รับผิดชอบดูแลพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ตามหน้าที่ของลูก ที่พึงกระทำ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้มุ่งหวังเงินทองมากมาย ไม่ได้ต้องการรถคันใหญ่ราคาแพง ไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่หลายสิบล้าน แถมไม่ต้องการจะมีเงินเก็บในธนาคารเสียมากมายมหาศาล และไม่ได้ต้องการตำแหน่งหน้าที่สมมติบัญญัติใดๆเพิ่มเติม แล้วข้าพเจ้าก็พบว่า ความไม่อยากมีไม่อยากเป็น ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้เหมือนกัน และอาจจะทุกข์เสียยิ่งกว่าความอยากมีอยากเป็นเสียอีก เนื่องจากเรากำลังอยู่ในสภาวะสวนกระแสของทางโลกอย่างมากทีเดียว
รุ่นน้องที่คุ้นเคยกันท่านหนึ่งเล่าถึงเพื่อนร่วมงานว่า บางคนนั้นเป็นทุกข์เรื่องไม่ได้สองขั้นหลังรับราชการมานาน บางทีก็โมโหเจ้านายว่าลำเอียง ข้าพเจ้าก็ย้อนถามว่า แล้วได้สองขั้นมาเพื่ออะไรหรือ ?? มีโน่นไปเพื่ออะไร มีนี่ไปเพื่ออะไร ? เพราะที่มีๆกันอยู่พอถึงเวลาตายก็ไม่เห็นจะเอาไปได้สักอย่าง.... หลายอย่างในชีวิตกลายเป็นเรื่องไรสาระ ข้าพเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า ทุกวันนี้บรรดาฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมาทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร แทนที่จะมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศชาติแต่พวกท่านเหล่านี้ก็ยังมัวแต่ทะเลาะกัน แถมเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ต่อว่าต่อขานกันไม่เลิก ช่างน่าเบื่อหน่ายดีแท้
ช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ เราแก่ตัวลงทุกวัน วันเวลาของชีวิตข้าพเจ้าก็เหลือน้อยลง ข้าพเจ้าจำต้องทบทวนและเปลี่ยนแปลงการใช้เวลาในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่จากนี้ไป ข้าพเจ้าต้องจัดสรรเวลาของชีวิตในการปฎิบัติสมาธิภาวนา และมีเวลาในการทำงานเลี้ยงชีพ ทั้งยังคิดว่า น่าจะทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้าง ว่าแล้วข้าพเจ้าก็เตรียมตัวกล่าวอำลาจากที่ทำงานเดิม แล้วไปหาที่ทำงานใหม่ ที่ทำงานที่จะสามารถเลี้ยงชีพได้ตามสมควร ทั้งได้ช่วยเหลือผู้คน และได้มีเวลาและโอกาสปฎิบัติธรรมด้วย แถมอยู่แวดล้อมในธรรมชาติที่เงียบสงบ
ข้าพเจ้ากำลังจะไปทำงานอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ยังไม่มีความวุ่นวายสับสนมากมายเหมือนเมืองใหญ่ และที่นั่นมีกัลยาณมิตรทางธรรมที่คุ้นเคยรู้จักกัน เรามุ่งหวังที่จะอยู่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้นับจากนี้ไป ....
นี่คือหนทางข้างหน้า กับวันเวลาที่เหลืออยู่ของข้าพเจ้า ทุกที่ย่อมมีปัญหา ข้าพเจ้าไม่คิดว่าที่ใหม่จะมีปัญหาน้อยกว่าที่เก่า ทว่าอาจจะมีมากมายกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป เพราะข้าพเจ้าไม่ได้จากที่นี่ไปเนื่องจากเห็นว่าที่นี่มีปัญหา แต่ข้าพเจ้าจากไปเพราะพบว่าที่นั่นมีปัญหามากกว่า ต้องการคนไปช่วยกันทำงานแก้ปัญหามากกว่า ..... นั่นคือประเด็น
ชึวิตของเราทั้งหลายต่างผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย บางครั้งสุข บางครั้งเศร้า ขณะนี้มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วสำหรับข้าพเจ้า เพราะแต่ละฤดูกาลของชีวิต มันก็มีทั้งความสวยงามและความยากลำบากกันคนละแบบ อยู่ที่เราจะเลือกเรียนรู้จากมันในแง่มุมไหน แต่นั่นคือวันเวลาของชีวิตที่มีค่าและสอนให้เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ และเมื่อถึงเวลาอันควร ข้าพเจ้าก็ขอใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต ให้มีคุณค่าและมีประโยชน์...ต่อทั้งตนเองและทั้งส่วนรวม
ชีวิตที่มีคุณค่า :) ... เยี่ยมครับ
เมื่อฤดูกาลผ่านผัน วันวานล่วงเลย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เราพร้อมรับมือแค่ไหน
เป็นกำลังใจให้ เส้นทางที่เลือกอย่างมีคุณค่า
... ชอบภาพ และเรื่องราวในบันทึก ขอบคุณค่ะ ...
สวัสดีค่ะ คุณsunny
"แล้วข้าพเจ้าก็พบว่า ความไม่อยากมีไม่อยากเป็น ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้เหมือนกัน และอาจจะทุกข์เสียยิ่งกว่าความอยากมีอยากเป็นเสียอีก เนื่องจากเรากำลังอยู่ในสภาวะสวนกระแสของทางโลกอย่างมากทีเดียว"
ข้อความนี้ข้าพเจ้าชอบมากที่เดียว เพราะข้าพเจ้ากำลังจะตัดสินใจเช่นเดียวกันกับคุณ ต้องการให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีประโยชน์กว่านี้
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
สวัสดีครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่าง ซ้อนๆ กันมากมายเลยครับ
หนทางนี้น่าจะเป็น ทางเอกนะครับ
ผมขอร่วมเดินทางไปด้วยคนนะครับ(อย่าลืมน้องนะครับ 555)
***อยากแบ่งปันเรื่องราวของปัญหา และสถานที่ครับ
**** หลังย้ายที่ทำงานมาครั้งแรก ตอนนี้อยู่จะครับ 3 ปีแล้วครับ
คิอว่าสถานที่ไม่น่าจะเป็นปัญหา....ผมเริ่มเข้าใจแล้วครับว่า เรานั่นละที่เป็นปัญหา จิตที่อาจจะยังหยาบ จิตที่อาจจะยังตื้นเขิน และยังเกาะเกี่ยวไปด้วยกิเลส หรืออัตตาต่างหาก...จิตของเรานั่นละครับ ที่อาจจะเป็นปัญหา*********
ยิ่งเรารู้สึกว่าสถานที่นั้นๆมีปัญหามาก สถานที่นั้นๆ ก็อาจจะเป็นสนามฝึกตน สถานที่ๆ เขาอาจจะกำลังสอนธรรมะเรา
ว่าเรายังติดตรงนั้น ตรงนี้
ผมเริ่มจะรู้สึก เข้าใจว่า ถ้าเราอึดอัด ติดขัดหรือไม่ชอบอะไร
ก็แปลว่าเรา...อาจจะต้องพัฒนาตรงจุดนั้น หรือดูจิต ดูการปรุงแต่งตรงนั้นของเราให้มากๆ........
ที่เเบ่งปันมานั้นไม่ใช่ว่าทำได้นะครับ แต่กำลังเข้าใจและปฏิบัติตามนี้ครับ........
ขอบคุณแทนพี่น้องแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะพี่น้องคนชนเผ่าที่น่ารักทุกเผ่านะครับ............
เป็นกำลังใจให้พี่หมอ......
ผมว่าที่ใหม่อาจจะเป็นสถานที่ๆมีสิ่งที่ดีๆอยู่มากมายครับ
การติดตั้งองค์กรแห่งธรรม องค์กรแห่งจิตตปัญญา หรือองค์กรที่เรยนรู้อย่างใคร่ครวญนั้น เป็นเรื่องที่อาจจะต้องใช้เวลายาวนาน
เพราะเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางด้านใน ทางด้านจิตวิญาณ
เท่าที่สัมผัสจากสิ่งที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงภายในของเราเองครับ........
ถ้าเราเปลี่ยนแปลงได้ดี งาม จริง.... ยิ่งๆขึ้นเรื่อยๆ จนจิตเบาบางจากเครื่องเกาะเกี่ยวอย่างแท้จริงแล้ว..........
มันก็จะหนี่ยวนำให้คนรอบข้างเรา คนรอบตัวเราเปลี่ยนไป แบบที่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้ตัวครับ.....เหมือนจะเป็นเช่นนนั้นครับ
แม้วาจา ใจ กาย เขาอาจจะดูเหมือนตรงข้าม หรือไม่เข้าใจสิ่งที่เราทำ แต่เขานั่นละที่เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีๆ....
ความดีเหนี่ยวนำความดี.....
สู้ๆครับ........
สวัสดีค่ะคุณ Wasawat, คุณ poo , คุณ จินตนา
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและการมาแวะเยี่ยมเยือน blog.นี้ค่ะ
ถึงน้องสุพัฒน์
เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่น้องกล่าวมาค่ะ และขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจ
มา สู้ๆ กันต่อไป จ้า ...(จากนี้ไปคงมีโอกาสได้พบเจอและสนทนาธรรมกันบ่อยขึ้นนะ)
พี่ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยอีกคน...ขอให้เส้นทางที่เลือกนั้นเป็นเส้นทางที่นำพาสิ่งที่มีคุณค่ามาให้กับทั้งหมอยา และสังคมรอบข้างได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข...
เข้ามาให้กำลังใจพี่ยาจ้า เราจะเป็นกัลยาณมิตรกันเสมอ
เพิ่งเข้ามาอ่าน Blog นี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ครั้งแรกค่ะ
แน่นอนสุดๆ ว่าเราก็เชื่อมั่นว่า พี่ยาจะพบประสบการณ์ที่คุ้นเคยมาก่อน(ฮ่า ฮ่า) แต่เป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป จากในตัวของพี่ยาเองค่ะ ... เป็นกำลังใจและเคียงข้างเสมอค่ะ...
หวัดดีจ้าพี่เตือน , หมอนิด และ น้องวี
ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจจ้า
ขอบคุณครับ
ผมก็มีแนวคิดคล้ายๆกันครับ ตอนนี้กำลำงเปลี่ยนงานใหม่ แต่พักอยู่ที่เดิมครับ หลังจากเริ่มรู้ว่าตัวเองอยู่ในร่องรอยของการปฏิบัติที่ถูก เราก็รู้สึกอิ่มกับเรื่องโลกๆครับ
พ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่าการปฏิบัติธรรมที่ดี คือ อยู่กับโลกที่เป็นไป ไม่จำเป็นต้องออกบวชก็ๆด้ถ้าเรามีภาระหน้าที่สมมุติก็ทำไปให้ดี เราใช้การภาวนาให้เห็นสภาวะที่เป็นจริง แล้วค่อยๆเรียนรู้ทุกข์ไปครับ