ตื่นเช้ามากกกกก
เพราะว่านัดรถให้มารับไปดูพระอาทิตย์บนยอดภูเรือเวลาตี ๕
ก็เลยต้องตื่นก่อนตี๕ หนาวจับใจเลย ทั้งหนาวทั้งง่วง
รถกะบะที่พาขึ้นภูเรือ (ได้รับความเอื้อเฟื้อประสานงานจาก กศน.ภูเรือ)
ระหว่างที่นั่งรถไป ก็ยังหนาวได้อีก
มีหลายคนขอเปลี่ยนจากหนาวจับใจ มาเป็นจับขั้วหัวใจ(โปรดสังเกตมีการใช้เสื้อกันหนาวร่วมกัน)
จากที่พักประมาณ๒๐ กม. รถพามาถึงจุดจอด
มีทางเดินเท้าขึ้นไป หรือจะนั่งรถไปคนละ๑๐บาทก็ได้
ไกด์กิตติมศักดิ์จากอ.ภูเรือ อ.มุก (บรรณารักษ์คนสวย) แนะนำว่า
ควรเดินขึ้นไป เพราะการเดินขึ้นไปเป็นการออกกำลังกาย
และจะทำให้ร่างกายอบอุ่น
ชาว กศน.เมืองประจวบฯ ทุกคนเลือกที่จะเดินไป
ทางเดินขึ้นไปจนถึงยอดภูเรือระยะทางประมาณ ๙๐๐ เมตร
การเดินขึ้นไปทำให้ระลึกถึงตอนที่เดินขึ้นภูกระดึง
แต่เป็นการเดินที่โหดกว่า ยาวกว่า ชันกว่า
ทางเดินขึ้นภูเรือก็ขรุขระบ้าง และชัน นิดหน่อยพอได้บรรยากาศ
แต่ก็ทำให้ชาวคณะเราเลิกบ่นเรื่องหนาวไปได้
แล้วเราก็ไปพิชิตจุดที่หนาวสุดในสยาม (ป้ายเขาบอก)
บนยอดภูเรือจัดแต่งดอกไม้ไว้สวยดีเหมือนกัน
แต่ไม่รู้เป็นเพราะคณะเราไปหรือเปล่า
ทำให้ดอกไม้ที่นั่นเฉาไปถนัดตา
แวะมาเที่ยวค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ
สวัสดีค่ะครูก้อย
มาชมภาพวิว สวย สวย บนภูเรือ ค่ะ
อยากไปค่ะ
แต่ยังไม่มีใครพาไป
อิอิ
ชมอาทิตย์อัสดง ที่สวนเกษตร มข. ด้วยนะค่
แฮปปี้วาเลนไทน์ค่ะ
กุหลาบดอกนี้ใครบันทึกภาพเอ่ย....จำได้เปล่าคะ....