3. ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่


ความสามัคคีสำคัญที่สุด

     คณะท่านนายอำเภอบุณฑริกไปถึงบ้านแก่งสมบูรณ์เวลาประมาณเก้าโมง เราใช้เวลาเดินทางนานมากเมื่อเทียบกับระยะทางเพียง 7 กิโลเมตร รถไปจอดที่ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ที่นั่นมีชาวบ้านรออยู่แล้วหลายคน ผมรีบใช้วิชาลูกเสือเอกคำนวนดูคงได้สักร้อยยี่สิบคน นั่งบ้างยืนบ้าง แต่พอเห็นท่านนายอำเภอลงจากรถ ชาวบ้านที่ยืนก็นั่งลง นายอำเภอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อำเภอเดินไปหากลุ่มคน ผม พ่อผมและน้าของพ่อ (ผมเรียกปู่) ก็ลงจากรถไปยืนหลบแดดที่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งใกล้ลานกว้าง

      ผมฟังท่านนายอำเภอพูดกับชาวบ้าน ซึ่งได้ยินอย่างชัดเจนแม้ว่าผมจะอยู่ด้านหลังท่านและห่างเกือบสามสิบเมตร และผมจำคำพูดของท่านได้แม่น ท่านพูดว่า การเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านก็เพื่อให้มีหัวหน้าสำหรับติดต่อประสานงานกับอำเภอ ผู้ได้รับการเลือกตั้งถือเป็นตัวแทนนายอำเภอ มีหน้าที่ดูแลชาวบ้านใครมีทุกข์ต้องช่วยแก้ไขโดยรีบด่วน ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านคือผู้ที่ช่วยเหลือชาวบ้านไม่ใช่เป็นนายชาวบ้าน การเลือกตั้งเป็นเพียงการหาคนมาทำงาน เสร็จจากการเลือกตั้งทุกคนก็ยังเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งต้องยอมรับและช่วยกันทำงานพัฒนาหมู่บ้านต่อไป

      หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่อำเภอคนหนึ่งทราบต่อมาว่าเป็นปลัดอำเภอ ได้ดำเนินการเลือกตั้ง โดยขั้นแรกให้ชาวบ้านเสนอชื่อผู้ที่เห็นสมควรเป็นผู้ใหญ่บ้าน ปรากฏว่ามีการเสนอสองคน ปลัดอำเภอได้ให้คนที่ได้รับการเสนอออกมายืนห่างกันเกือบยี่สิบเมตร แล้วประกาศว่า หากชาวบ้านเลือกใครขอให้ไปอยู่รวมกับคนนั้น หากฝ่ายใดมีจำนวนคนมากกว่า ฝ่ายนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน สิ้นเสียงประกาศไม่นานบ้านแก่งสมบูรณ์ก็มีผู้ใหญ่บ้านคนใหม่แล้ว

      ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ได้เชิญท่านนายอำเภอ เจ้าหน้าที่อำเภอและพวกผมขึ้นไปบนบ้านของเขาที่อยู่ใกล้ลานนั้น หลังจากที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว ท่านนายอำเภอได้หันมาถามผมว่า

      "จะไปไหน" ผมตกใจเพราะไม่นึกว่าท่านจะถาม ท่านเลยถามต่อว่า "ไปทำไม" ผมได้สติจึงรีบตอบทั้งสองคำถามว่า

      "ไปบ้านคำบากครับ....ผมเป็นครูบรรจุใหม่...."

       ท่านมองหน้าผม ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าท่านมองนานแสนนาน (ก็ผมครูตัวน้อยๆ ตื่นเต้นครับ) แล้วท่านก็พูดว่า

        "ยังเหลืออีกยี่สิบกิโลเมตร..กินข้าวกลางวันก่อนนะ แล้วค่อยไปต่อ" หลังจากนั้นท่านก็หมดความสนใจในตัวผม หันไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ผมเลยหาที่นั่งใหม่ คิดว่าที่ตรงนี้ชักไม่ปลอดภัย อยู่ใกล้นายเกินไป

       ผมมีเวลานั่งคิดอะไรเล่นเพลินๆ อยู่หลายนาที ขณะรออาหารฉลองผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ผมคิดถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นวันที่ผู้สอบบรรจุได้ไปเลือกโรงเรียน ผมสอบได้อันดับต้นๆ มีสิทธิเลือกก่อนคนอื่นอีกหลายคน คราวนั้นมีโรงเรียนที่อยู่ในเขตอำเภอที่อยู่ใกล้บ้านให้ผมเลือกหลายแห่ง ผมกลับไปเลือกโรงเรียนในเขตอำเภอบุณฑริก อำเภอชายแดนไทย-ลาว และไม่ได้เลือกโรงเรียนบ้านคำบาก ผมเลือกโรงเรียนที่ห่างจากตัวอำเภอเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น (ไปคนละทางกับบ้านแก่งสมบูรณ์) 

       ใช่ครับ....บ่ายวันศุกร์นั้นเอง มีหญิงสาวคนหนึ่งตามหาผมจนพบ ขอแลกโรงเรียน เธอสอบบรรจุได้เป็นคนสุดท้าย มีโรงเรียนเหลือให้เลือกเพียงโรงเรียนบ้านคำบาก เธอขอเปลี่ยนหลายคนแล้วไม่มีใครยอมเปลี่ยน เธอขอร้องผม ผมเปลี่ยนให้ทันที ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสิ้น เธอดีใจมาก ขอให้ผมเป็นน้องชายของเธอ โดยจะทำพิธีผูกแขนในวันหลัง เธออายุมากกว่าผม 3 ปี

       หลังอาหารกลางวัน คณะของผมลาท่านนายอำเภอและผู้ใหญ่บ้านคนใหม่เดินทางต่อ แน่ละ..คราวนี้ไม่มีรถให้นั่งแล้ว....เดินอย่างเดียว พร้อมทั้งสัมภาระบนไหล่ เราเดินไปตามทางเกวียน ไม่ใช่เดินตามรอยล้อเกวียนนะครับ ทางคนเดินส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างรอยล้อเกวียน จะมีออกนอกรอยเกวียนบ้างหากทางเกวียนโค้งหลบต้นไม้ใหญ่หรือจอมปลวก ตอนแรกที่ออกเดินพ่อกับปู่คุยกันไปพลางเดินพลาง แต่พอไปได้สักพักใหญ่ๆ เสียงพูดคุยหายไป คงจะเหนื่อยนั่นเอง

       พอเหนื่อยมากก็นั่งพัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ ผ่านบ้านคนก็แวะขอน้ำดื่ม จนบ่ายสามโมงเรามาถึงบ้านห้วยข่า ผมนึกว่าปู่จะหยุดพักค้างคืน แต่พอหายเหนื่อย ปู่ก็ชวนเดินต่อไป จนเวลาโพล้เพล้เราก็มาถึงบ้านคำเชียงเบ้า คราวนี้พักค้างคืนแน่ เพราะมืดค่ำแล้ว

 

หมายเลขบันทึก: 237564เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2009 22:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2013 11:51 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ตามมาอ่านต่อค่ะ หนูก็ไปบรรจุเป็นครูที่อีสานเหมือนกัน แต่รุ่นนี้มีรถยนต์เข้าถึง ฟังเรื่องที่อาจารย์เล่าแล้วน่าสนใจเหมือนดูหนังเรื่องครูปิยะเลยค่ะ จะตามอ่านนะคะ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้วนึกภาพตาม ได้กลิ่นไอของเราชาวรากหญ้าดีค่ะ

สวัสดีครับ คุณเล็ก ครูแป๋ม

ขอบคุณนะครับที่ติตามผลงาน

ผมมั่นใจนะครับว่า ไมตรีจิตที่พวกเราชาว gotoknow มีต่อกัน จะทำให้พวกเราประสบความสำเร็จในชีวิต

ไม่ทราบว่าคุณเล็ก ครูแป๋ม ได้อ่านนิทานเรื่อง "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม" หรือเปล่า หากยังหาอ่านไม่ยากนะครับ ประทับใจจริงๆ

 

นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แล้วอยากให้โลกถอยคืนกลับไปใหม่นะคะ

จะไปหาสอบบรรจุครูแถวนั้นแหละ จะได้มีใครเดินป่าเป็นเพื่อน

  คงจะมีใครคอยซับเหงื่อให้นะ   

 ไม่น่าเปลี่ยนกันนะ มาอยู่โรงเรียนเดียวกันเลย

(ฝันมากไป เกือบฝันเกินกว่านั้น)   ฝันซิ ก็ฝันก็คือความฝันไง ไม่เป็นจริงหรอก  ทุกคนมีสิทธิ์จะฝันไม่ใช่เหรอ

แต่เรื่องนี้  ไม่ฝันให้ไกล ไม่ไปให้ถึงหรอก พอเพียงแล้ว  งง  งง  คริ  คริ

หาเรื่องเย้าไม่ได้  ไปอ่านบทอื่นดีกว่า

 

นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แล้วอยากให้โลกถอยคืนกลับไปใหม่

นั่นซิครับ.. ผมจึงตั้งชื่อบล็อกว่า "อดีต..ไม่อาจแก้ไข" คงมีหลายคนอยากย้อนอดีต ผมคนหนึ่งละ.....

เมื่อมีชีวิต ทุกคนมีสิทธิ์จะฝัน.......

......จิตของมนุษย์สุดจะสรร ชอบเอาความฝันมาลิขิตชีวิตตน ฝันกลางฤดูฝน ฝนบ้าฟ้าหม่น พาจิตคนฝันร้าย.....

ดาวใจ ไพจิตรร้อง เพราะดี แต่...ผมสงสัยจัง หาคำไม่ได้รึไง จึงไปต่อว่า ฝนบ้าฟ้าหม่น พาจิตคนฝันร้าย โถ โถ... คนมันบ้าเอง ยกความผิดให้ฟ้าให้ฝนเฉยเลย..... พิลึกคน ฮ่า ฮ่า

อยู่โรงเรียนเดียวกันไม่ได้นะซี ถ้าอยู่ได้..ไม่รู้ว่าชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า หุหุ ฮ่าฮ่า

หากไม่รังเกียจผ้าขาวม้าสีหม่น ก็จะซับเหงื่อให้ครับ ฮ่า ฮ่า

หากไม่รังเกียจผ้าขาวม้าสีหม่น ก็จะซับเหงื่อให้ครับ ฮ่า ฮ่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท