ป่าดอนปู่ตา
ป่าดอนปู่ตา เป็นที่สาธารณประโยชน์ มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นทั่วไป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ที่บอกถึงอาณาบริเวณป่า มีการสร้างศาลพระภูมิ เชิญผีเจ้าที่เจ้าทางมาอยู่ในศาล เพื่อช่วยในการ ปกปักรักษาคนในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข การเลือกทำเลที่ตั้งดอนปู่ตาชาวบ้านจะพิจารณาหาที่ดิน ว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดถือครอง เป็นที่สาธารณะ เป็นที่ดินน้ำท่วมไม่ถึง มีต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิปปี เมื่อได้แล้วชาวบ้านจะมาประชุมตกลงร่วมกันทำพิธีตั้งศาลปู่ตาหรือที่เรียกว่า “ตูบ” ไว้ในบริเวณ ต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชา และประกาศเป็นเขตดอนปู่ตา ดยใช้วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ เข้ามาควบคุม ในบริเวณป่าดอนปู่ตาจึงเป็นเขตแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ใครจะเข้าไปบุกรุกที่ดิน ตัดไม้หรือทำการล่าสัตว์ไม่ได้ เป็นการลบหลู่ปู่ตา และเชื่อกันว่า ใครจะละเมิดจะมีอันเป็นไป โดยล้มเจ็บหรือแม้กระทั่งเสียชีวิต (กรมป่าไม้, 2537 : 11 – 12)
บรรพบุรุษภาคอีสาน ไม่ว่าจะตั้งบ้านเรือนหรือตั้งเมืองใหม่ ท่านจะเลือกป่าเป็นสถานที่ตั้ง โดยแบ่งสถานที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งบ้านหรือเมือง อีกส่วนหนึ่งสำหรับสถานที่หอปู่ตา การเลือกผีปู่ตา จะเลือกบรรพบุรุษที่ตายไปแล้ว ฝ่ายพ่อเลือกเอาผีปู่ผีย่า ฝ่ายแม่เลือกเอาผีตากับผียายมารวมกัน แทนที่จะเรียกว่าผู้ปู่ย่าตายาย ก็เรียกสั้น ๆ ว่า ผีปู่ตา ปู่ตาเป็นผีมีหน้าที่รักษาป่าดง และมีอำนาจ ที่จะทำโทษแก่ผู้ที่ทำลายป่าดง หอปู่ตาใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยของผีปู่ตา จึงมีการปลูกหอหรือโรง ให้ผีปู่ตาอยู่ หอจะไม่ให้ใหญ่หรือเล็กเกินไป ปลูกไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่จัดเครื่องใช้สอยไว้ให้ครบ เพื่อความสะดวกปรีชา (พิณทอง, 2531 : 44 – 46)
ป่าดอนปู่ตาในทัศนะของชาวบ้านมิได้เป็นเพียงแหล่งอาหาร หรือที่อยู่อาศัยของสัตว์ พืช และแหล่งต้นน้ำลำธารเท่านั้น แต่ยังเป็นอาณาเขตของสัตว์ป่า ผี และอำนาจเหนือมนุษย์ เมื่อคน ต้องเข้าไปพึ่งป่าจึงถือเสมือนว่าไปให้ผีเลี้ยง ดังนั้น การบุกเบิกที่ดินทำกินและ สร้างชุมชนในป่า จึงต้องมีการขออนุญาตจากผีเจ้าป่าเขาเสียก่อน และต้องทำไปเพื่อเพียงพอแก่การ ยังชีพเท่านั้น ด้วยความเชื่อในเรื่องศักดิ์สิทธิ์ หรือผีที่คอยคุ้มครองดูแลรักษาป่าเขา ก่อรูปเป็นระบบ การพึ่งพาอาศัย กันระหว่างคนกับป่า ที่แสดงออกมาในรูปของพิธีกรรมและความเชื่อต่าง ๆ เช่น ชาวบ้านได้อาศัย สายน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตและการดำรงชีพของมนุษย์ ชุมชนแสดงออก ด้วยการทำพิธี บวงสรวงผีขุนน้ำ และดูแลรักษาป่าต้นน้ำ อันเป็นที่อยู่ของผีขุนน้ำทุกปี เพื่อแสดงความ กตัญญู หรือการเซ่นไหว้ดอนปู่ตา เพื่อความเป็นสิริมงคลของสมาชิกในชุมชน (กรรณิการ์ พรมเสาร์, 2536 : 35)
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยม อ่านเรื่องราวดีๆ และเป็นกำลังใจให้
ขอให้มีความสุขค่ะ
ขอบคุณครับ คุณหนูรี ขอใหมีความสุขเช่นกัน
ขอบคุณครับ คุณศรีกมล อีสานเรามีเรื่องราวหน้าเรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดสมกับที่ว่า
"ใผว่าอีสานฮ้าง
สิจูงแขนไปเบิ่ง
ป่าไผ่ยังส้วยร้วย
ป่ากล้วยยังซ่ายร่าย
มูนมังยังโจ้โก้
สิไปฮ้างบ่อนได๋ แท้แล้ว"
อยากอ่านเรื่องราววิถีชีวิตของคนอีสาน โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยในภาคอีสาน เช่น ผู้ไท ย้อ โย้ย ฯลฯ สามารถค้นหาเอกสารข้อมูลได้ที่ไหน แนะนำหน่อยเด้อ
สวัสดีค่ะคุณพิมล ดิฉันกำลังเรียน ป.โท อยากทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับดอนปู่ตา เลยอยากทราบข้อมูลว่ามีป่าดอนปู่ตาที่ไหนบ้างในภาคอีสาน ที่ยังคงมีการทำพิธีที่ค่อนข้างสมบูรณ์
และยังคงความเป็นเอกลักษณ์จากบรรพบุรุษอยู่บ้างคะ
เรียนคุณโสภิตา
ป่าดอนปู่ตาที่ยังคงมีความขลังศักดิ์อยู่และยังมีพิธีกรรมเหนียวแน่นจนได้รับรางวัลอนุรักษ์ป่าดอนปู่ตาดีเด่นระดับประเทศมีอยู่มากในภาคอีสาน เช่น ป่าดงภูดิน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ หรือป่าบ้านหนองโน จังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น ทั้งนี้ลองสืบค้นได้จากงานวิจัยของ รศ.ดร.บุญยงค์ เกศเทศ, รางวัลลูกโลกสีเขียวของ ปตท. , งานวิจัยของอาจารย์โสภิดา ยงยอด, งานวิจัยในแนวของสถาบันวิจัยศิลปและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถ้าอาจารย์สนใจป่าดงภูดินค่อยส่งอีเมลล์มาถามผมเพราะจะแนะนำให้รู้จักกับแม่เฒ่าจ้ำป่าดงภูดินครับ
หวัดดีค่ะ
ผมมาอีสานบ่อยๆหากไม่มีปู่ตาป่าคงหมดไปนานแล้ว
ผมชอบสิ่งที่เป็นภูมิปัญญามาก
อยากได้ป่าที่เกี่ยวกับป่าวัฒนธรรม
เยอะๆ
ช่วยบอกหน่อยค่ะ
10ข้อ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับคุณ phayorm แซ่เฮ ที่เข้ามาอ่านงานเขียน ป่าและคนอยู่ร่วมกันมาแต่ไหนแต่ไรมีป่าจึงมีคน ดังนั้นประเพณีวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับป่าจึงเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของมนุษย์ที่ควรศึกษาและอนุรักษ์ไว้
จริงอย่างที่คุณ "เบดูอิน" บอกไว้ หากไม่มีดอนปู่ตา ป่าของชาวอีสานคงไม่เหลือแน่ ช่วยกันอนุรักษ์ไว้นะครับ
ถึงคุณ จิราวรรณ ผมอาจไม่สามารถบอกลักษณะป่าวัฒนธรรมได้ถูกต้องแต่จะพยายามนะครับ
ป่าวัฒนธรรมมีดังนี้
๑. ป่าดอนปู่ตา
๒. ป่าเฮ้ว(ป่าช้า)
๓. ป่าชุมชน
คิดไม่ออกซะแล้ว