อาชูรออฺและขนมบูโบซูรอ


วันนี้วันที่ 11 ของเดือนมุหัรร็อมของอิสลาม จริงแล้วบันทึกนี้ผมจะเขียนตั้งแต่เมื่อวานเพราะชื่อมันบอกว่า อาชูรออฺ หมายถึงวันที่ 10 และวันที่ 10 ตรงกับ 7 มกราคมของไทยเรา แต่เมื่อวานไปศึกษางานใหม่แถมปวดขาด้วยเลยทำให้ทั้งไม่มีเวลาทั้งไม่มีอารมณ์เขียน

เมื่อถึงเดือนนี้แล้วก็จะได้ยินข่าวๆหนึ่งในหมู่มุสลิมในภาคใต้ คือ การทำบูโบซูรอ มันคืออะไร มันเป็นอย่างไร และเกี่ยวข้องกับมุสลิมอย่างไร..?

คำว่าซูรอ ก็คือ คำว่า อาขูรออฺ นั้นเอง หมายถึงวันที่ 10 เดือนมุหัรร็อม ปีนี้ก็วันที่ 7 อย่างที่กล่าวมา(และได้เขียนในบันทึกก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการกำหนดแล้วด้วย)

คำว่า บูโบ ก็คือขนม เป็นขนมที่กวนๆ เละๆ เข้ากัน

บูโบซูรอ หมายถึง ขนมอย่างหนึ่งที่ทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันอาชูรออฺ (บางคนไม่เข้าใจวันอาชูรออฺหรอก แต่รู้จักทำบูโบซูรอดี)

เมื่อทำกันทุกปี เวลาทำก็จะทำในลักษณะรวมกลุ่มกันทำ บางทีทั้งหมู่บ้านหรือทั้งตำบล จนกลายเป็นประเพณี นับได้ว่าเป็นวัฒนธรรมประเพณีอย่างนี้

การทำบูโบซูรอ ชาวบ้านจะรวมกลุ่มกันนำอาหารดิบ จำพวก ฟักทอง มะละกอ กล้วย เผือก มัน และข้าวสาร มาปรุงรวมกัน โดยมีผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ (พ่อผมให้ใส่ไก่ด้วย) มากวนเคี่ยวรวมกันในกระทะ และใช้ไม้พายคนให้อาหารทั้งหมดเปื่อยยุ่ยเคี่ยวจนงวดเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลากวนเคี่ยวร่วม 4-5 ชั่วโมง จากนั้นตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยไข่เจียว เนื้อสมัน หรือไม่โรยหน้าก็ได้ ซึ่งอาซูรอมีทั้งชนิดหวานและชนิดจืด

ระยะหลังทางการทำการประกวดการทำบูโบซูรอด้วย จึงมีลักษณะการแต่งหน้าบูโบนี้อย่างสวยงานแล้วแต่ความถนัด

  

 

บางคนอ้างว่าการทำบูโบซูรอนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยนบีนูฮ(โนอา) ครั้งเกิดน้ำท้วมโลก นบีนูฮไม่มีอะไรจะกินก็นำทรัพยสินที่กินได้มารวมๆกันแล้วทำเป็นอาหารประทังชีวิต

บางคนอ้างว่า บูโบซูรอนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งเกิดสงครามอัล-อะหฺซาบ ในสมัยนบีมุฮำมัด เพราะตอนนั้นท่านนบีและชาวมุสลิมถูกปิดล้อมไม่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ ทำให้อาหารไม่พอ ท่านนบีเลยสั่งมาให้นำสิ่งที่กินได้มารวมๆเป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิต

คำอ้างทั้งสองนี้ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนเลย ไม่มีทั้งในหะดีษและคำบอกเล่าของคนมุสลิมรุ่นแรกๆ แต่แปลก...ผมได้เห็นคำอ้างเช่นนี้ ในหนังสือของหน่วยงานบางหน่วยงานของไทยเราที่กล่าวอ้างเช่นนั้น ..!!!???

ในตอนแรกๆ(สมัยผมยังเด็กๆ) พ่อผมบอกว่าให้ใส่ไก่ด้วย ผมมาเรียนรู้ภายหลังว่าท่านนี้ฉลาดมาก ท่านไม่อยากขัดกับประเพณีที่เคยทำมา แต่อยากให้มันมีประโยชน์เลยให้ใส่โปรตีนไปด้วยจะได้เป็นอาหารอย่างสมบูรณ์

ในช่วงปลายชีวิตของท่าน ท่านบอกว่าท่านกินไม่ได้ปวดท้อง จะทำก็ทำเถอะแต่ท่านจะไม่กิน.. ขนาดผู้นำศาสนาปฏิเสธการกินแบบนี้ บ้านผมและหลายบ้านก็ได้ละทิ้ง อย่างบ้านผมทิ้งจนลืมไปเลย

ผมเรียนรู้ภายหลังว่า นั้นเป็นกระบวนการลบล้างในสิ่งบิดอะฮฺของท่าน คือเรื่องบูโบซูรอนี้จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามเลย คำอ้างต่างๆเป็นคำอ้างปลอมๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการหักห้ามหรือขัดกับความรู้สึกชาวบ้านมากเกินไปท่านก็เลยหาทางให้เลิกที่ละเล็กทีละน้อย

แถวๆบ้านผมจะมาทำอีกครั้งก็ต่อเมื่อทางอำเภอบอกให้ไปแข่งขัยการทำบูโบซูรอ...  ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกเหมือนกันถ้าการทำบูโบซูรอเป็นเรื่องศาสนาทำไมคนเคร่งศาสนาอิสลามไม่คิดฟื้นฟู

บางคนว่า บูโบซูรอนี้ หะร็อม เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม ก็มีคนมาถามผมหลายคนว่าจริงๆแล้ว หะร็อม(ห้าม..ทำแล้วบาป)จริงไหม

ผมก็ตอบเท่าที่ผมได้ศึกษา ผมว่าบูโบซูรอไม่ห้าม บ้านผมก็กิน ภรรยาผมชอบมาก แต่ขออย่างเดียวอย่าให้มันเกี่ยวข้องกับศาสนาก็แล้วกัน เพราะเมือไรบอกว่ามันเกี่ยวข้องศาสนาเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมาก ..

การทำบูโบซูรอ.. คือ.. ประเพณี

การกินบูโบซูรอ.. คือ.. กินขนมอย่างหนึ่ง

การทำและการกินบูโบซูรอไม่ใช่ศาสนปฏิบัติ

หมายเลขบันทึก: 234024เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2009 06:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ประวัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กครับ ว่าเป็นของนาบีนูฮ์

วันนี้เลยมาได้ความรู้ใหม่

เรื่องทำให้ชาวบ้านมารวมตัว และทำอะไรร่วมกันนั้นมีอีกเยอะ ผมเคยคิดทำวิจัยเกี่ยวกับประเพณี-วัฒนธรรม เพราะรู้สึกว่าบางอย่างถูดลบหายไปแล้ว และจากจุดรวมตัวกันนี้โตะครูบ้านเราใช้เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งในการสอนของท่าน

ขอบคุณสำหรับประวัติดีคะ

เห็นด้วยกับ อ.มากๆคะ แค่ทำขนมกินกันไม่น่าจะผิดตรงไหน

อาซูรอ เป็นประเพณีครับ ไม่เกี่ยวกับศาสนกิจเลยครัย

บางพวกที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่า "อิบดะ"

ผมกลัวว่าอนาคต ถ้าขับรถยนต์ อาจจะเป็นอิบดะ

เพราะนบี นั้น ขี่อูฐเท่านั้นไม่ได้ ขับรถยนต์ จริงมั้ย

ครับ .. เท่าที่ผมรู้ บูโบซูรอ (ไม่ใช่อาซูรอ) เป็นขนม เป็นประเพณีไม่เกี่ยวกับศาสนา

แต่คนบางคนว่ามันเกี่ยวกับศาสนา..เลยทำให้บางคนที่ไม่เห็นด้วยว่า บิดอะห์

แต่ยังไม่เคยได้ยินคนที่ว่าขับรถมันเกี่ยวกับศาสนา .. คิดว่าคงไม่มีใครว่าขับรถนั้นบิดอะห์

ส่วน อาซูรอ เป็นวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม ครับ..แน่นอนเกี่ยวกับศาสนา นบีให้ถือศีลอดในวันนั้น .. ไม่ใช่ไปทำขนม(บูโบ)กิน ตามที่บางคนเขาเชื่อ

บางคนและอีกหลายคน เขาทำขนมอาซูรอ และปอซอในวันที่ 10 มุฮัรรอม วันนั้นอีก มันทำให้ดี ด้วยเหตุผลคือ

1มาช่วยกันทำขนม เกิดความสามัคคีในชุมชน

2ผลจากการปอซออีก

สรุป ยิงปืนนัดเดี่ยว ได้นกหลายตัว ที่เดียว

จากเด็กbetongผู้ที่น่รักจ๊ะ

ดีมากค่ะที่ข้อมูลเพราะตอนดิหนูกำลังทำงานเกี่ยวกับอาซูรออยู่ค่ะเพราะมั้ยรู้จะไปหาข้อมูลที่ไหน

ครับ ผมว่วบางทำแล้วอร่อยมาก น่ากิน ขออย่างเดียว อย่าไปอ้างว่าเกี่ยวข้องกับศาสนาก็แล้วกัน

  ครับ ผมเห็นด้วย ที่บูโบซูรอ คือประเพณี แต่ไม่เห็นด้วยที่ทำบูโบซูโรแล้วปาบ(บิดอะห์)   เพราะไม่ว่า ฮาดิษ หรืออัลกรุอาน บางโองการหรืออายัด บอกในภาพกว้างๆ เราต้องตีความเองตามประเด็นนั้นๆ เช่น หะรอมกินเนี้อหมู่ ถ้าไปตีความตรงๆ ก็ใส้หมู่ตับหมู่ก็กินได้ดิ

 

ครับ เมื่อมันเป็นเพียงประเพณี ไม่เกี่ยวข้องกับบาปบุญ ก็จะเป็นบิดอะหฺได้ไง

เรื่องที่ไม่ใช่อีบาดะห์หรือเรื่องดุนยา นบีบอกว่า أنتم أعلم بشؤن دنياكم

ทำไมไม่ทำขนมในวันอื่น ต้องมาเจาะจงในวันถือศิลอดที่นบีสอน และถ้าเป็นประเภณี ทำไมต้องเอามาผูกกับนบีนูฮ์ แล้วทำไมประเภณีต้องมาพ้องกับวันศาสนาจนชาวบ้านทำสืบต่อกันมาจนคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท