Tip KruYoga; 7 นิสัยของครูโยคะ ผู้มีประสิทธิภาพสูงมาก

ข้อคิดข้อฝากจาก "ครูกวี" ค่ะ

7 นิสัยของครูโยคะ ผู้มีประสิทธิภาพสูงมาก
จาก 7 Habits of Highly Effective People ของ Steven R Covey
(แปลและเรียบเรียง จากบทคัดย่อ เวบไซท์ http://www.profitadvisors.com)

หนังสือเล่มนี้มองพัฒนาการของมนุษย์ว่า เริ่มจาก การพึ่งพิง สู่การพึ่งตนเอง ไปสู่การพึ่งพาอาศัย Dependent to independence to interdependence
และมองว่า การพัฒนาในปัจจุบัน ควรตั้งอยู่บนแนวคิดที่ไม่ยึดตัวบุคคล ไม่ยึดที่ตัวอำนาจ แต่ตั้งอยู่บน “หลักการ” Principle centered paradigm

นิสัยทั้ง 7 ได้แก่

1) ดำเนินชีวิตด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความเพียรไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ Proactive: integrity in keeping commitments and the ability to make commitments

หลีกเลี่ยงการทำเพราะถูกกำหนด บังคับ circle of concern ไปสู่
การทำเพราะคิดแล้วว่าสมควรทำ circle of influence

2) จะทำอะไร ให้เริ่มด้วยการถามตัวเองว่า สุดท้ายมันจะเกิดผลอะไรขึ้นมาบ้าง Begin with the end in mind ซึ่งการดำเนินชีวิตแบ่งได้เป็น 3 ส่วนคือ คิด จัดการ และ ทำ

ส่วนแรกตือสภาวะแห่งการนำ   leadership: what do I want to accomplish?
ส่วนที่สอง คือการจัดการ      how can I best accomplish it?
และส่วนสุดท้ายคือการลงมือทำ       productivity – doing it
According to Peter Drucker and Warren Bennis, “Management is doing things right; leadership is doing the right things.”

3) ทำในสิ่งที่สมควรทำ เสียก่อน Put first thing first มีความมุ่งมั่นกับสิ่งที่เป็นคุณค่า และรู้จักปฏิเสธสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องที่นำไปสู่คุณค่า โดย

1. ลองสำรวจ ประเมิน ไตร่ตรอง ว่าเราจะทำอะไร
2. วางลำดับก่อนหลัง จัดเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานนั้นๆ
3. ให้ความสำคัญสิ่งที่เป็นเรื่องของ "คุณค่า" ก่อน
4. จัดการที่ตัวเรา ไม่ใช่จัดการที่เวลา กุญแจสำคัญคือ ไม่ใช่เอาสิ่งที่อยู่ในสมุดนัดมาจัดลำดับก่อนหลัง แต่เอาคุณค่าของสิ่งที่จะทำ มาวางแผนต่างหาก the key is not to prioritize what’s in your schedule, but to schedule your priorities.

	ด่วน	ไม่ด่วน
สำคัญ	1.) งานสำคัญ และ ด่วน	2.) งานสำคัญ แต่ ไม่ด่วน
ไม่สำคัญ	3.) งานไม่สำคัญ แต่ ด่วน	4.) งานไม่สำคัญ และ ไม่ด่วน

บริหารให้ชีวิตของเรา ให้ทุ่มเทไปกับการทำงานในกลุ่มที่ 2 เป็นหลัก คือล้วนทำแต่เรื่องสำคัญๆ อย่างมีลำดับ แบบแผน เวลาที่เหลือค่อยไปทำงานจิปาถะ บ้าง

4) ทำยังไงให้ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Think win / win หลีกเลี่ยงสภาวะ 3 ประการข้างล่างนี้

ฉันได้ไว้ก่อน คนอื่นไม่ได้ช่างมัน      win / lose
ฉันยอมร่ำไป คนอื่นได้ไปตลอด       lose / win
ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้          lose / lose

5) เข้าใจคนอื่นๆ ซะก่อน แล้วทำให้เขาเข้าใจเรา เข้าใจประเด็นของเรา Seek first to understand, then to be understood ซึ่งทำได้ด้วยการฟัง การฟังนั้น แบ่งได้เป็น 5 ชนิด

1. ไม่ฟัง
2. ทำท่าเหมือนตั้งใจฟัง
3. เลือกฟัง
4. ฟังด้วยความเมตตา
5. ฟังอย่างมีส่วนร่วม

การพัฒนาทักษะในการฟังตามลำดับ

1. พูดซ้ำในสิ่งที่ได้ยิน
2. เรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน มาเป็นคำพูดของเราเอง (ทำให้มีความเข้าใจได้ดีขึ้น)
3. ได้ยินในสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา ด้านอารมณ์ ความรู้สึก
4. สามารถเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน มาเป็นคำพูดของเราเอง ขณะเดียวกัน รับรู้ในสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา

มีคำกล่าวว่า ครูสมัครเล่นสอนท่า ส่วนครูมืออาชีพแนะนำทางออก An amateur sells products, the professional sells solutions.

6) นำหลักทั้ง 5 ข้อข้างต้น มาผสานเป็นคุณสมบัติใหม่ ที่สูงค่ากว่าแค่การเอาข้อ 1 – ข้อ 5 มาบวกกัน Synergy

7 ) หมั่นทบทวน วิเคราะห์ พิจารณา Sharpen the saw คนส่วนใหญ่มักหมกมุ่นกับงานที่กองอยู่ตรงหน้า และไม่สนใจที่จะทบทวนสิ่งที่ตนเองทำ สักแต่ว่าทำไปตามความเคยชิน โดยขาดการสร้างสรรค์ ซึ่งผลที่ได้รับก็มีแต่จะแย่ลงๆ Renewal is the principal and process that empowers us to move on an upward spiral of growth and change, it is the principal and process of continuous improvement.

แนะนำ; งานเขียน "ครูกวี คงภักดีพงษ์"
ใน "เว็บไซด์ มูลนิธิหมอชาวบ้าน"
(คลิ๊กที่นี่)

ภายใต้มูลนิธิหมอชาวบ้าน
2220/101 ซอยรามคำแหง 36/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทรศัพท์ 02-732-2016 - 17, โทรสาร 02-732-2811 มือถือ 081-401-7744 ;
E-mail: [email protected] ; www.thaiyogainstitute.com