สภาวะสูญญากาศทาง "จิต..." (Vacuum MIND Symdrome)


ช่วงนี้เป็นช่วงเสร็จงานสร้างบ้านหลังสุดท้ายที่เชียงใหม่ นับได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วง "สูญญากาศทางจิต" เลยก็ว่าได้

สภาวะสูญญากาศทางจิตนี้ (Vacuum MIND Syndrome) เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของเรา เพราะที่เราอยู่และสู้ได้มาเกือบสองปีนี้ก็เพราะจิตเราไม่ว่างจากการทำความดี

ช่วงเวลาว่าง ๆ นี้ทำให้ใจของเราสับสนและไขว้เขวเป็นอย่างมากทีเดียว

การได้ทำความดี ได้เสียสละ เป็นพลังที่ต่อสู้กับกิเลส ทำให้ชีวิตเดินทวนกระแสกิเลสได้

การอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรทำ ก็เหมือนกับรถที่ไร้พลัง ไร้น้ำมันที่จะเดินหน้า

เรือที่กำลังลอยทวนกระแสน้ำ ต้องใช้พลังแห่งความดีเป็นตัวขับเคลื่อน แล้วจิตเรามาว่าง ๆ แบบนี้ "น่ากลัว น่ากลัว..."

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่อยู่ไปวัน ๆ

ทำ CD ธรรมะเหรอ ก็เหมือนกับธรรมดาไปแล้ว เหมือนกับเราก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้ว พอประทังจิตได้ชั่วครั้งชั่วคราว

งานก่อสร้างเหรอ ที่นี่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เพราะคนไม่ค่อยได้มามีส่วนร่วมเหมือนที่เชียงใหม่

ที่เชียงใหม่สนุกมาก แต่ละวันมีงานให้จิตได้ทำตลอด อยู่ที่นี่คนเยอะ คนรวย ๆ ทั้งนั้น "เงินเยอะ เลยได้ใช้สมองน้อย..." ไม่สนุกเลย ไม่ดีเลย

หรือจะถึงเวลาที่เราต้องไปจริง ๆ แล้ว กลับไปหาพ่อ หาแม่ ไปเรียนต่อให้จบ ทำงานหาเงินใช้หนี้ให้พ่อให้แม่ ส่งน้องเรียน ตอนนี้นิสัย (สันดาน) ของเราก็พอที่จะกลับไปทำงานได้แล้วมั๊ง

นี่แหละน๊อ "สภาวะสูญญากาศทางจิต" มันช่างอันตรายอย่างนี้เอง มันทำให้จิตนี้ "ฟุ้งซ่าน"

ช่วงนี้อาจจะเป็น Period สุดท้ายก็ได้เน๊อะ จิตเราถึงได้สูญญากาศแบบนี้...!

หมายเลขบันทึก: 232133เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2008 00:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เช้าวันนี้อาการของเราไม่ค่อยดี "ป่วย" เพราะ "สภาวะสูญญากาศทางจิต (Vacuum MIND Syndrome)

สภาวะสูญญากาศของจิตแบบนี้ทำให้ระบบร่างกายและระบบชีวิตของเราปรวนเปร และเรรวนไปหมด

การใช้ชีวิตที่เดินทวนกระแสกิเลสโดยมีข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดแบบนี้ "หนักนะ..."

ถ้ากำลังจิตของเราหมดกำลังอย่างเช่นวันนี้ ตอนนี้ พลังที่จะต่อสู้กับกิเลส เรี่ยวแรงที่จะทำข้อวัตรนั้น เหมือนกับตะเกียงที่กำลังหมดแสงไฟ หรือเปรียบได้กำลังรถคันใหญ่ที่กำลังจะไร้ซึ่งน้ำมัน

รถคันนี้กำลังสะอึก เพราะน้ำมันพร่อง แต่ละเมตรที่ล้อหมุนไปได้นี้ช่างหนักจริง ๆ

หนักทั้งรถ แม้กระทั่งตัวล้อเองก็หนัก ...

คารวะท่านสุญฺญตา

  • สภาวะสูญญากาศทาง "จิต..." น่าจะเป็นภาวะที่จิตว่าง ไม่คิดอะไร ..ปล่อยวางหรือเปล่าคะ
  • แต่ถ้ายังคิด และฟุ้งซ่าน อยู่ แสดงว่าจิตไม่ว่าง ไม่ปล่อยวางหรือเปล่า..
  • ผู้น้อยขอแลกเปลี่ยนค่ะ...ด้วยความไม่เข้าใจ โปรดชี้แนะด้วย
  • ขอบคุณค่ะ

อื่ม... ก็ไม่ผิดนะ เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามความเข้าใจของคนโดยทั่วไป ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย

เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตกของผู้ปฏิบัติธรรมในปัจจุบันเลยนะ เพราะเรื่องการตีความหมายของคำนี่เป็นงานที่ทำให้ต้องถกเถียงกันมามากต่อมาก เพราะธรรมะนั้นเป็นการเรียนรู้แบบ Child Center (ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง) ดังนั้นบางคนอาจจะได้รับการสอนมาอย่างหนึ่ง ตามพื้นฐาน ตามจริตของตน อีกคนหนึ่งก็จะถูกสอนมาอีกอย่างหนึ่ง ทั้งตามจริตตนและวิธีการของอาจารย์แต่ละท่านที่เคยทำมา

แต่ถ้าว่าด้วยเรื่อง "จิตว่าง" นี้ คนทั่วไปมักจะเข้าใจว่าเป็นจิตที่ไม่คิดอะไร

จิตเราไม่เคยว่างนะ ต้องนิพพานก่อนนะถึงจะว่างได้

สำหรับเรื่องความคิดนั้น ต้องตายก่อนนะถึงจะไม่คิด

ส่วนเรื่องการปล่อยวางนั้น เป็นการปล่อยวางจากการ "ปรุง" การแต่ง

ต้องแยกกันคนละส่วนนะ เรื่องจิตว่างเรื่องหนึ่ง

เรื่องความคิดเรื่องหนึ่ง

เรื่องการปล่อยวางอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้านำมาจับรวมกัน "มึน" เลยนะ

ถ้าคนยังไม่ตายจิตมันก็คิดไปเรื่อย แต่คิดแล้วจะมั่ว จะมึน จะฟุ้งซ่านหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราไปปรุงเจ้าความคิดนั้นหรือไม่ หรือเรียกได้ว่าเป็น "การปล่อยวาง" ตามภาษาคนรุ่นใหม่

ปล่อยวางจากการปรุง

จิตมันจะคิดก็ให้มันคิดไป

จิตเค้ามีหน้าที่คิด เขาก็ทำตามหน้าที่เขาไป หน้าที่เราก็ปล่อยวาง ก็ปล่อยวางไป

จิตเค้าคิดแล้วเราอย่าไปปรุงตามเค้าก็แล้วกัน

ถ้าไม่ปรุงได้ก็สบาย จบ ไม่ฟุ้งซ่าน

ส่วนเจ้าสภาวะสูญญากาศทางจิตนี้ ตามนัยยะที่กล่าวนี้หมายถึง ว่างเปล่าจากการทำความดี ไร้ประโยชน์ ไร้สาระ ไร้แก่นสาร คนเราจะอยู่ได้ต้องมีงานให้จิตทำนะ แล้วยิ่งถ้าจะอยู่ได้อยู่ดีก็ต้องหาความดีให้จิตทำ เพราะมิฉะนั้นจะทำให้จิตงอม จิตง่อม จิตหง่อม จิตเหงา

ก็เหมือนกับคนที่ต้องเกษียณอายุจากการโดยไม่ได้เตรียมงานอะไรไว้รองรับ อันนี้ก็เป็นสภาวะสูญญากาศจากการทำงานเหมือนกัน

ถ้าไม่เร่งหางาน หาอะไรให้เขาทำ ก็มีสิทธิที่จะหง่อมและเหงาจนตายได้เลยนะ

เพราะคนที่เคยทำงาน เคยคิด จิตเคยวิ่งมาตลอด

อยู่มาวันหนึ่งก็ต้องหยุดลงเสียดื้อ ๆ

จิตนี่ก็เหมือนเครื่องยนต์ ถ้าจอดทิ้งไว้นาน ๆ ไม่สตาร์ท ก็พังได้เหมือนกันนะ

เวลาใช้จิตแล้ว ต้องใช้จิตให้ถูกต้อง การใช้จิตให้ถูกต้องคือ ใช้จิตนี้ทำความดี ใช้จิตนี้ประกอบการเสียสละ

ความดีและความเสียสละอย่างยิ่งยวดนั้น นอกจากจะแก้ไขสภาวะสูญญากาศทางจิตได้แล้ว ยังจะทำให้จิตนี้เข้มแข็งสามารถเดินแซงเดินแข่งกับเจ้ากิเลสได้อีกด้วย...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท