(ก) แบบทางโลก เช่น ทำเอง รู้เอง ค้นพบจากการลงมือทำ ทักษะต่างๆ เช่น ขี่จักรยานได้ วาดรูปได้ เชื่อมโลหะได้ดี ทำกับข้าวได้อร่อย ขี่ม้า ฟันดาบ ปั้นหม้อ เล่นกีฬา บริหารงาน ฯลฯ
(ข) แบบทางธรรม คือ โอปนยิโก ย้อนมาดูจิตตน ศึกษาจิตใจ ศึกษากระบวนการทำงานของขันธ์ ๕ ทำเอง รู้เอง ร้องอ๋อ ว่า นี่ คือ ที่ ครูบาอาจารย์สอนไว้ ตรงตามนั้นจริงๆ เออหนอ เออ ใช่เลย ตรงเป๊ะเลย เป็นการค้นพบจากการปฏิบัติภายใน ----> จินตมยปัญญา จิตว่าง ทำแบบนี้เอง มีทักษะในการทำจิตว่างได้แล้ว -----> เข้าสู ภาวนามยปัญญา ต่อไป
"เป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"
ค้นพบ ความรู้ จากต้นตอ (source) เป็นความรู้ที่อยู่แล้วในธรรมชาติ เป็นความรู้ที่เชื่อมโยงสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ต่างๆ
ทางธรรมก็เป็น KM ได้
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ผมเคยเป็นผู้เข้ารับการอบรม สมัยนั้นยังเป็นกรมสามัญศึกษา ท่านอาจารย์เป็นวิทยากร ผมและผู้เข้ารับการอบรมทุกคนชื่นชมความเป็นตัวตนในการเป็นวิทยากรที่ยอดเยี่ยม จุดประกายให้พวกเราได้กลับไปทำงานได้จริงๆ เป็นวิทยากรที่ผมประทับใจมากๆ ถึงเพียงครั้งเดียวก็จดจำท่านได้เพราะดูเหมือนท่านก็เหมือนเดิมทุกประการ ถึงเวลาจะผ่านมา10 ปีกว่าเพิ่งทราบว่าเป็นท่าน ดีใจมากครับ ขอให้ท่านมีความสุข อายุยืนหมื่นหมื่นปี โชคดีครับ
สมัยก่อน ผมเคย ไป บรรยาย ที่ รร สงวนหญิง และที่ วิทยาลัย พลศึกษา หลายปีแล้ว
ก็ประทับ รร แถวๆนั้นอยู่นะ ครูอาจารย์ เก่งๆ ดีๆ มีเยอะครับ
ดีใจแทน พ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กๆ สุพรรณ ด้วยครับ
สวัสดีครับอาจารย์
"Emerging knowledge" นี่เทียบได้กับ "รู้แจ้ง แทงตลอด" หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
บทความของอาจารย์ดีมากนะคะที่เชื่อมโยงศาสนา แต่ดิฉันสงสัยเรื่อง tacit ว่ามีสองแบบตามที่อาจารย์เสนอมา เพราะดิฉันทำวิจัยเรื่อง tacit และเอกสารจากผู้รู้หลายท่านทั้งในและต่างประเทศ เค้าแบ่งความรู้เป็น 2 แบบ คือ explicit และั tacit ดังนั้นดิฉันคิดว่า explicit ไม่น่าที่จะใช่รูปแบบหนึ่งในtacit ดิฉันขอรบกวนความรู้เพิ่มเติมในเรื่องtacit เพื่อเป็นวิทยาทานและเป็นแสงสว่างในการพัฒนาปัญญาค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะ