เมื่อวานเป็นวันแรกที่ผมได้ไปเดินออกกำลังกายตอนเย็น ที่สวนจตุจักร หลังจากห่างหายไปนานเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถูกยึดครอง กลายเป็นหมู่บ้านที่สมาชิกดูๆแล้วหน้าเศร้าหมองกันเป็นส่วนมาก เขาปักหลัก กินอยู่ หลับนอนกันที่นั่นหลายวัน เมื่อเคลื่อนย้ายออกไปก็ได้ทิ้งร่องรอยความบอบช้ำของสวนจตุจักรเอาไว้ไม่น้อย ข่าวว่าต้องใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาทในการปรับปรุง เห็นน้ำในสระด้านเหนือใกล้ ห้าแยกลาดพร้าวดำเมี่ยม เน่าเสีย แถมมีขยะลอยเป็นแพ ก็อดสลดใจไม่ได้ แต่คิดอีกที เรื่อง น้ำเน่าแค่นั้น จิ๊บจ๊อยมาก ไม่กี่วันก็แก้ไขได้ แต่ถ้าสังคมเน่าสิ น่าสยดสยองกว่าเป็นหลายเท่า ทวีคูณ คิดแล้วก่อให้เกิดแรงบันดาลใจอยากหยิบบทกลอนที่เคยเขียนไว้มาวางให้อ่านกัน นี่ไงครับ ..
สังคมเน่า เห็นแล้วเศร้า แทบเป็นบ้า
เน่ามาหลาย เพลา พี่น้องเอ๋ย
การศึกษา ยังบ้าคลั่ง กันจังเลย
เรียน-สอนกัน แบบไม่เคย คิดค่าคนแข่งกันเรียน เพียรสู่ ผู้ชนะ
ความมูมมาม ตะกละ คือต้นหน
ยิ่งนับวัน ยิ่งไร้ราก นรชน
ดั่งขอนไม้ ลอยวน ในน้ำครำวิ่งตามก้น เขาไป ไร้ความคิด
ป้ายแขวนคอ "บัณฑิต" เห็นแล้วขำ
แท้แมงเม่า หลงเปลวไฟ แห่งอธรรม
ความมืดบอด ชักนำ ให้ไปตายตายทางจิต วิญญาณ มานานแล้ว
เป็นสังคม ไร้รากแก้ว ไร้เป้าหมาย
โลกาภิวัตน์ คือประตู สู่อบาย
ที่ปีศาจ ผู้กระหาย มันยืนรอ.
ผมไม่ได้เข้าสวนจตุจักรมา 2-3 สัปดาห์แล้วครับ ...เห็นภาพที่อาจารย์เล่าให้ฟังแล้วพลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย ...แต่พอได้อ่านบทกลอนของอาจารย์แล้ว ก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาใหม่ อยากจะให้คนไทยได้เข้าใจแก่นแท้ของการศึกษา ....แต่ที่ "บ้า" เรื่อง KM อยู่นี้ ก็เพราะมองว่าเป็น "กุศโลบาย" หนึ่งในการ "ปฏิรูปการเรียนรู้" ครับ ....ดีใจมากที่ได้มารู้จักกับอาจารย์ (โดยบังเอิญ) และได้มีโอกาสรับสิ่งดีๆ จากอาจารย์อย่างสม่ำเสมอ ...ซึ่งบทกลอนนี้ก็ได้ทำหน้าที่ "กระตุก" ความรู้สึกบางส่วนอีกเช่นกัน ...ขอบคุณครับ
ยินดีอย่างยิ่งครับคุณชายขอบ หากบทกวีพื้นๆนี้จะมีประโยชน์ เป็นส่วนเสริมให้กับงานสร้างสรรค์ของท่านได้ พอรู้สึกว่ามีแนวร่วม ใจมันก็คึกคักทุกที
สำหรับ อ.ประพนธ์ ต้องขอขอบคุณมากๆที่แวะเวียนมาเยี่ยมและทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ผมเองสมัครเป็นพันธมิตรของอาจารย์มานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้กรอกใบสมัครเท่านั้นเอง
เมื่อวานผมก็ไปเดินที่สวนจตุจัตรมา มีคนไปเดินมากทุกวันจริงๆคับ