ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน ของผู้บริหารสถานศึกษา


สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1

 

 

ระชาสัมพันธ์งานวิจัย

 

ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน ของผู้บริหารสถานศึกษา

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1

รายงานการวิจัย  : ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน

                ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1   
ลักษณะผลงาน   การวิจัยการปฏิบัติงานในหน้าที่
ผู้วิจัย                  นายเสวก วงษ์เจริญผล ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ

                สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 จังหวัดตรัง 
ปีพุทธศักราช      : 2551

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาความสนใจในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหาร

สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 2) เพื่อศึกษาระดับปัญหาในการวิจัย

สถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 3) เพื่อศึกษา

ระดับความต้องการในการพัฒนา การวิจัยสถาบัน ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขต

พื้นที่ การศึกษาตรัง เขต 1 4) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหาร

สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่มีวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการ

บริหาร ขนาดของสถานศึกษา การศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน การอบรมการทำวิจัย

สถาบัน ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน 5) เพื่อเปรียบเทียบความต้องการในการพัฒนาการ

ทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่มีวุฒิ

การศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร ขนาดของสถานศึกษาการศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัย

สถาบัน การฝึกอบรมการทำวิจัยสถาบัน ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน 6) เพื่อศึกษา

รูปแบบการพัฒนาเกี่ยวกับการวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่

การศึกษาตรัง เขต 1 7) เพื่อศึกษาประโยชน์ของการวิจัยสถาบันตามความคิดเห็นของผู้บริหาร

สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรังเขต 1 โดยใช้การวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง

ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 จำนวน 112

คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ หาค่าความสอดคล้องของ

แบบสอบถาม หาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การ

ทดสอบค่าที และค่าเอฟ ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานพื้นการศึกษา

ตรัง เขต 1 ส่วนใหญ่มีความสนใจในการทำวิจัยสถาบัน โดยมีความสนใจในการทำวิจัยสถาบัน

กลุ่มบริหารงานวิชาการ กลุ่มบริหารงานบุคคล กลุ่มงานบริหารทั่วไป และ กลุ่มบริหารงาน

งบประมาณ โดยมีวัตถุประสงค์นำผลการวิจัยสถาบันไปใช้ เพื่อการบริหารสถานศึกษา เพื่อ

แก้ปัญหาต่าง ๆ ในโรงเรียน เพื่อเพิ่มความรู้และประสบการณ์ เพื่อใช้ในการเลื่อนตำแหน่งทาง

วิชาการ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 มีเหตุผลในการทำ

วิจัยสถาบัน เพื่อแกปัญหาต่างๆในโรงเรียน เพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ และเพื่อปรับปรุง

การเรียนการสอน 2. ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1

มีปัญหาการวิจัยสถาบันโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง ระดับปัญหาจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

คือด้านความรู้ ด้านแหล่งวิชาการ และ ด้านการสนับสนุน ด้านที่มีระดับปัญหาน้อยที่สุด

ด้านวัสดุอุปกรณ์ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร ขนาดของสถานศึกษา การศึกษา

เกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน การอบรมการทำวิจัยสถาบัน ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน

ส่งผลต่อปัญหาด้านความรู้ ด้านแหล่งวิชาการ ด้านการสนับสนุน ในการทำวิจัยสถาบัน 3.

ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 มีความต้องการใน

การพัฒนาการวิจัยสถาบันโดยรวมอยู่ในระดับมาก ระดับความต้องการในการพัฒนาจากมาก

ไปคือ ด้านแหล่งวิชาการ ด้านความรู้ และด้านการสนับสนุน ด้านที่มีระดับความต้องการใน

การพัฒนาน้อยที่สุด คือ ด้านเวลา วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร ขนาดของ

สถานศึกษา การศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน การอบรมการทำวิจัยสถาบัน ประสบการณ์

ในการทำวิจัยสถาบัน ส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันในด้านความรู้

 ด้านแหล่งวิชาการ ด้านการสนับสนุน ในการทำวิจัยสถาบัน 4. การเปรียบเทียบระดับปัญหา

ในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1

พบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และสูงกว่าปริญญาตรี โดยรวมและ

รายด้านส่วนใหญ่ ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นปัญหาด้านวัสดุอุปกรณ์ ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

ทางสถิติที่ระดับ .05 2) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสบการณ์ในการบริหาร สถานศึกษา ต่างกัน

มีระดับปัญหาโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3) ผู้บริหารสถานศึกษาที่บริหารสถานศึกษาที่

มีขนาดต่างกันมีปัญหาโดยรวมและรายด้านส่วนใหญ่ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่

ระดับ .05 ยกเว้น ด้านความรู้ และด้านเวลา ไม่แตกต่างกัน 5. การเปรียบเทียบระดับความ

ต้องการในการพัฒนาการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่

การศึกษาตรัง เขต 1 พบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และสูงกว่า

ปริญญาตรี โดยรวมและรายด้านมีความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันไม่แตกต่างกัน 2)

ผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษาต่างกัน โดยรวมและรายด้านไม่

แตกต่างกัน 3) ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่บริหาร

สถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีระดับความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันโดยรวมแตกต่าง

กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และรายด้านส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ด้านวัสดุ

อุปกรณ์ และด้านเวลา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 6. รูปแบบการพัฒนา

เกี่ยวกับการวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1

พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีความต้องการในการพัฒนาและรูปแบบการพัฒนาตามลำดับจาก

มากไปหาน้อย คือ จัดหาวิทยากรที่มีความรูความสามารถในการพัฒนาและจัดทำนวัตกรรมมา

ให้ความรูและทดลองปฏิบัติจริง ฝึกการเขียนรายงานการวิจัยสถาบัน ฝึกวางแผนและขั้นตอน

การดำเนินงาน การวิจัยสถาบันในแต่ละขั้นตอน แนะนำวิธีการศึกษาเอกสารและทฤษฎีและ

งานวิจัยสถาบันที่เกี่ยวข้อง ฝึกวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ค่าสถิติหลากหลายรูปแบบ ทัศนศึกษาดูงาน

ของสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการจัดทำวิจัยสถาบัน ฝึกวิเคราะห์ปัญหาในรูปแบบที่

แตกต่างกันไป จัดหาเอกสารเสริมความรูและงานวิจัยสถาบันต่างๆมาให้บริการเพื่อสะดวกต่อ

การค้นคว้า จัดประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงในระดับกลุ่มสถานศึกษา จัดทำใบงานหรือ

สถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิจัยสถาบันนำมาใช้ฝึกทดลอง/ปฏิบัติจริงตามเงื่อนไขต่างๆ จัด

ประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงในระดับสำนักงานเขตพื้นที่ จัดประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงใน

ระดับสถานศึกษา 7. ประโยชน์ของการวิจัยสถาบัน 1) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า

การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อการแก้ ปัญหาของสถานศึกษาในหลาย ๆ ประการด้วยกัน โดย

ความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5ลำดับแรก ได้แก่ สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสถานศึกษาได้ตรง

จุด การพัฒนาสถานศึกษาให้ขับเคลื่อนโดยรูปแบบวิชาการบนพื้นฐานการวิจัย เป็นข้อมูลใน

การแก้ปัญหาด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษา พัฒนาการบริหารสถานศึกษาทั้งระบบ ทราบปัญหาที่

เกิดขึ้นในสถานศึกษา ชุมชนมีความภาคภูมิใจในการจัดการเรียนการสอนของครู 2) ผู้บริหาร

สถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อตัวผู้บริหารสถานศึกษาในหลาย ๆ

ประการ โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่ ได้พัฒนาตนเองในวิชาชีพและ

วิทยฐานะ ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการศึกษา ผู้บริหารได้รับการพัฒนาและพัฒนา

ตนเองในด้านการบริหาร มีหลักการ ทฤษฎี ในการบริหาร เป็นผู้นำด้านวิชาการและเป็นที่พึ่งแก่

ผู้ใต้บังคับบัญชา สามารถกำหนดทิศทางในการบริหารได้ถูกทางใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะ เป็น

ข้อมูลในการพัฒนาและปรับปรุงสถานศึกษาทั้ง 4 งาน ทำวิจัยเป็นและแก้ปัญหาได้ ใช้เป็น

เครื่องมือ ในการบริหารจัดการ 3 ) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การวิจัยสถาบันมี

ประโยชน์ต่อครู ในหลาย ๆ ประการ โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่

แก้ปัญหาการจัด การเรียนการสอน พัฒนาการเรียนการสอน ครูมีส่วนร่วมในการพัฒนา

การศึกษา ใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะ ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ปรับปรุง

การเรียนการสอน เป็นครูมืออาชีพ พัฒนาตนในวิชาชีพครู มีขวัญกำลังใจในการทำงาน

 4) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อนักเรียน ในหลาย ๆ

ประการ โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่สูงขึ้น นักเรียนมีความสุขในการเรียน นักเรียนมีคุณภาพตาม

คำสำคัญ (Tags): #งานวิจัย
หมายเลขบันทึก: 224102เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2008 14:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ ...ผมกำลังทำวิจัยอยู่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหนครับขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะ คุณวินัย

ต้องการข้อมูลอะไรบ้างหละคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท