วันลอยกระทง


วันลอยกระทง

ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 วันลอยกระทง


ลอยกระทง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก loikrathong.net และทางอินเทอร์เน็ต


          ใกล้ถึงเทศกาลวันลอยกระทงแล้ว … เชื่อว่าหลายคนคงเตรียมตัวควงหวานใจ หรือพาครอบครัวไปลอยกระทงร่วมกันที่ใดที่หนึ่งแล้ว อ๊ะๆ... แต่ก่อนที่จะไปลอยกระทงกันนั้น เรามาทำความรู้จักประเพณีลอยกระทงให้ถ่องแท้กันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของประเพณีอย่างแท้จริง

กำหนดวันลอยกระทง

          วันลอยกระทงของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือถ้าเป็นปฏิทินจันทรคติล้านนาจะตรงกับเดือนยี่ และหากเป็นปฏิทินสุริยคติจะราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดือน 12 นี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจึงเย็นสบาย และอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขี้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน  อีกทั้งวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง

ประวัติความเป็นมาของวันลอยกระทง

ลอยกระทง


          ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน

          ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า

          ก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฎในหนังสือนางนพมาศที่ว่า

          "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่างๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..."

          เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ลอยกระทง


          ประเพณีลอยกระทงสืบต่อกันเรื่อยมา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ยกเลิกการประดิษฐ์กระทงใหญ่แข่งขัน และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือลอยประทีปถวายองค์ละลำแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่า "เรือลอยประทีป" ต่อมาในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันการลอยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย

เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง

          สาเหตุที่มีประเพณีลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลายๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่ 

          1.เพื่อแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่ให้เราได้อาศัยน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปในน้ำ อันเป็นสาเหตุให้แหล่งน้ำไม่สะอาด

          2.เพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุทท

          3.เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีต่างๆ ให้ลอยตามแม่น้ำไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์

          4.เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล โดยมีตำนานเล่าว่าพระอุปคุตเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้ 

          5.เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

          6.เพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็นการนัดพบปะสังสรรค์กันในหมู่ผู้ไปร่วมงาน

          7.เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญหาพื้นบ้านไว้อีกด้วย

ประเพณีลอยกระทงในแต่ละภาค

ลักษณะการจัดงานลอยกระทงของแต่ละจังหวัด และแต่ละภาคจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ

ยี่เป็ง


           ภาคเหนือ (ตอนบน) จะเรียกประเพณีลอยกระทงว่า "ยี่เป็ง" อันหมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่  (เดือนยี่ถ้านับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิบสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือจะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรือที่เรียกว่า "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า

ลอยกระทงสาย


           จังหวัดตาก จะประดิษฐ์กระทงขนาดเล็ก แล้วปล่อยลอยไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้เรียงรายเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"

 

 

 


           จังหวัดสุโขทัย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องประเพณีลอยกระทง ด้วยความเป็นจังหวัดต้นกำเนิดของประเพณีนี้ โดยการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟที่จังหวัดสุโขทัยถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2520 ซึ่งจำลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุงสุโขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จังหวัดสุโขทัยทุกๆ ปี มีทั้งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง

ไหลเรือไฟ


           ภาคตะวันออกเฉียงเหนืองานลอยกระทงจะเรียกว่าเทศกาลไหลเรือไฟ โดยจัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ทุกปีในจังหวัดนครพนม มีการนำหยวกกล้วย หรือวัสดุต่างๆ มาตกแต่งเรือ และประดับไฟอย่างสวยงาม และตอนกลางคืนจะมีการจุดไฟปล่อยกระทงให้ไหลไปตามลำน้ำโขง

ภูเขาทอง


           กรุงเทพมหานครมีการจัดงานลอยกระทงหลายแห่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่ "งานภูเขาทอง" ที่จะเนรมิตงานวัดเพื่อเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทง ส่วนใหญ่จัดอยู่ราว 7-10 วัน ตั้งแต่ก่อนวันลอยกระทง จนถึงหลังวันลอยกระทง

ลอยกระทง


           ภาคใต้ มีการจัดงานลอยกระทงในหลายๆ จังหวัด เช่น อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีงานยิ่งใหญ่ทุกปี


กิจกรรมในวันลอยกระทง

          ในปัจจุบันมีการจัดงานลอยกระทงทุกๆ จังหวัด ซึ่งจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ แต่กิจกรรมที่มีเหมือนๆ กันก็คือ การประดิษฐ์กระทง โดยนำวัสดุต่างๆ ทั้งหยวกกล้วย ใบตอง หรือจะเป็นกาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว ฯลฯ มาประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการบูชา ให้เป็นกระทงที่สวยงาม ภายหลังมีการใช้วัสดุโฟมที่สามารถประดิษฐ์กระทงได้ง่าย แต่จะทำให้เกิดขยะที่ย่อยสลายยากขึ้น จึงมีการรณรงค์ให้เลิกใช้กระทงโฟมเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนจะมีการดัดแปลงวัสดุทำกระทงให้หลากหลายขึ้น เช่น กระทงขนมปัง กระทงกระดาษ กระทงพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อให้ย่อยสลายง่ายและไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

กระทง


          เมื่อไปถึงสถานที่ลอยกระทง ก่อนทำการลอยก็จะอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาขอให้ประสบความสำเร็จ หรือเสี่ยงทายในสิ่งต่างๆ จากนั้นจึงปล่อยกระทงให้ลอยไปตามสายน้ำ และในกระทงมักนิยมใส่เงินลงไปด้วย เพราะเชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระแม่คงคา

          นอกจากการลอยกระทงแล้ว มักมีกิจกรรมประกวดนางนพมาศอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่างๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย

 

 

 

          เมื่อเราได้ยินเพลง "รำวงลอยกระทง" ที่ขึ้นต้นว่า "วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง..." นั่นเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงวันลอยกระทงแล้ว ซึ่งเพลงนี้เป็นที่คุ้นหูของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะในต่างประเทศมักเปิดเพลงนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อแสดงถึงความเป็นประเทศไทย

          เพลงรำวงวันลอยกระทงแต่งโดยครูแก้ว อัจฉริยกุล ผู้ให้ทำนองคือ ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งสุนทราภรณ์ ซึ่งครูเอื้อได้แต่งเพลงนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2498 ขณะที่ได้ไปบรรเลงเพลงที่บริเวณคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีผู้ขอเพลงจากครูเอื้อ ครูเอื้อจึงนั่งแต่งเพลงนี้ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจึงเกิดเป็นเพลง "รำวงลอยกระทง" ที่ติดหูกันมาทุกวันนี้ มีเนื้อร้องว่า

          วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง 
          เราทั้งหลายชายหญิง 
          สนุกกันจริง วันลอยกระทง 
          ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง 
          ลอยกระทงกันแล้ว 
          ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง 
          รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง 
          บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ

งานลอยกระทงประจำปี 2551

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าการลอยกระทงถือเป็นประเพณีหนึ่งที่สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างดี ดังนั้นในทุกๆ ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะร่วมกับจังหวัดต่างๆ จัดงานใหญ่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศในช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทง อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีลอยกระทงอีกด้วย 

ลอยกระทง


          และสำหรับปี 2551 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดเทศกาลลอยกระทงในหลายพื้นที่ สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวชมงาน ได้แก่

ภาคกลาง

           กรุงเทพมหานคร จัดงาน "สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงกรุงเทพมหานคร" ขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2551 ที่บริเวณริมน้ำเจ้าพระยา (สะพานกรุงเทพ-สะพานกรุงธน) โดยมีกิจกรรมมากมาย ทั้งชมขบวนเรือประดับไฟฟ้า "สายน้ำสายวัฒนธรรม" และขบวนเรือประเพณีลอยกระทง และสัมผัสบรรยากาศพิเศษของงานลอยกระทงในแบบฉบับกรุงรัตนโกสินทร์  ณ บริเวณสวนสันติชัยปราการ

ลอยกระทง


           จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดงานลอยกระทงตามประทีปศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยชมการประกวดกระทงและโคมแขวน ร่วมลอยกระทงตามประทีปรูปแบบสมัยกรุงศรีอยุธยา ฯลฯ

ภาคเหนือ

           จังหวัดสุโขทัย จัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ ในวันที่ 10-12  พฤศจิกายน 2551 บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ใครที่อยากชมกระทงใหญ่  ขบวนโคมชักโคมแขวน การแสดงพลุ ดอกไม้ไฟไทยโบราณ เช่น พลุ ตะไล ไฟพะเนียง ไฟกังหัน โคมลอย ฯลฯ ประกวศนางนพมาศ การแสดงแสง-เสียง "รุ่งอรุณแห่งความสุข" การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีสุโขทัย

ลอยกระทง


          จังหวัดเชียงใหม่ อีกจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยปีนี้ได้จัดงาน "ประเพณียี่เป็ง" ในวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2551 ที่บริเวณข่วงประตูท่าแพ ริมฝั่งแม่น้ำปิง โดยมีขบวนแห่โคมไฟ ประกวดเทพียี่เป็ง การแสดงศิลปะล้านนา  และการแสดงแสง เสียงกลางลำน้ำปิงกิจกรรมลอยกระทงย้อนเวลาหาวิถีล้านนาไทยในอดีต

          จังหวัดตาก จัดกิจกรรม "ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง" ที่บริเวณแม่น้ำปิง ริมสายธารลานกระทงสาย อำเภอเมือง ในระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2551 โดยจะได้สัมผัสบรรยากาศและร่วมเชียร์การแข่งขันประกวดกระทงสายชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การแสดงม่านน้ำชุด "ตำนานกระทงสาย" การจัดลอยกระทงที่ยาวที่สุด การแสดงแสง สี เสียงต่างๆ

ภาคใต้

          จังหวัดสงขลา จัดงานแสดงโคมไฟเฉลิมพระเกียรติสีสันเมืองใต้ ที่อำเภอหาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 โดยมีการแสดงโคมไฟ 7 โซนมหัศจรรย์ ได้แก่มหัศจรรย์โคมไฟ จินตนาการโลกของเด็ก, มหัศจรรย์โคมไฟกลางน้ำ, มหัศจรรย์โลกของสัตว์, มหัศจรรย์โคมไฟนานาชาติ, มหัศจรรย์โคมไฟจื้อกงหรือโคมไฟชุดพิเศษ, มหัศจรรย์โคมไฟโลกสัตว์ปีก และมหัศจรรย์โคมไฟประติมากรรม

          นอกจากนี้ยังมีการจัดเทศกาลงานลอยกระทงในทุกๆ จังหวัดอีกด้วย



          สำหรับวันลอยกระทงในปีนี้ตรงกับวันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน 2551 ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหน ก็อย่าลืมชวนครอบครัว หรือเพื่อนๆ มาร่วมกันสานต่อประเพณีที่ดีงามนี้ไว้นะค่ะ อ่อ... และอย่าลืมใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติด้วยล่ะ เพราะนอกจากจะไปลอยกระทงเพื่ออนุรักษ์ประเพณีแล้ว ยังจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติไว้อีก

ที่มา : http://hilight.kapook.com

นางนพมาศ



เพลงประจำเทศกาลลอยกระทง

ลอยกระทง

หมายเลขบันทึก: 221270เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2008 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 20:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

o               ขอบคุณค่ะที่นำมาให้อ่าน

o               ลืมสมาชิกกลุ่มสัมมนาค้ามนุษย์ที่เมืองกาญจน์ละ?

o               ลืมง่ายจัง

o               กลับไปดูไฟล์อัลบั้มประภาส  ไก่แก้วดิ

o               แล้วดูหน้า 2 นะ

o               รูปถัดจากรูปสุดท้ายอ่ะ  (คนเดียวกัน)

o               อิอิ

  • สวัสดีค่ะ
  • ที่บ้านจัดงานลอยกระทงแบบย้อนยุคค่ะ
  • ขอให้มีความสุขนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล อยากให้ถึงวันลอยกระทงเร็วๆจัง

  • สวัสดีไก่แก้วน้องรัก
  • ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลวันลอยกระทง
  • คงสบายดีนะจ๊ะ  พี่คิดถึงไม่ได้ติดต่อกันเลย
  • สวัสดีครับพี่เมี้ยว
  • คิดถึงเหมือนกัน
  • ว่างก็มาเที่ยวเกาะล้านบ้างนะครับ
  • ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท