ผมมีความจำเป็นต้องทำงานด้วยทีมซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด แต่ต้องการทำงานหลายด้านให้ดีขึ้นและบางเรื่องเราต้องการความเป็นสุดยอดเลย อย่างน้อยก็ของประเทศและในอนุภูมิภาค ทั้งทางด้านวิจัยชุมชน การจัดอบรม การถ่ายทอดวิทยาการ การจัดการสื่อสารเรียนรู้ และขยายผลการวิจัยในด้านที่เราเล่นสู่สังคม
ความสำคัญของการพัฒนางานและพัฒนาตนให้พึ่งตนเองได้ก่อนเสมอ
เรื่องอย่างนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง สะสมบทเรียนจากประสบการณ์ จึงต้องพึ่งตนเองเพื่อมีน้ำอดน้ำทนให้มากที่สุด หลายเรื่องจึงต้องแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส บูรณาการเข้าสู่งานที่ต้องลงมือปฏิบัติ ให้ได้งานและได้พัฒนาทางด้านอื่นๆให้ลึกซึ้งต่อเนื่อง เช่น
การบรรลุผลการทำงานและสามารถบูรณาการการพัฒนาคน และพัฒนาทีมให้เกิดสิ่งเหล่านี้ไปด้วย จะทำให้ได้กลุ่ม และเครือข่ายสหสาขาวิชาที่ทำงานได้อย่างผสมผสาน พึ่งตนเองได้ดี มีกระบวนการตัดสินใจด้วยตนเองและมีการใช้วิจารณญาณเข้าช่วยการทำงานได้สูง มีความเป็นพลวัตร สนองตอบความจำเป็นและเผชิญสถานการณ์ต่างๆในนามขององค์กรได้ดี ซึ่งงานหลายอย่างในปัจจุบัน จำเป็นต้องมีคนบางส่วนทำงานได้อย่างนี้
แต่โดยทั่วไป การพัฒนาคนจะมีข้อจำกัด มักแยกส่วน การส่งเสริมให้ทีมที่พอมีพื้นความสนใจอย่างนี้พัฒนาตนเองขึ้นมาได้ จึงควรจะต้องพัฒนาขึ้นจากการทำงานประจำต่างๆ ขององค์กรนั้นๆนั่นเอง ซึ่งงานด้านสื่อ การประชาสัมพันธ์ โสตทัศนศึกษาและเทคโนโลยีการศึกษา ก็จำเป็นต้องพัฒนาแนวคิดและกลวิธีที่สะท้อนขึ้นจากธรรมชาติของงาน
ทำงานถ่ายภาพและภาพถ่ายให้เป็นงานสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่มีพลัง
การฝึกเขียนข้อมูลสารคดีและฝึกนำเสนอเรื่องราวจากภาพถ่าย เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้เราสามารถแปรการทำงาน ให้เป็นการพัฒนาการเรียนรู้และสร้างคนทำงานได้อย่างต่อเนื่องจากงานประจำ แปรการลงมือให้เป็นปฏิบัติการทางความรู้ เก่งบูรณาการ คือ เก่งการแปรสิ่งต่างๆไปสู่การปฏิบัติ และสะสมทักษะทางวิชาการ เพิ่มพูนไปตามประสบการณ์การทำงาน กล่าวคือ.........
(๑) พรรณาข้อมูลเชิงเทคนิคการถ่ายภาพ นอกจากจะทำให้การเก็บข้อมูลภาพเป็นระบบแล้ว ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายของผู้อื่น ก็จะทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ เช่น การบอกระยะทางและทางยาวโฟกัสที่ใช้ ก็จะทำให้ผู้อื่นประมาณขนาดความเป็นจริงในภาพว่าเกิดจากเทคนิคกล้องดึงภาพใกล้-ไกล หรือสภาพความเป็นจริง ประมาณเวลา รวมทั้งข้อมูลอุปกรณ์
(๒) การพรรณาเนื้อหามิติต่างๆของภาพ แนวคิด ประเด็นความสนใจ หรือความสำคัญของเรื่องราวอันเป็นที่มาของการบันทึกภาพดังกล่าว ภาพดังกล่าวแสดงข้อเท็จจริงอะไรและอย่างไร
(๓) การแสดงข้อสังเกตและสะท้อนการเห็นของเราเอง ว่าจากภาพดังกล่าวนั้น เราเห็น ก่อเกิดการเรียนรู้ เห็นความหมายความสำคัญ ได้ความคิด ได้ความรู้ ได้ทรรศนะที่ดี อย่างไรบ้าง ภาพดังกล่าวให้เรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างไร
พัฒนทบทบาทหัวหน้าและผู้นำให้เป็นกระบวนกรเพื่อดึงภาวะผู้นำเป็นกลุ่มขึ้นมาจัดการชุมชนผู้ปฏิบัติด้วยกัน
พี่เลี้ยงหรือหัวหน้าทีม จะมีบทบาทต่อการส่งเสริมและขับเคลื่อนกระบวนการดังกล่าวให้เกิดขึ้น โดยทำบทบาทหน้าที่สำคัญ เปลี่ยนแปลงไปจากการเป็นผู้บริหารจัดการเชิงอำนาจ ให้เป็นผู้กำกับและเกื้อหนุนกระบวนการเรียนรู้จากการทำงาน และเป็นผู้นำองค์กรแบบหนุนเสริม คือ
ผลดีทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย ทั้งของปัจเจกและส่วนรวม
กระบวนการดังกล่าว ทำให้กลุ่มและทีม ที่สามารถทำงานแบบทีมสหสาขา และทีมที่มีความบูรณาการ พัฒนาการเป็นชุมชนเรียนรู้ไปด้วย ทำงานให้มีมิติเพิ่มพูนความรู้และการเรียนรู้องค์กร ผุดประเด็นและตั้งต้นเรื่องเพื่อริเริ่มและออกเดินด้วยตนเอง เข้าสู่วงจรการทำข้อมูล ศึกษาค้นคว้า และสะท้อนงานวิชาการเข้าสู่งานปฏิบัติได้มากยิ่งๆขึ้น ทำให้ได้ทีมที่เก่งการปฏิบัติได้รอบด้าน ยิ่งอาวุโสก็ยิ่งเก๋า
หลายคนที่ผมพาฝึกโดยวิธีนี้ก็กลายเป็นนักวิชาการโสต นักวิชาการฝึกอบรม นักวิชาการศึกษา และทีมบริหารจัดการโครงการที่เก่งและพึ่งตนเองทางวิชาการได้ดี แก่กร้าและทำงานได้ซับซ้อนมากขึ้นไปตามความอาวุโส สอดคล้องกับข้อจำกัดมากมายของภาครัฐที่อาจแก้ไขได้หากไม่ยอมจำนนกับปัญหา บางคนออกไปเป็นมืออาชีพในวงการสื่อ เจ้าของกิจการองค์กรจัดอบรม และออร์แกไนเซอร์ในการจัดอีเว้นท์ไปเลย เป็นผลดีต่อส่วนรวมในทุกที่ที่ไป
การทำอย่างนี้ ทำให้งานปฏิบัติการ มีคนทำงานระดับวางแผนที่ผสมผสานกับการเป็นผู้คลุกคลีอยู่กับการปฏิบัติงานประจำ อีกทั้งสามารถพัฒนาโครงการซึ่งบางงานจะพึ่งผู้อื่นให้ทำให้ได้ยากเพราะมีรายละเอียดทางเทคนิคจำเพาะ และประสานเครือข่ายความร่วมมือแบบสหวิทยาการได้ดีมาก
เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยทำให้สมาชิกการทำงานขององค์กร เกิดการพัฒนาเป็นคนทำงานปฏิบัติที่สมาร์ท พูดคุยแลกเปลี่ยน และนำเสนอแนวคิดการทำงานกับคนต่างสาขาได้รู้เรื่อง ทำให้คนเดินเข้าหากันและทวีคูณพลังความเชี่ยวชาญกัน เป็นพลังทำงานฝ่าข้อจำกัดต่างๆได้มากขึ้น.
อาจารย์ครับ
ผมเคยเขียนเรื่องราวการเขียนสารคดี แบบคุณอรสม ที่นี่ครับ http://gotoknow.org/blog/fortune/206745
เยี่ยมไปเลย อันที่จริงทักษะและแนวทางแบบคุณจตุรพร ก็เหมาะมากสำหรับนักปฏิบัติและคนทำงานชุมชน ขอแนะนำแก่ผู้สนใจนะครับ
การพัฒนาทีมสหวิชาชีพเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นกระบวนการที่นำไปสู่ความสามารถที่รอบด้านและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เปลี่ยนจากข้อจำกัดในการขาดแคลนบุคลากรไปสู่โอกาสในการพัฒนาศักยภาพของทีมงาน ทำให้หลุดจากกรอบเฉพาะงานในตำแหน่งหน้าที่ หรือการทำงานตามคำสั่ง พัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์งานที่เหมาะกับจริตและความสามารถของแต่ละคน เป็นหนทางในการค้นพบตัวเองอีกทางหนึ่งด้วย
อยากให้มีการพัฒนาอย่างนี้มาก ๆ ในหมู่คนทำงานทั้งหลาย..
มาชื่นชมและขออนุญาตเรียนรู้จาก อ.วิรัตน์ผ่านบันทึกทั้งหลายใน gotoknow นะคะ..^__^..
สวัสดีครับคุณใบไม้ย้อนแสง คุณใบไม้ย้อนแสงนี่ก็สุดยอดเลยนะ การวางคอนเซ็บ ทำข้อมูล และตีข้อมูลไปสู่สคริปต์ VTR งานเขียนสารคดี และละครเวที ต้องถือว่าสุดยอด เป็นแนวการทำงานที่กำลังพูดถึงเลย
วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน 2551 นี้ กลุ่มนักวิจัยชาวบ้านที่ตำบลคลองโยง อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม จะเอาเรื่องชุมชนมาเป็นโอกาสนั่งคุยและเสวนากันแบบสบายๆ เขาโทรมาชวนไปเยี่ยมเยือนให้กำลังใจ มีหมอปกรณ์ไปช่วยดูกระบวนการให้ หากผ่านไปทางโน้นและสนใจก็อาจได้ไปเจอกันที่เวทีของชุมชนนะครับ คิดว่าจะไปอยู่เหมือนกัน
ขอเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยค่ะ..
ประทับใจมากกับหลักขันติที่อาจารย์ เขียนว่า :
หลักขันติ : ความหนักแน่นเยือกเย็น การภาวนาเพื่อคลายตัวตน ซึ่งมากมายหลายเรื่อง หลักธรรมและข้อคิดของท่านพุทธทาสจะนำมาใช้ได้มากคือ หากวางตัวตนได้และทำให้งานของทีมดี ก็จำเป็นต้องวางตัวตนลงด้วยหลักว่า "อย่างมากเขาก็ว่าเราโง่" จะรู้สึกแย่กับตนเองมากในตอนต้นๆ แต่ในระยะยาว และในภาพรวมที่เกิดต่อขององค์กรแล้ว เรื่องแบบเส้นผมบังภูเขาอย่างนี้กลับจะให้ผลดีและงดงามอย่างมาก
รวมถึงการเป็นหัวหน้างานที่ยอมเสียสละให้ผู้ร่วมงานเหยียบย่ำหรือกระทบกระทั่ง เพื่อให้เขาได้เติบโต ดังที่อาจารย์เขียนว่า :
เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงคนอื่นเท่านั้นที่ได้โอกาสเติบโต ทว่าตัวอาจารย์เองกลับเติบโตภายในมากยิ่งกว่า..
ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ แต่อาจารย์ย่อมรับรู้ได้ดีกว่าใคร..
สาธุค่ะ..
...ขอให้เรียนรู้การถูกกระทบเพื่อยกระดับปัญญาอย่างเบิกบานนะคะ..^__^..
ยินดีค่ะถ้าจะได้พบอาจารย์ที่วัดมะเกลือ
ใบไม้คิดว่าชาวบ้านคงจะดีใจ ถ้าเห็นอาจารย์ไปเยี่ยมเป็นกำลังใจ ทางชุมชนเขาเป็นตัวตั้งตัวตีลุกขึ้นมาจัดงานพูดคุยนี้กันเองนะคะ และตั้งประเด็นพูดคุยเองด้วย เพียงแต่หมอปกรณ์ช่วยไปเป็นวิทยากรกระบวนการให้เท่านั้นเอง เจ้าของเวทีตัวจริงคือชาวบ้านค่ะ
วันนั้นใบไม้พาช่างภาพวีดีโอไปถ่ายทำเก็บภาพไปทำสารคดีด้วยค่ะ และช่วงบ่าย พอให้แดดร่มลมตก จะลงเรือไปเก็บภาพวิถีชีวิตชุมชนริมคลองด้วยค่ะ
หวังว่าคงได้พบอาจารย์เวทีชุมชนนะคะ ..^__^..
ตั้งใจว่าจะไปครับ ที่นั่นมีย่านชุมชนเก่า อยากแวะเวียนไปเก็บภาพไว้เป็นระยะๆด้วยเหมือนกันครับ
"การเติบโตภายใน" กับ "ความเบิกบานทางปัญญา" นี่ ให้วิธีคิดที่ดีนะครับ ชอบ-ชอบ
การปรากฏตัวของอาจารย์วันนี้ที่เวทีพูดคุยของชุมชนมีคุณค่าและหมายมากอย่างยิ่งเลยค่ะ
แกนนำชาวบ้านบอกว่า เป็นกำลังใจให้แก่เขามาก ๆ เลยค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อาจารย์พูดในเวทีได้ให้แง่คิดแก่ชุมชน ให้เห็นถึงทุนทางสังคมที่เขามีอยู่ ประสบการณ์การทำงานที่อาจารย์บอกเล่าจุดประกายให้เกิดการรวมกลุ่มทำงานที่ยืดหยุ่นและขับเคลื่อนด้วยพลังในใจ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสักขีพยานผู้ร่วมในเหตุการณ์วันนี้ มีความสุขค่ะ ที่ได้เห็นแกนนำชุมชนมีพลังกลับมาทำงานอีกครั้ง ได้เห็นดวงตาที่เป็นประกาย และรอยยิ้มจากหัวใจที่พองโต
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ อาจารย์ ..^__^..
การมีเครือข่ายทางวิชาการ คนสร้างความรู้และร่วมแลกเปลี่ยนวิทยาการ-ทักษะการคิดและการจัดการเป็นกลุ่ม ลงไปปฏิสัมพันธ์กับชุมชน อย่างที่คุณใบไม้ หมอปกรณ์ และหลายคนจากมหาวิทยาลัยมหิดล กับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ก็ลงไปกันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการสานพลังทางปัญญากันของสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย โดยมีหน่วยทางสังคมเล็กๆ ระดับชุมชนรองรับ ผมว่าเป็นเรื่องดีและมีความหมายมากนะครับ
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่กำลังพอเหมาะ สังคมของเรามักมีช่องว่างและความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นมากมายอยู่เสมอ ช่องว่างทางการคิดและช่องว่างทางความรู้ ก็มากมายมหาศาล บางเรื่องที่จำเป็นต้องอยู่ในวิถีชีวิตและแก้ปัญหาสารทุกข์สุขดิบ ก็มักจะเลยความเป็นจริงของสังคมไปมากมาย การไปค่อยๆพากันคิด ค่อยๆพากันทำ ทว่า เกิดกระบวนการเรียนรู้และมีวิธีทำกันเอง ค่อยๆยกระดับไปตามศักยภาพของชุมชนและกระทั่งดำเนินไปจนเหมือนเป็นมหาวิทยาลัยเปิดของประชาชน ก็น่าจะเป็นโอกาสเกิดสิ่งดีๆ อีกเยอะ
มองทางด้านวิชาการ ผมก็สนุกและมีความสุขครับ การทำงานแนวนี้ ทั้งเรื่องการวิจัย การจัดกระบวนการเรียนรู้ และการสื่อสารเพื่อสร้างพลังการเรียนรู้ ยังมีเรื่องให้ศึกษาเรียนรู้และพัฒนาขึ้นกับชุมชนได้อีกมากมาย ชื่นชมและดีใจที่ได้เจอคุณใบไม้ หมอปกรณ์ และทีม ครับ
ยืดอกพกถุง .. ที่ทางสะอาด ^^
(เวทีรวมพลคนริมคลอง : คนรักษ์ถิ่น .. 9 พฤศจิกายน 51 วัดมะเกลือ)
นี่แกต้องติดกินหมากน่าดูเลยนะนี่