"...ทุนทางสังคมของอำเภอหนองบัว : หลวงพ่อเดิม หลวงพ่ออ๋อย วัดหนองกลับ / หมอหนิม / นายอำเภออรุณ / โรงพยาบาลคริสเตียน / หมอหลุยส์ / งานงิ้วหนองบัว / เกาะลอย......"
อำเภอหนองบัวมีศักยภาพและทุนทางสังคมหลายอย่าง มีความเป็นท้องถิ่นที่ทำให้เป็นชุมชนอำเภอน่าอยู่ ผู้คนทั้งอำเภอมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อีกทั้งที่ตั้งก็มีถนนหลวงเชื่อมโยงไปสู่ภาคคะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ
มีภูเขา สิ่งแวดล้อม ทุ่งเลี้ยงสัตว์ และทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ มีโรงเรียนมัธยมอำเภอและสถานศึกษา ที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งการศึกษาเพื่อสร้างคนและพัฒนาท้องถิ่น มีนักธุรกิจท้องถิ่นและคนทำมาค้าขาย มีทุนมนุษย์และเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนหนองคอก ผูกพันกันและมีความเป็นเครือข่ายทางสังคมที่สามารถเป็นกำลังพัฒนาได้มากมายทั้งของท้องถิ่นและของประเทศ....
อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ มีชื่อท้องถิ่นอีกหลายชื่อ ส่วนใหญ่ก็สื่อถึงความเป็นแหล่งน้ำ เช่น หนองบัว หนองกลับ บ้านหนองบัวตากลาน หนองคอก เมืองพันสระ แต่ละชื่อ ล้วนทำให้คนที่ไม่เคยไปเยือนและไม่เคยรู้จัก คิดนึกไปได้ว่าเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำท่า ห้วยหนอง คลอง และสระ
ผมเคยได้ยินคนจากถิ่นฐานอื่นที่ไปทำงาน ณ อำเภอหนองบัว เล่าถึงตนเองกับหนองบัวให้เป็นเรื่องขำๆอย่างกันเองว่า ข้าราชการที่สอบบรรจุจากส่วนกลาง เมื่อสอบได้ และถึงคราต้องเลือกพื้นที่ลง หลายคนพอเห็นชื่ออำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ก็เลือกไปลงอย่างไม่ลังเล ในใจก็จินตนาการไปถึงหนองบัวและบึงบัวใหญ่ๆ รายรอบด้วยความร่มรื่นและอุดมไปด้วยแหล่งน้ำ
ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว อำเภอหนองบัวเป็นที่ดอน ดินของพื้นที่ก็เป็นดินทรายร่วน ไม่ค่อยเก็บกักน้ำ แหล่งน้ำสำคัญแต่เดิมเมื่อ 30-40 ปีก่อน ก็คือสระสาธารณะของวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน พอได้ใช้อุปโภคบริโภคกันทั้งอำเภอ
นายอำเภอและผู้นำชุมชนของอำเภอเคยพยายามขุดสระและแหล่งน้ำหลายแห่ง แต่ก็แปลก มักขุ่นคลั่กราวน้ำโคลน ไม่ใสเหมือนน้ำในสระวัด เมื่อชุมชนขยายตัวมากขึ้น ชื่อต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นแหล่งน้ำและความอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำท่า ก็เลยเป็นตรงกันข้าม จนแม้กระทั่งบัดนี้
กระนั้นก็ตาม อำเภอหนองบัวก็เป็นเมืองที่มีความน่าอยู่ คนท้องถิ่นมีอัธยาศัย สภาพแวดล้อม วิถีชีวิต การทำอยู่ทำกิน และวัฒนธรรมท้องถิ่นหลายอย่าง ต่างเป็นพื้นฐานและทุนทางสังคม ที่ทำให้ชุมชนมีความร่มเย็นเป็นสุขพอสมควรแก่อัตภาพ
หนองบัวมีของดีอยู่มากมายที่น่าสืบสานและหวงแหน
คนทำงานชุมชนและผู้คนของชุมชนหนองบัวเอง หากมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง ก็จะทำให้มีสำนึกในความเป็นมาร่วมกัน เกิดความเคารพ และเห็นตนเองบนความสืบเนื่องในความเปลี่ยนแปลงของชุมชน ด้วยความภาคภูมิใจ เช่น
หลวงพ่ออ๋อย และวัดหนองกลับ ไปหนองบัวไม่รู้จักหลวงพ่ออ๋อยและวัดหลวงพ่ออ๋อย ก็เรียกได้ว่าไม่ถึงความเป็นหนองบัว วัดหนองกลับ เป็นชื่อวัดซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางจิตใจของชาวอำเภอหนองบัว หลวงพ่ออ๋อย เป็นลูกศิษย์และสหธรรมิกของ หลวงพ่อเดิม ซึ่งคนแถวนครสวรรค์ ชัยนาท พิจิตร รวมไปจนถึงคนเล่นพระเครื่องทั้งประเทศจะรู้จักและเคารพนับถือ คนทั้งอำเภอ รวมไปจนถึงพื้นที่โดยรอบ นับว่าเป็นลูกศิษย์และกลุ่มศรัทธาธรรมของหลวงพ่ออ๋อยทั่วไปทุกย่านถิ่น
โดยเฉพาะผู้ชายนั้น กลุ่มคนที่ผ่านการบวชเรียน แล้วต่อมาก็มีบทบาทเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ตลอดจนเป็นผู้นำสาขาต่างๆของท้องถิ่น ก็แทบจะนับว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออ๋อยแทบทั้งสิ้น ผมได้เป่าแตรวงแห่นาคไปบวชพระที่วัดหลวงพ่ออ๋อยเกือบสิบปี เห็นผู้คนมากมายได้เข้าไปบวชเป็นศิษย์หลวงพ่ออ๋อย
ภาพขบวนแห่นาคหมู่อำเภอหนองบัว : ประเพณีการแห่นาคและการบวชนาคหมู่ อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ริเริ่มมายาวนานนับแต่ยุคหลวงพ่ออ๋อย หรือพระครูนิกรปทุมรักษ์ แห่งวัดหนองกลับหรือวัดหนองบัวลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม การแห่นาคจะแห่นาคแต่ละจ้าวาจากบ้านทั่วสารทิศ บางปีนับเป็นร้อยจ้าว แล้วจะมารวมกันที่ศาลาวัดหนองกลับ ซึ่งเป็นศาลาไม้ขนาดใหญ่โต เพื่อรอการบรรพชาอุปสมบทพร้อมกัน เป็นประเพณีการบวชนาคหมู่ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชุมชนชาวหนองบัว นครสวรรค์ ระหว่างการแห่นาค ทั่วตลาดอำเภอหนองบัว รวมทั้งในวัดหนองกลับ จะก่อให้เกิดการสื่อสารเรียนรู้และสร้างการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรม ผู้คนจะถามไถ่และทบทวนว่านาคเอก นาคโท เป็นใคร รวมทั้งพ่อนาคคนอื่นๆเป็นลูกหลานของใคร ก่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาของชุมชน วัฒนธรรม และการสืบทอดประเพณีทางศาสนา คงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้การบวชนาคและการแห่นาคหมู่ เป็นหนึ่งในคำขวัญของอำเภอหนองบัว ภาพประกอบวาดโดย : ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
โบสถ์ของวัดหลวงพ่ออ๋อยหรือวัดหนองกลับมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดเลยเพราะเป็นหลังคาที่ไม่ใช่มุงกระเบื้อง ทว่า ทำเป็นหลังคาคอนกรีตเลย
ปัจจุบันวัดหนองกลับ มีหลวงพ่อที่ชาวบ้านเรียกท่านว่าพระครูไกร ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออ๋อยและเป็นพระอาจารย์ให้การบวชเรียนของผู้คนในหนองบัวนับแต่รุ่นที่ผมยังเป็นมือแตรวงแห่นาค
พระคุณเจ้าเป็นผู้นำในการทำพิพิธภัณฑ์ ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ท้องถิ่นของวัดหนองกลับ และเป็นทุนทางปัญญาท้องถิ่นของชุมชน มีคุณูปการต่อการทำให้วัดเป็นแหล่งให้การศึกษาอบรมรอบด้านแก่ผู้คนทั้งในอำเภอและจากแหล่งอื่นทั่วประเทศ
หมอหนิมของชาวหนองบัว หมอหนิมเป็นพยาบาลผดุงครรภ์และหมออนามัยเก่าแก่ของชาวหนองบัว ดูแลสุขภาพและสารพัดความเจ็บไข้ได้ป่วย รวมไปจนถึงสารทุกข์สุกดิบของคนหนองบัว สถานีอนามัยเดิมอยู่หลังอำเภอในปัจจุบัน ทว่า ในยุค 40-50 ปี ก่อนโน้น ไปไหนมาไหนมีแต่ด้วยการเดินเท้า และใช้เกวียน
แต่การต้องอยู่ทั้งที่สถานีอนามัย และการต้องไปตามบ้านเมื่อชาวบ้านตามทั้งในและนอกอำเภอ หมอหนิมก็เป็นทั้งหมอเท้าเปล่าและหมอควบม้าไปทั่วอำเภอซึ่งยุคนั้นเป็นบ้านป่าบ้านดงอย่างยิ่ง ชาวบ้านจึงนับถือเหมือนแม่ เป็นทุนทางสังคมด้านสุขภาพ ที่มีบทบาทควบคู่มากับพัฒนาการของหนองบัวในระยะ 50 ปีที่ผ่านมา
นายอำเภออรุณ วิไลรัตน์ * เป็นนายอำเภอรุ่นบุกเบิกที่นำการขุดสระน้ำข้างอำเภอ และเป็นผู้นำที่หมายจะเปลี่ยนสภาพความกันดารยากแค้นของอำเภอหนองบัวให้หายไปให้จงได้ อีกทั้งเป็นผู้นำในการพัฒนาการศึกษาของลูกหลานทั้งคนหนองบัวและแถวนั้นมากมาย ร่วมกับคุณครูและคนท้องถิ่นนำเอาโรงเรียนวันครู(2504) ของอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ไปตั้งที่บ้านตาลิน ดังปัจจุบัน
ภาพที่ ๑ อาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนหนองบัว ก่อตั้งเมื่อปี 2503 ในพื้นที่เดียวกับโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) แล้วย้ายมาอยู่ที่หนองคอกดังปัจจุบันในปี 2508 ในยุคของนายอำเภออรุณ วิไลรัตน์ (ภาพจากเว๊บโรงเรียนหนองบัว)
ชาวอำเภอหนองบัวที่ยังจดจำท่านได้ เคยตามไปขอซื้อรถแทรกเตอร์คันที่เคยขุดสระข้างอำเภอให้ชาวหนองบัว มาตั้งเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความเป็นนายอำเภอนักพัฒนาและเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน
นอกจากนี้ยังมีปูชนียบุคคลอีกหลายท่าน ผู้เฒ่าและคนเก่าคนแก่ ซึ่งเป็นที่เคารพเชิดชู เมื่อถามไถ่ถึงก็จะเป็นที่รู้จักกันทั้งอำเภอ
โรงพยาบาลคริสเตียน ในอดีตนั้น พื้นที่อำเภอหนองบัวกันดารเป็นที่สุด แต่ก็มีโรงพยาบาลเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น อยู่ข้างสี่แยกกลางตลาดของตัวอำเภอในปัจจุบัน เป็นโรงพยาบาลคริสเตียน มีหมอฝรั่งใจดีและมิชชั่นนารี คอยดูแลผู้ป่วยและญาติๆที่ไปโรงพยาบาลทั้งด้านความเจ็บความไข้ การเผยแพร่คำสอนของพระเจ้า และการมีของเล่นให้เด็กๆ
แยกตลาดหนองบัวเดิม อาคารพาณิชย์เป็นอาคารไม้สองชั้น ห้องแรกของคูหาด้านขวาหลังหอนาฬิกานั้น เคยเป็นโรงพยาบาลคริสเตียน มีหมอฝรั่งชื่อไทยว่าหมออรุณมาประจำ ต่อมาได้ย้ายไปตั้งอยู่นอกตัวเมืองและพัฒนาเป็นโรงพยาบาลอำเภอหนองบัวดังปัจจุบัน ภาพประกอบวาดโดย : ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ต่อมา ได้ย้ายออกไปด้านนอกและพัฒนาเป็นโรงพยาบาลอำเภอหนองบัวดังในปัจจุบัน ในระยะแรกยังคงเป็นโรงพยาบาลคริสเตียน ผมมีโอกาสต่อเพลงสรรเสริญพระเจ้าไปเล่นบนเวทีกิจกรรมของโรงพยาบาลในวันคริสมาสต์อยู่สองปี ซึ่งก็เล่นด้วยความสำนึกตอบแทนพระคุณคุณหมอฝรั่ง พยาบาล และหมอสอนศาสนา ที่ผมได้เคยไปนอนป่วยเป็นคนไข้อย่างสาหัส รวมทั้งพ่อและญาติๆ อีกโสตหนึ่งด้วย หนองบัวเป็นชุมชนเล็กๆ แต่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจริงๆ
ปัจจุบัน โรงพยาบาลอำเภอหนองบัวไม่มีหมอฝรั่งและไม่ได้เป็นโรงพยาบาลคริสเตียนแล้ว แต่ก็เป็นทุนทางสังคมอย่างหนึ่ง ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาด้านสุขภาพของชุมชน ผ่านยุคที่เต็มไปด้วยความกันดารยากแค้น หนุนส่งมาสู่ปัจจุบันได้อย่างดี
หมอหลุยส์ อำเภอหนองบัวมีหมอแผนไทยและมีร้านขายยาสมุนไพรที่ขึ้นชื่อไม่เพียงสำหรับชาวหนองบัวเท่านั้น ทว่า เป็นที่พึ่งของคนวงกว้างไปจนถึงจังหวัดรอบข้าง ชื่อร้าน หมอหลุยส์ อยู่ข้างวัดหนองกลับของหลวงพ่ออ๋อย
นอกจากมียาทั่วไปให้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านแล้ว ร้านหมอหลุยมียาสมุนไพรที่ขึ้นชื่อที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ ยาสูบแก้ริดสีดวงจมูกของหมอหลุย หมอหลุยเป็นอุบาสกและผู้ปฏิบัติธรรมด้วย เลยเป็นหมอแบบพ่อพระของชาวบ้าน บุกเบิกศูนย์ปฏิบัติธรรมและกรรมฐานนอกตัวอำเภอ แม่ผม ยาย ญาติพี่น้อง และชาวอำเภอหลายคนที่อยู่ห่างไกลจากตัวอำเภอ ที่สนใจแนวปฏิบัติกรรมฐานและเจริญสติภาวนา ก็ได้อาศัยไปร่วมกิจกรรม และร่วมทำนุบำรุงแหล่งปฏิบัติธรรมดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน
งานแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่หนองบัวกับฤาษีณารายณ์ และงานงิ้วหนองบัว จัดขึ้นเป็นงานประจำปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมซึ่งถึงแม้จะเป็นงานที่ขับเคลื่อนด้วยชาวไทยจีนเป็นหลัก แต่ก็นับว่าเป็นวิถีวัฒนธรรมสาธารณะหรือเทศกาลของผู้คนทั้งอำเภอ (Local Cultural Event)
ผู้คน เด็กนักเรียนจากโรงเรียนประถมและมัธยมประจำอำเภอ และโรงเรียนในตัวเมือง หน่วยงานราชการทุกภาคส่วน และกลุ่มเจ้าของกิจการไม่แยกฐานะและความแตกต่างกันในสิ่งที่เคารพนับถือแยกย่อย จะรวมใจกันไปช่วยแห่แหนขบวนซึ่งเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของชาวหนองบัว คือ เทพเจ้าที่เคารพของชาวไทยจีนร่วมกับจ้าวพ่อฤาษีณารายณ์
แห่ไปอย่างทั่วถึงในย่านชุมชนอำเภอ แล้วก็มีงานมหรสพเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืน ที่เกาะลอย ที่ขึ้นชื่อติดปากผู้คนก็มีหลายอย่าง เช่น ลิเกคณะบรรหารศิษย์หอมหวล / งิ้ว / มอเตอร์ไซคล์ไต่ถัง คณะตาเปรื่อง เรืองเดช / รำวง รวมทั้งคณะเล่นกล และหนังกลางแปลง ซึ่งยุคก่อนโน้น จะเป็นที่เดียวที่ฉายกันสว่างคาตาจนไม่สามารถมองเห็นตัวหนังบนจอได้
ภาพที่ ๒ ขบวนแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ฤาษีณารายณ์ หรือ เจ้าพ่อเจ้าแม่ฤาษีหนองบัวไปรับอั่งเปาและของไหว้ จากคณะครูและนักเรียน โรงเรียนหนองบัว ในภาพเห็นคุณครูโสภณ สารธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองบัวและศิษย์เก่าของโรงเรียนหนองบัว รุ่นเก่าแก่ เป็นครูปริญญา จาก ๒ ใน ๕ แห่งของวิทยาลัยการศึกษาในประเทศไทย คือ ปริญญาตรีสาขาเคมี จากวิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน ชลบุรี ก่อนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยบูรพา และปริญญาโทบริหารการศึกษา วิทยาลัยการศึกษาวิทยาเขตพิษณุโลก ก่อนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร และเห็นคุณครูสมัคร รอดเขียน คุณครูเก่าแก่ท่านหนึ่งของโรงเรียนหนองบัว การมีปฏิสัมพันธ์กันของโรงเรียนกับชุมชนผ่านกิจกรรมประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น ทำให้โรงเรียนและชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอย่างแนบแน่น (ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ของโรงเรียนหนองบัว)
ผมร่วมเป็นวงดุริยางค์ของโรงเรียน แห่ล่อโก๊ะในเทศกาลของชาวหนองบัวนี้อยู่หลายปี แล้วก็ติดงิ้วงอมแงม ทั้งที่ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชอบไปดูแบบเกาะขอบเวที ดูกลุ่มคนที่เล่นดนตรี ดูภาษาเครื่องแต่งกาย และการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งทำให้เข้าใจว่าเขาเล่นเป็นอะไร และท่าทางอย่างไรบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทั้งการรบ การคิด การแสดงความสุขรื่นเริง
งานเทศกาลดังกล่าว เป็นประสบการณ์ร่วมของผู้คนหลายรุ่นทั้งคนท้องถิ่นเชื้อสายไทย จีน ลาว และไทยละเหว ซึ่งพูดเหน่อ จนทำให้คนท้องถิ่นพูดเหน่อตามกันไปทั้งอำเภอ แม้ในปัจจุบัน ผู้คนที่ออกไปอยู่ถิ่นฐานอื่น ก็มักถือเป็นเวลาที่จะกลับบ้าน และถ้าหากไปเยือนอำเภอหนองบัวในช่วงดังกล่าวนี้ ก็จะเห็นความมีชีวิตชีวาในยามกลางคืนไปทั้งอำเภอ
เกาะลอย เป็นแหล่งสาธารณะกลางอำเภอ แต่เดิมเป็นสระน้ำขนาดใหญ่กลางตัวเมือง แล้วก็มีเกาะเล็กๆอยู่กลางน้ำ เป็นแหล่งสาธารณะสำหรับหย่อนใจและใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคที่พอจะสะท้อนเอกลักษณ์ชื่อว่าหนองบัวอยู่บ้าง ทว่า ปัจจุบัน เกาะลอยกลางน้ำได้ถูกไถทิ้งและปรับให้เป็นแหล่งเก็บน้ำไปทั้งหมด บริเวณเกาะลอย เป็นแหล่งจัดเทศกาลงานงิ้วของอำเภอหนองบัว ผู้คนและชุมชนโดยรอบเป็นคนเก่าแก่ของพื้นที่ มีความเป็นมาเท่าๆกับพัฒนาการของอำเภอหนองบัว
ที่ตั้งของอำเภอหนองบัวและทรัพยากรทางด้านต่างๆ มีศักยภาพมากมายหลายอย่างในการพัฒนาสู่อนาคตที่พึงประสงค์ ไกลออกจากตัวเมืองนิดเดียวก็จะเป็นสวนป่าและทุ่งเลี้ยงสัตว์กว้างใหญ่ สามารถพัฒนาเป็นสถานีวิจัยและพัฒนาทางปศุสัตว์ เกษตรกรรมและการจัดการทรัพยากรในที่ดอน โรงเรียนและสถานศึกษาประจำอำเภอมีพื้นฐานและทรัพยากรทางวิชาการหลายด้านที่สามารถยกระดับสู่การจัดการศึกษาในขั้นอุดมศึกษา
เลยออกไปอีกและต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออก ก็จะมุ่งสู่จังหวัดชัยภูมิ ภาคอีสานและอนุภูมิภาคอินโดจีน ขึ้นไปทางเหนือ ก็จะมีทางผ่านตรงจากกรุงเทพ มุ่งสู่พิจิตร พิษณุโลก และภาคเหนือ คนวัยทำงานและนักเรียนนักศึกษาเป็นจำนวนมากจึงมีไม่น้อยที่มุ่งไปทำงานและศึกษาต่อในภาคเหนือมากกว่าลงกรุงเทพฯ
ที่สำคัญคือมีทุนทางศักยภาพและทุนทางสังคม รวมทั้งมีเรื่องราวที่เป็นภูมิปัญญาเกี่ยวกับท้องถิ่น ที่อยู่ในความทรงจำของคนเก่าแก่ ซึ่งถ้าหากได้มีการนำมาเรียนรู้และหาโอกาสสืบสานกันไว้ด้วยการพูดคุย บอกเล่า และสนทนากัน โดยเฉพาะในหมู่ผู้คนรุ่นใหม่ ก็จะทำให้ชุมชนได้สานความรู้เกี่ยวกับตนเองและถักทอสำนึกร่วมของผู้คน ทำให้ชุมชนอำเภอบ้านนอก มีกำลังนำการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองได้มากยิ่งๆขึ้น.
-------------------------------------------------------------------------------------------
* ข้อมูลเพิ่มมาจากเว๊บของโรงเรียนหนองบัว ทำให้ทราบนามสกุลของท่านนายอำเภออรุณ ว่าท่านนามสกุล วิไลรัตน์ พร้อมกับได้ทราบอีกว่า โรงเรียนหนองคอก หรือโรงเรียนหนองบัวของผม เพื่อน พี่ น้อง และชาวหนองบัวนั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ในยุคของท่าน โดยแต่เดิมนั้นตั้งอยู่ในโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘ ครูใหญ่คนแรกและเป็นผู้ที่ร่วมกับนายอำเภออรุณ วิไลรัตน์ นำประชาชนและชุมชนสร้างโรงเรียนหนองบัวขึ้นมาก็คือ คุณครูเขจร เปรมจิตต์ ดังนั้น ในปี ๒๕๕๓ ที่จะถึงนี้ จึงนับว่าครบรอบการก่อตั้งของโรงเรียนหนองคอก ๕๐ ปีหรือกึ่งศตวรรษ