อุปมาว่า ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ...... ครับ
มีวันหนึ่งผมทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เวลาประมาณ 20.30 (ขอสงวนสถานที่) แล้วมีโต๊ะด้านข้างขวามือของผมก็กำลังทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเช่นกัน เมื่อทานเสร็จชำระเงิน ต่างก็ลุกออกจากร้านแยกย้ายกันไป
จากนั้นผมตั้งใจว่าจะซื้อหนังสือดี ๆ สักเล่มอ่านเพื่อเพิ่มพูลความรู้ จึงไปยืนเลือกหนังสืออยู่ร้านจำหน่ายหนังสือแห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญได้ยินเสียงบ่นของคน ๆ หนึ่งพอผมมองไปตามเสียงนั้น ไม่ใช่ใครเลยเป็นผู้ที่ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าโต๊ะด้านข้างขวามือเมื่อสักครู่นี้เอง โดยเขาบ่นกับเพื่อนสนิทที่มาด้วยกันว่า
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้านี้ ไม่อร่อยเลย ทำช้าก็ช้า สั่งตั้งนานแล้วยังไม่ได้ พอฉันทวงถามก๋วยเตี๋ยวว่าได้ยัง ? แม่ค้าก็ย้อนมาทันทีว่า “ตามลำดับนะค่ะ” ต่อไปฉันจะไม่ซื้อไม่ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้านี้แน่นอน เพราะแม่ค้าพูดจาไม่ดี
หลังจากนั้นอีก 1 เดือนต่อมา ผมไปทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าตามปกติ แล้วได้ยินเสียงการสนทนาของผู้ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าโต๊ะด้านข้าง ผมก็คิดว่าใครน๊อ ! เสียงคุ้นๆ จึงค่อยๆ มองไปตามเสียงนั้น … แต่ที่น่าตกใจ คือ คน ๆ นั้นที่เคยพูดบ่นและลั่นวาจาว่า “ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้านี้ ไม่อร่อยเลย ทำช้าก็ช้า สั่งตั้งนานแล้วยังไม่ได้ ต่อไปฉันจะไม่ซื้อไม่ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้านี้แน่นอน เพราะแม่ค้าพูดจาไม่ดี ” ลั่นวาจาที่เป็นด้านลบทั้งสิน
แนวคิดของผมอาจจะผิดหรืออาจจะถูก ดังนี้
1. แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก็ต้องการ Customer loyalty อยู่แล้ว
2. แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก็ต้องการ The Level for Relationship และ Relationship อยู่แล้ว
แต่ที่สำคัญคือ แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ได้รู้ถึง Customer Relationship Experience Enhancement แน่นอน
แต่คน ๆ นั้นที่เคยพูดบ่นและลั่นวาจาที่เป็นด้านลบ ก็เข้าไปรับประทานทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้านั้นอีกตามเคย
ดังนั้น สะท้อนให้เห็นถึงคน ๆ นั้นมีแนวคิดที่ใจแคบเพราะพูดลั่นวาจาออกมาจากปากสั่งการโดยสมอง ถือเป็นการ “ถ่มน้ำลายรดฟ้า” (กดดูความหมาย) ออกมาจากใจ และสะท้อนให้เห็นถึง “ถ่มน้ำลายแล้วกลับกลืนกิน” (กดดูความหมาย)
บทสรุป
อย่าทำอะไรที่มันเป็นการ ถ่มน้ำลาย รดฟ้าเลยนะครับ เห็นมั้ยว่าถมน้ำลายรดฟ้าไปไง ก็ตกใส่หน้าตัวเองอยู่ดี....
รูปก๋วยเตี๋ยวราดหน้า… น่าทานมั๊ยครับ
นัทธี สติปัญญาเข-ลา
1 ต.ค. 51
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ