วันนี้ (24 กันยายน 2551) ผมเข้ามาที่ทำงานเช้ากว่าทุกวัน
เพราะนัดหมายกับน้องนิสิตกลุ่มไหลและคุณสุริยะ สอนสุระ ในการลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมอีกรอบ
(สภาพโรงเรียนบ้านดอนนา)
ทางเข้าดังกล่าว ตอนนี้ถนนจมอยู่ใต้ท้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย
นักเรียนจำนวนมากจากหมู่บ้านทั้งสองต้องข้ามฟากมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านดอนนา
ดังนั้น การสัญจรด้วยเรือเพียงไม่กี่ลำ จึงเต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรคอย่างน่ารำคาญใจ
วันก่อนผมและทีมงานประสานขอเรือท้องแบนขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยมาประจำที่นี่
เพื่อทำหน้าที่รับส่งผู้คนสองฟากฝั่ง
ซึ่งก็ถือได้ว่า ช่วยชาวบ้านไปได้เยอะมาก
(ทางเข้าบ้านห้วยชัน-โขงกุดเวียน)
ถัดจากนั้น ผมก็ส่งทีมงานตะลุยฝ่าคลื่นน้ำไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง นั่นคือบ้านหนองแข้
ระยะทางเดินเท้าฝ่าสายน้ำน่าจะกิโลเมตรเศษ ๆ
ขณะที่ผมขับรถส่วนตัวกลับมาประชุมด่วน เสร็จแล้วจึงกลับไปรับพวกเขาอีกรอบในราว ๆ เกือบจะเที่ยงพอดี
(เส้นทางระหว่างบ้านดอนนา - บ้านหนองแข้)
ช่วงบ่าย ...
ยังไม่มีเวลาทานข้าว
ผมก็จำต้องควบรถส่วนตัวพร้อมน้อง ๆ และเจ้าหน้าที่อีก 6 ชีวิตตรงไปยังบ้านกุดหัวช้าง
(เส้นทางเฉพาะกิจเข้าสู่หมู่บ้านกุดหัวช้าง)
การเดินทางไปยังบ้านกุดหัวช้าง ไม่สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะผ่านชุมชนในแถวขามเรียงได้
แต่จำต้องขับเข้าสู่ตัวเมืองและข้ามสะพานที่สร้างพาดผ่านแม่น้ำชีในเขตหมู่บ้านท่าสองคอน อันเป็นเขตอำเภอเมือง
แต่ถึงกระนั้น..
เมื่อพ้นระยะสะพานเพียงไม่กี่เมตร
ผมก็จำต้องจอดรถทิ้งไว้ และเดินเท้าเข้าหมู่บ้านอีกในราว ๆ 2 กิโลเมตรเศษ
บ้านกุดหัวช้าง เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีจำนวนครัวเรือนประมาณ 31 ครัวเรือน
จัดเป็นหมู่บ้านยากจน แต่ก็เรียบง่าย สมถะอย่างน่าชื่นชม
หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อประมาณสัก 5 ปีก่อน ผมเองก็เคยเขียนโครงการเข้าไปช่วยเหลือมาแล้ว
แต่นั่นเป็นการช่วยเหลือในห้วงฤดูหนาว
และเส้นทางที่สัญจรก็ไม่ใช่เส้นทางนี้
หากแต่เป็นเส้นทางที่ฝุ่นตลบ กันดาร และมหาโหดมาก
สภาพของหมู่บ้านในวันนี้ ดูเงียบเหงามาก
เด็ก ๆ ยังเรียนหนังสือที่บ้านมะกอก
ผู้ปกครองต้องขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง แต่พอถึงท้ายหมู่บ้านก็ต้องอาศัยเรือลำเล็ก ๆ ฝ่าสายน้ำเข้าไปยังบ้านมะกอก หรือไม่ก็อาศัยรถไถนาเดินตามเป็นพาหนะอันทรงพลังขับเคลื่อนการเดินทางของบุตรหลาน
ตอนนี้ หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเกาะปิ่มน้ำ
ร้านขายของชำร้านเดียวได้ปิดตัวลง เพราะไม่สามารถออกมาซื้อของไปจำหน่ายได้
ดังนั้น ตอนนี้หมู่บ้านจึงเริ่มประสบปัญหาเรื่องของกินของใช้
ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรมากมายนักกับชาวบ้าน
แต่ก็ยืนยันว่า ยังไงก็จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ช้าสุดก็ไม่เกินวันเสาร์ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน
ผมให้สัญญาเช่นนั้น
เพราะเชื่อว่า ทั้งผมและทีมงาน ตลอดจนน้อง ๆ สามารถทำตามคำสัญญานั้นได้จริง ๆ
เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยครับ
แวะมาเยี่ยมค่ะ..ยังลงพื้นที่น้ำท่วมอยู่หรือคะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ฉวยวิกฤติเป็นโอกาสค่ะ..น้ำมาเที่ยวนี้ชาวบ้านได้ปล้าร้าหลายไหเลยนะค่ะ
อดคิดไปว่า..ปีหน้าปล้าร้าคงจะไม่แพง
มาให้กำลังใจคนทำงานเพื่อสังคมค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ
เอ้า...หอบกำลังใจมาให้อีกกองใหญ่ครับผม
สวัสดีครับ...มนัญญา
ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ...
ตอนนี้กำลังทำงานกันอย่างหนักหน่วง.. ทีมงานเป็นไข้กันแทบทุกคน
สนุกและมีความสุขกันมาก...
แต่คงสุขกว่านี้ ถ้าน้ำไม่ท่วม...
กำลังเตรียมลำเลียงสิ่งของไปสู่หมู่บ้าน ...
ขอบคุณครับ
ภาพ-เรื่อง คือประวัติศาสตร์ชุมชน
เก็บไว้เล่า เปิดภาพให้ดู วันที่แห้งแล้งเหี่ยวเฉา
บางทีจะได้คิด เรื่องแล้งกระจุก ท่วมกระจาย
สวัสดีครับ . ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
ตอนนี้กำลังออกอาการเบลอ ๆ หลังจากไม่ได้นอนมาหลายวัน ..
แต่ก็ดีครับ... น้ำหนักลดลงเยอะเหมือนกัน
สวัสดีครับ.... คุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน
ตอนนี้ลงพื้นที่ทุกวัน..
พรุ่งนี้ เป็นงานใหญ่ที่ต้องลงอย่างจริงจัง
ตอนนี้นิสิตขนถุงยังชีพที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองล่องเรือไปยังหมู่บ้าน
ก็หวังแต่เพียงว่านิสิต จะเกิดการเรียนรู้อะไรมากกว่าทิศทัศน์ของท้องน้ำที่ชวนตื่นตาตื่นใจ
เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยครับ และผู้ให้การช่วยเหลือครับ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หอบกำลังใจมาฝากค่ะ
ผ่านมา..เรื่อง น้ำท่วม…หวังว่า..ปีนี้…คงไม่ใช่ กฏธรรมชาติ..ที่ สิบปีครั้ง หรือ สิบห้า ปีครั้ง.ที่หนัก อ่วม..(ได้แต่ภาวนา)