เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมาได้ร่วมเป็นวิทยากรกับสาธารณสุขขุนยวม กลุ่มเครือข่ายสถานศึกษา ได้จัดอบรมตามโครงการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และยาเสพติด ให้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาช่วงชั้นที่ 3-4 ในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และยาเสพติด ก็เริ่มทำกิจกรรมอบรมโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและคณะครูร่วมกันให้ความรู้และ ดูจาก วีซีดี แล้วก็ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน วันนี้มีแข่งขันชกมวยของสมจิตร จงจอหอ พวกคุณครูผู้ชายก็เลยยึดหน้าจอ T.V เพื่อชมการถ่ายทอดชกมวย ก็ไม่ชอบเท่าไหร่ในกีฬาประเภทนี้ ก็เลยไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ (ก็เริ่มง่วงนั้นแหละ) เผอิญมองเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง “ลอง...ดู ไม่เชื่อดูดิ...” ของ ชมรมพุทธศาสตร์สากลในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
ในเล่มก็จะเป็นนิทานเรื่องสั้นๆ ที่สอดแทรกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เกิดขึ้นกับเด็ก จากที่หยิบมาพลิกดู ก็เลยนั่งอ่านอย่างจริงจัง พอรู้สึกตัวก็บ่ายกว่าแล้ว เพราะเด็กจะต้องเรียนรู้ตามฐานความรู้ต่างๆ ซึ่งจะแบ่งเป็น 4 ฐานคือ การให้คำปรึกษา หากเจอปัญหา, ทักษะการปฎิเสธในกรณี...,ยาคุมกำเนิด และสุดท้าย ยืดอกพกถุง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและคุณครูประจำแต่ละฐาน ดูหนังสือที่อยู่ในมือที่อ่านค้างอยู่ก็อยากจะอ่านต่อนะ...แต่หน้าที่สำคัญกว่า(พูดซะ.........)
ก็เลยรีบไปประจำฐานที่รับผิดชอบ พอเสร็จก็มานั่งอ่านจนจบ..
จากที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็รู้สึกประทับใจนิทานที่สอนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการที่จะบ่มเพาะหรือสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนของเรา ก็จะเล่าจากที่อ่านให้ฟัง......มีครอบครัวมหาเศรษฐีที่ถือว่าร่ำรวยมากในชุมชนนั้นซึ่งมีลูกชายอยู่ 15 คน ผู้เป็นพ่อก็มีอายุมากแล้ว คิดจะมอบกิจการต่างๆ ที่มีอยู่ให้ลูกชายดูแล วันหนึ่งได้เรียกลูกชายทั้งหมดเข้ามาพบและมอบเมล็ดดอกทานตะวันให้ลูกชายทุกคนไปปลูกและดูแลจนกว่าจะโต และนัดวันให้มาพบเพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ได้รับมอบกิจการ แล้วลูกชายแต่ละคนก็กลับไปปลูกและดูแลต้นไม้ของตนเอง เมื่อถึงวันตัดสินลูกชายแต่ละคนก็นำต้นดอกทานตะวันที่ปลูกมาให้พ่อดูเพื่อตัดสิน จะมีแต่ลูกชายคนสุดท้องที่ไม่มีต้นดอกทานตะวันมาให้พ่อ และร้องไห้ด้วยความเสียใจว่าตนไม่สามารถที่จะปลูกต้นไม้ได้เหมือนพวกพี่ๆ ทั้งที่เค้าเองก็ดูแลในการให้น้ำ ใส่ปุ๋ย และกล่าวโทษตนเองว่าแค่ปลูกต้นไม้ก็ทำให้พ่อไม่ได้ ..แต่พ่อไม่ตำหนิลูกชายคนสุดท้องเลยพร้อมกับยกกิจการทั้งหมดให้เค้าเป็นคนดูแลทุกอย่าง....... เพราะอะไร ?
สวัสดีค่ะอาจารย์
ไม่เป็นภาระ และขยะของสังคมค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ครูอ้อยจะแวะมาตั้งใจอ่านอีกนะคะ
ให้กำลังเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณครูอ้อย แซ่เฮ
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมชม
สวัสดีค่ะ คุณประจักษ์~natadee
ขอบคุณคะที่แวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจ