วันนี้ทีมแพทย์ พยาบาล และญาติผู้ป่วยได้ร่วมกัน หาแนวทางร่วมกันในการดูแลผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งน่าจะมาถึงระยะสุดท้ายของชีวิตแล้ว เนื่องจากผลการเพาะเชื้อคล้ายว่าจะต้านเชื้อ ซึ่งคนไข้นอนในไอซียูมานานหลายเดือน หลายโรงพยาบาล คุณหมอผู้ดูแลบอกว่า ไม่สู้แต่ญาติสู้และเต็มที่ คุณหมอและคุณพยาบาลจึงต้องสู้และเต็มที่
พยาบาลได้พูดคุยถึงกิจกรรมต่างๆที่ญาติอยากจะทำให้คนไข้ก็สามารถปฏิบัติได้ นั่นหมายถึงพิธีกรรมทางศาสนาหรืออะไรก็ตาม ที่เห็นหลายคนชอบปฏิบัติกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้พระสงฆ์มาทำพิธีบังสกุลเป็นบังสกุลตายอะไรประมาณนั้น ซึ่งทีมงานพยาบาลของเรายังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก จึงได้แค่แนะนำว่าอยากให้เราทำอะไรให้เพิ่มเติมนอกจาก กิจกรรมทางการพยาบาลเราก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ดูญาติยัง งง งง ว่าต้องให้ทำอะไรอย่างนั้นหรือ คงไม่ค่อยเข้าใจ เราเองก็ไม่กล้าที่จะบอกให้แจ่มแจ้งมากนัก ด้วยเกรงว่า ญาติจะตีความหมายไปในแง่ลบหรืออย่างอื่น หรือรับไม่ได้ หรือไม่เข้าใจเรา
เริ่มสังเกตุเห็นว่า ญาติมาเยี่ยมใช้เวลาอยู่กับคนไข้น้อยลง ผู้ป่วยถูกจัดให้อยู่ในห้องแยก พยาบาลก็จำเป็นต้องเข้า-ออกน้อยลง ยกเว้นไว้เฉพาะพยาบาลเจ้าของไข้ เพราะต้องมีขั้นตอนในการเตรียมตัว อย่างเช่น การเปลี่ยนหมวกคลุมผม ผ้าปิดจมูก รวมถึงเสื้อคลุมเฉพาะการเข้าเยี่ยมคนไข้
อย่างไรก็ตาม เรายังให้การพยาบาลตามปกติ หรือดีมากและใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสิ่งที่เป็นคุณค่าสำหรับชีวิตและการเจ็บป่วยในเวลาอันยาวนานจนมาถึงระยะที่ไม่สามารถจะต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว
การเตรียมตัวผู้ป่วยและญาติให้รับได้ และสามารถเตรียมตัวได้ เราจะต้องให้ข้อมูลญาติเป็นระยะ เมื่อถึงสุดท้ายจริง ญาติจะเข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไร
เราอาจแนะนำญาติปฏิบัติ...ในช่วงสุดท้ายของผู้ป่วย โดยการสวดมนต์ให้ผู้ป่วยหรือ มีอะไรจะพูดกับผู้ป่วย เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยกังวลหรือค้างคาใจ ก็ให้พูดเบาๆ นั่งใกล้ๆ โดยจัดสิ่งแวดล้อมให้ญาติได้เฝ้าดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ลองดูนะคะ อาจทำได้อีกมากมายค่ะ
เป็นกำลังใจให้ทีมงานค่ะ ที่สามารถหาทางร่วมกันอย่างลงตัวในการดูแลผู้ป่วยรายนี้ค่ะ
งานป้าแดงยุ่งจริง ๆๆ แค่ ICU ก็ยุ่งแล้วครับ
สวัสดีค่ะ อ.พี่แก้ว
สวัสดีค่ะ อ.พอลล่า
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต
อยากขอคำชี้แนะในการทำงานพัฒนาคุณภาพทางการพยาบาลในผู้ป่วยระยะสุดท้ายคะ