สรุปว่าถ้าไตวายเรื้อรังแล้วควรมีความรู้เรื่องการรับประทานอาหารเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีต่อไป
อาหารโดยทั่วไปมี 5 หมู่เราต้องรับประทานให้ครบทุก ๆ หมู่ คือ 1.โปรตีน ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไข่ นม และถั่ว 2. คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ข้าว ก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารที่ทำจากแป้งและน้ำตาล 3. ไขมัน ได้แก่ น้ำมันหมู น้ำมันพืช เนยต่าง ๆ 4. วิตามินและเกลือแร่ มีมากในพวกผลไม้และผัก และ 5. น้ำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากสำหรับผู้ป่วยไตวาย การรับประทานอาหารจำเป็นต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่และไม่ให้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้ตรวจผู้ป่วยไตวายเรื้อรังก็จะทราบได้ แต่ถ้าจะต้องการศึกษาข้อมูลเรื่องอาหารด้วยตนเองขอแนะนำว่า 1 ต้องทราบน้ำหนักของตนเองเพื่อควบคุมอาหารโปรตีนไม่ให้เกินความจำเป็น หรือน้อยเกินไป 2 ไขมันเป็นอาหารที่ควบคุมได้ยาก และหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไขมันมีประโยชน์ในการช่วยดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค แต่ไม่ได้ให้กินได้ทุกอย่างควรเลือกไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวซึ่งได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันงา เป็นต้น
ไขมันที่ไม่แนะนำได้แก่ น้ำมันปาล์ม , น้ำมันมะพร้าว กะทิ น้ำมันหมู ไขมันวัว เนย ครีม ซีส เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีในอาหารต่าง ๆ เช่น มันหมู หมูติดมัน เนื้อติดมัน หมูสามชั้น หนังหมู หนังไก หนังเป็ด เครื่องในสัตว์ต่าง ๆ ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม มันปู มันกุ้ง แฮมเบเกอร์ เป็นต้นเพราะพวกนี้จะทำให้อ้วนและมีไขมันในเลือดสูงก็จะทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบได้
พวกผักจะใหคุณค่าทางด้านวิตามิน เกลือแร่ เช่น วิตามินอี วิตามินซี แคลเซี่ยม โปแตสเซี่ยม เป็นต้นยังให้ใยอาหารช่วยทำให้ถ่ายอุจจาระคล่อง ท้องไม่ผูก เช่นผักใบเขียว แต่ต้องระวังพวกที่มีโปแตสเซี่ยมสูง ๆ เพราะไตไม่สามารถขับสารโปแตสเซี่ยมได้ก็จะทำให้เป็นของเสีย ตัวอย่างผักที่กินได้ เช่น แตงกวา มะระ ฟักเขียว มะเขือยาว พริกหวาน กะหล่ำปลี หอมใหญ่ ถ้ากินสดจะต้องกินประมาณ 1 ถ้วยตวงกินแบบสุกได้ประมาณ1/2 ถ้วยตวง ผักที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่เห็ด หน่อไม้ ผักแว่น ผักหวาน สะเดา ฟักทอง น้ำมันผักต่าง ๆ
กลุ่มผลไม้เป็นอาหารที่ให้พลังงานเช่นเดียวกับพวกแป้งและน้ำตาลและให้ประโยชน์ทางวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารเช่นเดียวกับผัก โดยทั่วไปผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรังระดับ 2 - 3 ผลไม้ที่กินได้ต่อมื้อ ได้แก่ แอปเปิล 1 ผลเล็ก สับปะรด 6 ชิ้น(ชิ้นละ 1 คำ) ส้ม 1 ผลกลาง ส้มโอ 3 กลีบ เงาะ 4 ผล ชมพู่ 2 ผล เป็นต้นและขอย้ำว่าไม่ใช่กินในรายการนี้ทั้งหมดในคราวเดียวเพราะจะทำให้โปแตสเซี่ยมในเลือดสูงอย่างแน่นอน ผลไม้ที่ควรเลี่ยงคือพวกมีโปแตสเซี่ยมมาก ๆ หรืออยู่ในระดับกลางเช่น ทุเรียน ลำไย กล้วย สับปะรด ฝรั่ง เงาะ ส้ม มะม่วง องุ่น ลิ้นจี่ ละมุด ขนุน มะละกอ แต่สำหรับ แตงโม จะมีโปแตสเซี่ยมน้อยมาก แต่ที่ต้องงดแน่นอนคือ น้ำส้มคั้นหรือน้ำผลไม้รวม แต่ผู้ป่วยบางรายหมออาจให้งดผลไม้ทุกชนิด บางรายอาจให้กินเพิ่ม เนื่องจากท่านอาจเป็นโรคไตที่มีเกลือรั่วทางปัสสาวะมากร่างกายขาดเกลือ หมออาจให้กินเค็มและกินผลไม้เพิ่ม
สรุปว่า ถ้าท่านเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ให้ถามหมอของท่านว่า " กินได้มากน้อยเท่าไร " เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
น้ำ คนเราต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยงไตตลอดเวลาถ้าขาดน้ำไตจะเสื่อมลงเร็ว บางรายอาจเสื่อมทันที เช่นผู้ป่วยโรคไตกินของแสลงแล้วท้องเสีย ผู้ป่วยจะต้องล้างไตทันที ดังนั้นต้องดื่มน้ำในแต่ละวันพอควร และถ้าเป็นโรคไตที่ขับน้ำไม่ได้หรือโรคไตเรื้อรังระดับ 4 - 5 แล้ว ถ้ากินน้ำมาก ๆ น้ำอาจคั่งในตัวและเกิดภาวะน้ำท่วมปอด หัวใจวายได้ สรุปว่า " ต้องกินน้ำให้พอเพียง แต่ต้องไม่มากเกินไป " ดังนั้นน้ำใน 1 วันพอเหมาะอยู่ที่ตรงไหน ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคน เช่นตวงปัสสาวะได้ 1 ลิตรต่อวัน นำมารวมกับปริมาณที่สูญเสียไปกับเหงื่อ อุจจาระ ลมหายใจประมาณวันละครึ่งลิตรดังนั้นควรดื่มน้ำวันละ1.5 ลิตร เป็นต้น แต่ต้องดูว่าอาหารที่กินเข้าไปมีพวกน้ำมากหรือเปล่าเช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำ โจ๊ก ข้าวต้ม แกงต่าง ๆ ซุปต่าง ๆ เนต้น อาหารดังกล่าวจะมีน้ำมากต้องหักลบปริมาณน้ำออกจากน้ำที่จะดื่มต่อวัน แต่ถ้ากินอาหารรสจัด จะทำให้ดื่มน้ำมากจึงควรเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดทุกชนิด
เรื่องการกินอาหารนั้นยังมีรายละเอียดมากผู้ป่วยควรศึกษาให้ดีและสอบถามหมอ พยาบาล ที่รักษาดูแลเรา หรือผู้รูเรื่องอาหารก็จะดีต่อสุขภาพของเราเอง
สมพงษ์/ผู้เสนอ/รายงาน
เยี่ยมเลยครับ
อันนี้เป็นความรู้เรื่องอาหารสำหรับคนไข้โรคไตของสมาคมโรคไตนะครับ ละเอียดดี เอาไปศึกษากันครับ
มีอยู่ประโยคหนึ่งครับเขียนผิด คำที่ว่าผักที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ... คำที่เขียนผิดก็คือ
คำว่า"ควร" จาก ร.เรือ เป็น ย.ยักษ์ ครับแก้ไขด้วยครับ ก่อนถึงคำที่ลากแถบสี
แดงครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณน้องแดงมาก..ทีหลังทำให้ดวยนะ / พี่พงษ์
อาหารที่ต้องพร้อมไปกับการรักษาที่ดีวันนี้เลยเอาการรักษานี้มาแบ่งให้ได้อ่าน
การรักษาโรคมะเร็งในไตด้วยยาชีวโมเลกุล
วัตถุประสงค์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มเป้าหมายได้ถือว่ามีบทบาทเด่นในการรักษาโรคที่มีการแพร่กระจายเซลล์มะเร็งของไต (mrcc) เป้าหมายคือเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหัวข้อการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
หลักฐาน สันนิทินิบ (Sunitinib) แสดงถึงการรักษามาตรฐานในแนวหน้า สำหรับระดับดีและระดับกลางของกลุ่มการที่ได้รับการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยที่มีเซลล์มะเร็งในไตที่ชัดเจน เอนติบอดี้ที่ใช้ในการรักษามะเร็ง(bevacizumab) / อินเตอร์ฟีรอน(interferon) และ พาโซพานิป (pazopanib) นอกจากนี้ยังมีองค์การอาหารและยาได้รับการอนุมัติเป็นตัวแทน กลุ่มแรกขณะที่ โซราเฟนิป (sorafenib) ได้ย้ายไปยังกลุ่มที่สองและการรักษาในภายหลัง
Temsirolimus (ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งไตระยะลุกลาม) ตัวยับยั้ง เอ็มทอร์ mTORan (mammalian Target of Rapamicin)แนะนำการรักษาแนวหน้าสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นทางเลือกแนวหน้าที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีเนื้อเยื่อของเซลล์ที่ไม่ชัดเจน
สรุป ในแง่ของความก้าวหน้าในการทำความเข้าใจชีววิทยาของ MRCC ยาชนิดใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับทางเลือกในการรักษาที่เพิ่มมากขึ้น