กรมบัญชีกลางออกหลักเกณฑ์ปรับเพิ่มอัตราค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีใหม่ สถานศึกษาของ
ทางราชการ เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 20,000 บาท ส่วนของเอกชนให้เบิกได้ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน ปีละ 20,000 บาท ตั้งแต่ปีการศึกษา 2551
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่กรมบัญชีกลางได้ขยายสิทธิการให้เบิกเงินช่วยเหลือเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรให้แก่ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับบำนาญ ผู้มีสิทธิ โดยให้เบิกค่าเล่าเรียนได้ถึงระดับปริญญาตรี มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 โดยให้เบิกได้
เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินปีการศึกษาละ 15,000 บาท สำหรับสถานศึกษาของทางราชการ และเบิกจ่ายได้ครึ่งหนึ่ง
ของจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินปีการศึกษาละ 15,000 บาท สำหรับสถานศึกษาเอกชน แต่เนื่องจากปัจจุบัน
ภาวะเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไปมาก อัตราค่าครองชีพปรับสูงขึ้น ทำให้กรมบัญชีกลางต้องมีการทบทวนอัตราการเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง
นายมนัส แจ่มเวหา กล่าวต่อว่า หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการขอเบิกเงินสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตรในระดับปริญญาตรี ของผู้มีสิทธิจากส่วนราชการต่าง ๆ แล้ว เห็นว่าอัตราค่าเล่าเรียน
ที่กำหนดไว้นั้นต่างจากข้อเท็จจริง จึงได้มีการปรับเพิ่มอัตราเงินบำรุงการศึกษาและค่าเล่าเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาตรี ในสถานศึกษาของทางราชการ ให้เบิกจ่ายได้เต็มจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินปีการศึกษาละ 20,000 บาท ส่วนสถานศึกษาของเอกชน ให้เบิกจ่ายได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินปีการศึกษาละ 20,000 บาท ซึ่งผู้มีสิทธิสามารถนำใบเสร็จที่สถานศึกษาเรียกเก็บมาเบิกได้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2551 เป็นต้นไป
นายมนัส แจ่มเวหา กล่าวต่อท้ายว่า การเบิกเงินค่าการศึกษาในระดับปริญญาตรีนี้ สามารถเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ทุกประเภทในลักษณะเหมาจ่ายทั้งปีการศึกษา ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นต้องเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ที่สถานศึกษาได้รับอนุมัติให้เรียกเก็บตามระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศของสถานศึกษานั้น ๆ และถ้าได้มีการเบิกค่าการศึกษาของบุตรไปแล้วในภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2551 ยังไม่ครบตามสิทธิ ก็ให้นำหลักฐานการชำระค่าการศึกษาของบุตรมาขอใช้สิทธิเบิกเงินเพิ่มในส่วนที่ไม่ครบสิทธิได้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551
ขอตัวระเบียบ
กรมบัญชีกลางช่วยตอบที มหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทย ที่ต้องจ่ายเฉพาะค่าหน่วยกิต ปีละ 20,000 บาท มีไหม นี่แหละเจตนาของระเบียบที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือข้าราชการเงินเดือนน้อยๆ แต่กรมบัญชีกลางกลับออกกฏสวนเจตนารมณ์ของการช่วยเหลือสวัสดิการข้าราชการ
ก่อนหน้านี้..นายมนัส แจ่มเวหา เคยกล่าวว่า การเบิกเงินค่าการศึกษาในระดับปริญญาตรีนี้ สามารถเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ทุกประเภทในลักษณะเหมาจ่าย ทั้งปีการศึกษา ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นต้องเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สถานศึกษาได้รับอนุมัติให้เรียกเก็บตามระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศของสถานศึกษานั้น ๆ
ปัจจุบันเกิดอะไรขึ้น? รายการเดียวกัน ระบุเหมือนกัน ใบเสร็จเหมือนเดิม ซึ่งเคยเบิกได้เป็นปกติ..จู่ๆจึงเบิกไม่ได้ หรือเพราะนโยบายการดูแลข้าราชการของรัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นอย่างนี้เสมอ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล
รัฐบาลประชาธิปัตย์??????
ห่วยแตก ขยายให้ 20,000 บาท แต่ออกกฏเกณท์มาจำกัดสิทธิมากมายเคยเบิกแบบเหมาจ่ายได้ภาคเรียนละ 10,000 บาท ปีนี้โดนหั่นเหลือ 3,000 บาท เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงิน เอาเงินไปหาเสียงเรียนฟรี 15 ปี หมดแต่นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ก็แย่มากทิ้งภาระให้โรงเรียน เช่นหนังสือไม่มีจำหน่าย จนปานนี้แล้วยังไม่มีหนังสือเรียน จะปิดภาคเรียนที่ 1 แล้ว ได้แต่ทำใจ เศร้าใจ กับรัฐบาลรัก-ยม
ปี 2551 เบิกได้เต็ม 15,000 บาท พอปี 2552 ขยายให้เบิกเป็น 20,000 บาท แต่เบิกได้เพียง 3,000 บาทเท่านั้น เสียความรู้สึกมันแย่มาก ๆๆๆๆๆๆๆเซ็งๆๆๆๆๆๆๆๆเป็ด
ตอนนี้อยู่ปี 3 แล้ว สามารถนำใบค่าเทอมเทอมที่2 กับ 3 ของปีที่สองมาทำเรื่องกับทางมหาวิทยาลัยแล้วนำเอกสารนั้นไปยื่น เพื่อของเบิกค่าเล่าเรียนบุตรค่าราชการได้มั้ยค่ะ เพราะว่าในใบเสร็จทั้งสองเทอมที่ผ่านมายังไม่ครบกำหนดหนึ่งปี
ถ้าเรียนมาจบปีที่หนึ่งแล้วจะเปลี่ยนสาขามาเรียนอีกสาขานึงจะเบิกค่าเล่าเรียนได้อยู่ไหม
ที่ผ่านมา เบิกได้ ปวส ต่อมาก็เบิกได้ถึง ป.ตรี ต่อไปก็เห็นควรให้เบิกได้ ถึง ปริญญาโทได้แล้วเพื่อให้โอกาศบุตรข้าราชการผู้น้อยได้มีโอกาศมากขึ้น ดูค่าของค่าเล่าเรียนแพงไม่รู้จะแพงอย่างไรดีแล้ว ต่อไป จบ ป.ตรีก็เหมือน ม.6 สมัย 10ปีที่แล้ว ม.6 สมัยก่อนยังหางานง่ายกว่าจบ ตรีสมัยนี้เสียอีก ด้วยความกรุณาครับ