"การวางแผน" (Planning) ก็เหมือนกับการนำเอาความฝัน หรือสิ่งที่เราหวังอยากให้เป็น มาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ประเด็นสำคัญคือการวางแผนนั้นจะต้องไม่อยู่นิ่ง แต่พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และความเหมาะสม หากทำไปแล้วเห็นท่าว่าจะไม่ดี หรือมีปัจจัยต่าง ๆ มากระทบ เราอาจจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ก็ได้ ซึ่งครั้งหนึ่ง ท่าน ก.พ.ร. ธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์ เคยเขียนไว้ในบทความหนึ่งของหนังสือพิมพ์ประชาชาธุรกิจว่า การวางแผน หรือ Planning นั้น จะต้องปรับเปลี่ยนได้ ไม่ตายตัว มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นการวางแผนในกระดาษที่เรียกว่า 'แปลนนิ่ง' คือ 'นิ่ง' จริงๆ ตามความหมายในภาษาไทย
วิธีการในการวางแผนนั้น โดยทั่วไปแล้ว จะมีอยู่ 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ การวางแผนจากข้างบนลงสู่เบื้องล่าง (Top-Down Process) และการวางแผนจากล่างขึ้นสู่ข้างบน (Bottom-Up Process)
วิธีแบบ Top-Down Process นั้น เป็นวิธีที่ทุกองค์กรใช้กันมานานแล้ว เป็นลักษณะการสั่งการจากด้านบน คือจากผู้บังคับบัญชา ผู้บริหาร หรือ CEO และให้ลูกน้องทำตามคำสั่ง ซึ่งมีข้อดีคือ การดำเนินการจะรวดเร็ว เบ็ดเสร็จ แต่ก็มีข้อเสียคือ แผนที่ได้นั้นจะไม่ได้รับแนวความคิดที่หลากหลายจากคนหลายกลุ่ม จากผู้ปฏิบัติงาน หรือจากประชาชนอย่างแท้จริง
วิธีแบบ Bottom-Up Process เป็นลักษณะของกระบวนการที่มาจากด้านล่าง ซึ่งก็คือการเข้ามามีส่วนร่วมของระดับผู้ปฏิบัติการ หรือจากประชาชนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีข้อดีคือ ได้แผนที่ตรงใจคนทำงานหรือประชาชนมากกว่า แต่ก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน เพราะบางทีอาจจะทำอะไรไม่ได้เลย หากลูกน้องหรือประชาชนไม่เห็นด้วยมาก ๆ หรือมีการแบ่งกลุ่มการทำงานหรือกลุ่มของประชาชนขึ้นมา ทำให้เกิดความวุ่นวายได้
การวางแผนที่ดีนั้น ควรต้องมีความเหมาะสมกับสถานที่ สังคม และช่วงเวลา และบางครั้งอาจต้องนำทั้ง 2 วิธีมาผสมผสานกัน
ที่มา
http://www.opdc.go.th/oldweb/thai/E_Newsletter/October48/plan.htm 15 08 51
ไม่มีความเห็น