การสร้างทานบารมีที่ถูกต้องของชาวพุทธ.


                                                                          

 

               ทานมังสวิรัติผ่องใสทุกเมื่อ

               บุญนิยมรวมใจเป็นหนึ่ง

               เมตตาธรรม กว้างเกื้อมโนน้อมบูชา

ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ  เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถซึ่งเป็นมิ่งขัวญของปวงชนชาวไทย คนไทยทั่วประเทศได้บำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระองค์ท่านผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ปีนี้ก็เช่นเคย คณะผู้ปฏิบัติธรรมที่มีศรัทธาตามแนวปฏิบัติของ"วัดป่าวังไฮ"ได้ร่วมมือร่วมใจจัดโรงบุญมังสวิรัติ๑๒สิงหาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งปีนี้จัดที่วัดไม่ได้จัดนอกวัดเหมือนทุกปีที่ผ่านเพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่จะมาร่วมงานเพราะทุกปีที่ผ่านมาโรงบุญของเราเจอฝนทุกปีประกอบกับปีนี้กำลังคนเราก็น้อยลงทางวัดและคณะกรรมการโรงบุญมีมติตกลงให้จัดกันที่วัดซึ่งไม่ต้องเตรียมสถานที่ไม่ต้องกางเต๊นท์เหมือนทำข้างนอกวัดสำหรับโยมที่อยู่ใกล้หรือไกลต้องการจะมาร่วมบุญรับแจกอาหารก็มาได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑จะได้ช่วยกันเตรียมการเตรียมอาหาร และในตอนเย็นจะได้ร่วมกันสวดมนต์เจริญภาวนา ฟังธรรมเพื่อเพิ่มบุญกุศลให้เป็นกำไรของชีวิต 


        หลักการของโรงบุญมังสวิรัติ

๑.แจกอาหารมังสวิรัติ

๒.ผู้ให้ไหว้ผู้รับ

๓.ไม่มีการเรี่ยไรใดๆบริเวณโรงบุญ

๔.รับบริจาคเฉพาะพืชผักผลไม้
      
     "การให้ ที่มีคุณค่ามากที่สุดและสำคัญที่สุดคือการให้ ชีวิต แก่เพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย"

    มหาตมะ คานธี  รัฐบุรุษสำคัญของโลกชาวอินเดีย กล่าวไว้ว่า "ข้าพเจ้าสำนึกจริงๆว่า การเจริญทางจิตวิญญาณนั้น เมื่อมาถึงชั้นหนึ่งแล้วมนุษย์ต้องหยุดเสพอย่างเอร็ดอร่อย  ด้วยการเอาชีวิตของเพื่อนร่วมโลกมาสังเวยความอยากของเรา"
  อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก กล่าวไว้ว่า"ข้าพเจ้าเชื่อว่าการกินอาหารมังสวิรัติซึ่งมีผลต่ออารมณ์และจิตใจของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัดจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างยิ่ง"
  ตอลสตอย นักประพันธ์รางวัลโนเบล กล่าวไว้ว่า"ในเมื่อตัวเราเองก็ยังคือป่าช้าเป็นๆที่ฝังศพสัตว์ตายโหง แล้วเราจะหวังสิ่งที่สูงให้เกิดขึ้นได้อย่างไร "
พระ ดร.โลกนารถ นักบุญชาวอิตาเลียนได้คำนวณเอาไว้ว่า"ในชีวิตมนุษย์เราถ้าคงอยู่ไปจนอายุ๖๐ปีจะต้องกินวัวควาย ตั้ง๓,๐๐๐ตัวไก่๒๐,๐๐๐ตัว"ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีชีวิตอยู่คนเดียว จะต้องทำลายล้างผลาญชีวิตสัตว์มากมายก่ายกอง ดังนี้จะเห็นได้ว่าปากและท้องของมนุษย์เป็นป่าช้าฝังศพสัตว์อันกว้างใหญ่ไพศาลโดยมีลิ้นเป็นนายสัปเหร่อที่สับปลับและโสโครกโสมมที่สุดในโลก"
                                 
พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นศาสดาเอกของโลกได้ตรัสเอาไว้ใน"ลังกาวตารสูตร"(พระสูตรนี้ท่านเจ้าคุณพุทธทาสได้แปลไว้)"โอบัณฑิต! เรากำลังประกาศว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นการกินเนื้อบุตรของตนเองอยู่ดังนี้ แล้วจะกล่าวไปได้อย่างไรได้ที่เราจะบัญญัติให้สาวกของเรากินเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นของจัดไว้ต้อนรับของพวกคนใจอำมหิต เป็นของถูกห้ามโดยท่านสัตบุรุษทั่วไป เต็มไปด้วยมลทินปราศจากคุณใดๆไม่เหมาะสำหรับที่จะบริโภคสำหรับผู้ต้องการความบริสุทธิ์และเป็นของควรห้ามเด็ดขาดโดยประการทั้งปวง...

     
โอ!บัณฑิต!มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ ไม่น่าบริโภคอยู่ในเนื้อสัตว์เช่นเดียวกับกลิ่นแห่งศพ แม้เหตุผลเพียงแค่นี้ เนื้อก็เป็นของไม่ควรบริโภคสำหรับพุทธศาสนิกชนอยู่แล้ว ถ้าหากศพถูกเผาและเนื้อสัตว์อย่างใดก็ถูกเผา มันก็จะมีกลิ่นอันน่ารังเกียจไม่แตกต่างอะไรกันเลย ดังนั้น"บรรพชิต "ในพระพุทธศาสนาผู้หวังความบริสุทธิ์จะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ใดๆเลย"
    หากท่านเป็นผู้มีธุลี(ไม่ใช่ภูเขา)บังในดวงตา ด้วยเหตุผลมากมายของปราชญ์หลายท่าน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการเลิกกินซากศพได้แล้ว และเมื่อนั้นท่านจะพบว่าศาสนาพุทธนั้น ทันสมัยใหม่เสมอ(MODernization)

และเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่ไม่มีตกยุคหรือตกรุ่น(อกาลิโก)  
   ข้อมูลเพิ่ม..http://www.vegsog.org/http://www.vrg.org
     @...ขอความสุขที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนจงมีแด่มวลมนุยชาติ...@


 

หมายเลขบันทึก: 198479เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2008 20:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 17:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

                                     สาธุ

                               

  • อนุโมทนาสาธุกับโยมคุณครุสายธาร
  • บุญรักษา

เป็นบันทึกที่สวยงามครับ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท