คุณสมบัติของผู้เรียนดี


ฟังคิดถามเขียนคือบัณฑิต

                 คุณสมบัติสำคัญของผู้เรียนที่เราได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็คือ  สุจิปุลิ  คนที่เรียนดีต้อง  สุจิปุลิ สุก็คือฟัง  สุตะ  หมั่นฟังอยู่เสมอ  ตั้งอกตั้งใจฟัง อย่าขี้เกียจ  บางคนในขณะที่ฟังอยู่ทำโน่นบ้าง ทำนี่บ้าง มันก็ไม่ได้เท่าไหร่ ยิ่งฟังไปก็คุยแข่งกันไปกับผู้สอน  ยิ่งไม่ได้อะไรเลย

          จิ คือ จินตา  เอามาคิดว่าสมเหตุสมผลไหม  ที่เราได้ฟังมานั้นเชื่อถือได้ไหม  เป็นจริงไหม  ถูกต้องไหม  คิดแล้วต้องค้นคว้าเพิ่มเติม ไม่ให้อะไรมันติดสงสัยอยู่ เป็นคุณสมบัติของผู้เรียนที่ดี แต่ไม่ใช่คิดนอกเรื่อง เพ้อเจ้อ ฟุ้งเฟ้อไป แต่ว่าคิดเป็นระบบ

                ปุ  คือ  ปุจฉา  คิดแล้วหมั่นถามคนอื่นบ้าง ถามนี่มีลักษณะหลายอย่าง  ถามเพื่อเทียบเคียงความคิดเห็นก็ได้  ถามเพื่อจะรู้สิ่งที่ยังไม่รู้ก็ได้  ลักษณะของคำถามจึงมีหลายอย่าง  บางทีคำถามเดียวแต่ผู้ตอบเป็นผู้เชี่ยวชาญ  จะได้ความรู้จากคำถามมากเลย

                ลิ  คือ ลิขิต  เขียนบันทึก  จดแล้วก็จำ  จดแล้วเอาไปหมั่นท่องหมั่นสาธยาย คนที่ฟังแล้วก็คิด แล้วก็ถาม  ถ้าไม่เขียนแล้วก็ลืม  คนที่จดเก่งแล้วหมั่นดูที่จดเอาไว้  จะได้กำไรกว่าคนที่ฟัง  แล้วไม่คิดไม่ถาม และไม่จดบันทึก

                สิ่งที่สำคัญก็คือพยายามศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง  เรียนในชั้นเรียนหรือเรียนกับครูพอเป็นพื้นฐาน  นอกจากนั้นก็เรียนเอง  ค้นคว้าเอง  สอบสวนเอง  หมั่นทดสอบเปรียบเทียบ อย่างนี้จึงเรียกว่า เรียนดี

                มีสุภาษิตทางภาษาบาลี ว่า  สุจิปุลิวินิมุตฺโต  กถํ โส  ปณฺฑิโต  ภเว  พ้นจากสุจิปุลิเสียแล้ว  จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร  สุจิปุลิสุสมฺปนฺโน  ปณฺฑฺโตติ ปวุจฺจติ  เพราะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสุจิปุลิ  ท่านจึงเรียกว่าเป็นบัณฑิตเป็นผู้รู้ ผู้ฉลาด

หมายเลขบันทึก: 197972เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2008 07:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ใข่แล้วครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง เดี๋ยวนี้นักเรียนเราอ่อนมากทั้งการอ่านและการฟัง มีแต่คนพยายามจะพูด พูดแต่เรื่องไร้สาระมากขึ้นทุกวัน ตามที่เขาโฆษณาคุยกันมากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้น ก็กลายเป็นยิ่งคุยมากยิ่งเข้าใจผิดกันมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่ที่คุย ไม่คุยเรื่องสร้างสรรค์ แต่มักเป็นเรื่องนินทาเสียเป็นส่วนใหญ่ น่าจะมีใครบอกพวกเขาบ้างนะ ว่าควรพูดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์และสนใจฟังเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากขึ้น เพราะเรามีสองหูแต่มีหนึ่งปาก ฉะนั้นธรรมชาติให้เราฟังมากกว่าพูดอยู่แล้ว

  • ปลูกฝัง..ส่งเสริมการอ่านการฟังสื่อที่สร้างสรรมีสาระให้เหมาะสมตามวัย
  • ทุกวันนี้ยอมรับว่าสิ่งที่มอมเมามันมากค่อยคิดค่อยแก้ไขปัญหาก็จะลดลงได้
  • การศึกษาแบอย่างของพุทธต้องสนับสนุนให้มีมากๆ
  • เคยไปดูงานการศึกษาของโรงเรียนสัมมาสิกขาที่จังหวัดอุบลที่ใช้การเรียนการสอนแบบวิถีพุทธที่มี ปรัชญาการศึกษาที่ไม่เหมือนโรงเรียนไหนในประเทศไทย..คือ ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา รุ้สึกว่าดีมากๆ หากผู้ที่เกียวข้องกับงานการศึกษาของชาติทุกระดับได้ไปศึกษาและสามารถนำมาปรับเปลี่ยนใช้กับการศึกษากระแสหลักคงจะช่วยให้ปัญหาในการศึกษาที่มีมากมายลดลงได้..กราบนมัสการครับ***

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท