t writeเขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2549 16:20 น. ()
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2555 22:42 น. ()
การเมือง, พยาบาลชุมชน
กว่าที่บันทึกนี้จะปรากฎต่อสายตาผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านก็คงหลายวันเพราะดิฉันใช้ความพยายามมาหลายวันแล้วในการเขียนบันทึกใหม่เรื่องนี้
แต่คงเป็นเพราะความมือใหม่ค่ะจึงเจอความยากลำบากพอสมควรในการเขียนค่ะ
ปัจจุบันนี้หากไม่พูดถึงเรื่องการเมืองก็คงเป้นเรื่องแปลกๆอยู่ค่ะ
การเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยไปแล้วจริงๆคำๆนี้น่าจะพูดอย่างนี้ได้ค่ะเพราะว่าจากการเข้าไปทำงานในชุมชน
ซึ่งคนที่อยู่ในชุมชนของดิฉันคือคนรากหญ้าอย่างที่ท่านคงได้ยินผู้นำหลายๆคนพูดกล่าวอ้างถึง
ไม่ว่ากลุ่มคนกลุ่มใดที่นั่งรวมกันอยู่หากไม่พูดถึงเรื่องการเมือง
เรื่องหุ้น เรื่องการเสียภาษีนั้นคงเชยๆไปซะแล้ว
คำว่าเทมาเสกนั้นเป็นคำคุ้นเคยค่ะไม่เว้นแม้แต่พ่อใหญ่วัยเกือบ90ปี
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่มากับการเมือง
ในแง่ของข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันในแง่สุขภาพนั้นสิ่งที่เห้นได้ชัดคือความเครียดไปนั่งคุยกับกลุ่มชาวบ้านที่ไหนก็จะได้ยินเสียบ่นเรื่องนอนไม่หลับ
เรื่องเครียดร่วมไปกับการเมือง นั้นคือผลกระทบด้านสุขภาพ
บางบ้านถึงกับเล่าว่าเชียร์กันคนละฝ่ายทะเลาะกันก็มี
สิ่งที่ดิฉันพยายามแลกเปลี่ยนและได้ข้อสรุปคือว่า
อย่าพยายามเอาเรื่องการเมืองเข้ามาคุยในบ้านเน้นย้ำเสมอคือว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อหากจะพูดคุยกันก็ควรตกลงกันก่อนค่ะว่าเราจะไม่พูดคัยเพื่อเอาชนะกันเด็ดขาด
นั้นคือเราต้องเชื่อในความแตกต่างก็จะทำให้ครอบครัวเราอยู่กันได้อย่างสงบและคงไว้ซึ่งความพึ่งพอใจในฝ่ายที่เราต่างก็เชียร์อยู่ค่ะ
ท่านคิดอย่างไรค่ะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวหากมีมุมมองที่ดีที่สามารถมองเห็นได้น่าจะเป็นความน่าดีใจที่คนไทยได้ให้ความสนใจกับเหตุบ้านการเมืองมากขึ้นนั้นคือประชาธิปไตยของไทยเดินมาไกลแล้วนะ
แม้ความแตกต่างทางความคิดจะต่างกันเชียร์คนละฝ่ายกันแต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันเชื่อแน่ๆคือไม่มีใครต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นไม่ต้องถอยคนละก้าวก็ได้ค่ะแต่อยากให้เดินไปพร้อมกันเพื่อพร้อมกันไปเพื่อพัฒนาประเทศอันเป็นผื่นแผ่นดินที่ให้กำเนิดและทุกคนคงรักแผ่นดินไทยแห่งนี้เช่นกันร่วมกันพัฒนาประเทศกันเถอะค่ะ
เพราะภาพสุดท้ายที่ดิฉันเห็นจากในชุมชนก็คือหลังจากพูดคุยกันเรื่องการเมืองและทะเลาะกันแล้วดิฉันก็ยังเห็นภาพและได้ยินกลุ่มคนรากหญ้าของดิฉันชวนกันรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันซึ่งมื้อนั้นทำให้ดิฉันได้พลอยอิ่มไปด้วยค่ะ
ความเห็น
ขอ
ลปรร.ด้วยคนครับว่า…พลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ลองช่วย ๆ
กันจุดประเด็น “คุณธรรมจริยธรรมกับชีวิต”
ความจำเป็นที่เราต้องแสวงหาคุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง
ไม่เพียงแต่เก่ง “อัศวินที่ดีต้องทั้งดีและเก่ง” ทำอย่างไรที่ 1
เสียงนั้นได้พิจารณาคนที่มีคุณธรรมเป็นพื้นฐาน และเป็นประเด็นแรก ๆ
ในการตัดสินใจ ครับ! คนละไม้คนละมือนะครับ
อยากเชิญชวนครับสร้างโอกาสในคนเรานึกถึงประเด็นนี้ต่อไปในอนาคตด้วย…(ยิ้ม
ๆ)
ผ่านเข้ามาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกว่าใช่เพื่อนฉันแน่ๆใช่ไหม
ใช่เลยทิพเพื่อนเก่าไม่แปลกใจเลยเพราะเมื่อก่อนเด็กพยาบาลหลังห้องก็ได้อ่านสิ่งที่ทิพเขียนแล้วยัดเยียดให้อ่านบ่อยๆ
(ล้อเล่น) ดีใจที่เข้ามาเจอบล็อกของคนกันเอง
ได้อ่านแล้วจึงอยากมีข้อคิดเห็นกับทิพว่าเห็นด้วยกับความเชื่อเรื่องการ
ลปรร. ไม่มีใครรู้ไปทั้งหมดอย่างที่ทิพว่า
การมองโลกและมุมมองของคนแต่ละวิชาชีพก็ต่างกันไปแม้แต่ทิพเองที่ผันตัวเองไปเป็นพยาบาลชุมชนและเราเองที่เป็นพยาบาลบนตึกแต่สิ่งที่เราเชื่อรวมกันคือความสงบสุขของชาติบ้านเมืองใช่ไหมและการดูแลที่มีคุณภาพจากพยาบาลใช่ไหม
สิ่งที่ทิพเขียนเป็นความจริงที่สะท้อนภาพคนในชุมชนของเราเองบ้านที่เราอยู่เองก็เป็นเช่นกัน
และเชื่อเช่นกันว่าความจริงที่ชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคงมีมากกว่านั้น
เป็นต้นว่าใครๆเข้าไปเป็นรัฐบาลก็โกง
เราเลือกเอาคนโกงที่แม้โกงก็แบ่งเราบ้างไม่ดีกว่าหรือ
นี้คือฝ่ายนะที่อาจจะบอกว่าเก่งก็จริงแต่ก็เอาผลประโยนช์เข้าพวกตัวเอง
คนเก่งก็ควรต้องมีคุณธรรมด้วย มั่นใจว่าทิพต้องเจอแบบนี้
เพราะเมื่อหันกลับไปดูรายละเอียดบล็อกแล้วก็เกิดความเข้าใจทำไมบันทึกทิพจึงสื่อออกมาทำนองนี้
ชมและเป็นกำลังใจดังๆนะคงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์แต่ก็มีกลิ่นอายเหตุการณ์ปัจจุบันที่สามารถเชื่อมเข้ากับประเด็นด้านสุขภาพได้ลงตัว
ดีใจที่เห็นบันทึกนี้เพราะเชื่อว่าทิพไม่ข้ามประเด็นนี้ไปแน่ๆ
ร่วมทั้งดีใจที่จะมีที่บ่นและพูดคุยหรือมีคนที่จะมาคิดช่วยค่ะ
"ความซื่อสัตย์
เป็นจริยธรรมทั้งของการบริหารภาครัฐและของผู้บริหาร
ความซื่อสัตย์ในการบริหารงานคือ
ความซื่อสัตย์ของผู้บริหารความซื่อสัตย์ไม่ได้หมายถึง
การประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้น
แต่ต้องถูกต้องตามจริยธรรมและศีลธรรมด้วย"
พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษปาฐกถาพิเศษ "จริยธรรมของการบริหารภาครัฐ"
ครบรอบ 50ปี คณะรํฐประศาสนศาสตร์ 9 กรกฏาคม 2548 ณ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
อ้างอิงจากวารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามันสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
ปีที่ 28 ฉบับที่4 ตุลาคม-ธันวาคม 2548 หน้า 47
เชื่อมั่นเช่นเดียวกันค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ เข้ามาอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแต่ดึกมากแล้ว
กว่าที่จะลงเวรเกือบตี 1
นานๆที่ดิฉันจะได้มีโอกาสไปขึ้นเวรที่โรงพยาบาลค่ะ
ความนานนี้เองกระมั้งที่ทำให้เห็นความต่างนั้นคือคนไม่สบายกันมากขึ้น
ขนาดโรงพยาบาลที่ดิฉันอยู่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กๆ
ตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆนะค่ะ
ในความนานนี้แหละค่ะทำให้แปลกใจอีกค่ะว่าทำไมคนไทยเป็นวัณโรคกันมากขึ้น
อาจจะเป็นเพราะคนไข้เอดส์เพิ่มมากขึ้นกระนั้นหรือแต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันกังวลมากไปเท่ากับผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นวัณโรคมานานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ
แต่ผลการx-ray พบว่าปอดเป็นจุดเต็มไปหมด
ด้วยวิญญาณของคนชุมชนค่ะสิ่งที่กังวลคือเมื่อผู้ป่วยไม่ทราบเลยว่าตนเองเป็นวัณโรค
การปฏิบัติตัวที่บ้านจะเป็นอย่างไร
แน่นอนดิฉันมองเรื่องการกระจายของเชื้อค่ะ
แต่นึกยังไม่ออกค่ะว่าเราจะสามารถช่วยในการวินิจฉัยหรือคัดกรองคนกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคนี้อย่างไร
ซึ่งขณะที่เขียนบันทึกนี้ดิฉันเขียนด้วยความรู้สึกล้วนๆจริงๆค่ะ
ยังไม่ได้ review เอกสารใดๆเลย
ดังนั้นท่านใดที่ผ่านเข้ามาหากมีความคิดดีๆช่วยแนะนำด้วยเถอะค่ะ
ขอบคุณทุกความเชื่อมั่นของทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น
ในทัศนะของดิฉันเองดิฉันมีความเชื่อในตัวเองอยู่ไม่กี่อย่างค่ะคือเชื่อเรื่องความดี
เชื่อเรื่องบุญคุณ
เชื่อเรื่องความรักหมายถึงทุกความหมายของความรักนะค่ะ
สำหรับในเรื่องความคิดแล้วเชื่อว่าความคิดมี 3
ด้านคือความคิดของตัวดิฉ้นเอง
ความคิดของคนอื่นและความคิดที่เข้ามาคิดร่วมกับเราค่ะ
ดังนั้นในบันทึกเรื่องดังกล่าวที่เขียนไปแล้วความคิดของตัวดิฉันเองเชื่อเหมือนคำกล่าวที่ไม่แน่ใจว่าใครกล่าวไว้ค่ะ(กราบขออภัยที่ไม่ได้อ้างอิงค่ะ)
ว่า " การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องของการเสียเกียรติ
ใครๆก็รักคนที่ยอมแพ้เพื่อให้เรื่องจบ"
อ่านแล้วรู้สึกชอบค่ะในเวลาที่อยากแพ้แต่ไม่ได้ชวนใครแพ้นะค่ะ
อย่างไรก็ตามโลกเรามีมุมมองหลากหลายมุมมอง
คิดดีมองโลกในแง่บวกหรือหากบวกยังไม่พอลองมองในมุมคูณดูบ้างแล้วท่านจะรุ้สึกว่าจริงๆแล้วรอบตัวเรามีแต่คนที่ดี
ๆไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งค่ะ
ช่วยกันหนุนและเสริมคนดีให้เขาคนดีเหล่านั้นได้รู้สึกว่าความดีที่เขาเหล่าคนดีนั้นทำมันก่อให้เกิดความดีมากมายกับคนส่วนรวมอย่างไร
ดิฉันเองก็พยายามที่จะเป้นคนดีในทุกๆวันค่ะ ท่านละค่ะ
เครียดจังเลย จะเปลี่ยนแนวเขียนบ้างไหมเนี่ย
เช่นว่าเพลงไหนใหม่แล้วเพราะๆ
หนังสือเล่มไหนน่าอ่านแนะนำแล้วเชื่อมเข้ากับเรื่องพยาบาลชุมชนได้ไหมทิพ
ยกตัวอย่างเช่น
เวลาที่เรารักใคร
ทุ่มเทไปทั้งหัวใจ
ไม่แคร์ภายนอกจะมองเช่นไร
จะเดินดินหรืออยู่บนฟ้าก็ไม่สำคัญ
*เรื่องใจไม่มีเหตุผล หากรักมันพร้อมจะเกิด
ก็ปล่อยมันไป
**อยากบอกว่ารักดีๆไม่มีกฎเกณฑ์ที่แท้จริง
ไม่ว่าหญิงหรือชายถ้าเธอกับฉันรักกันอยู่
จะมีใครรู้จริงๆเท่าใจของเรานั่นแหละที่สำคัญ
ให้สองคนนั้นมั่นคงไว้ในใจก็พอ
ต้องผ่านอะไรมากมาย
ต้องใช้เวลาเท่าไร
ที่จะเจอคนนี้ที่เราไว้ใจ
จะไม่ยอมให้สิ่งใดทำเราแยกกัน
(ซ้ำ*,**)
ลองมองออกไป ในใจคนเราไม่ต่าง
ต่างต้องการความรักมาหล่อเลี้ยงใจ
กฏของสังคมจะเป็นไง เรื่องของหัวใจใหญ่กว่า
ปล่อยให้เวลาพิสูจน์ดีมั้ย
การทำงานทุกอย่างทุกอาชีพหากทำด้วยความรัก ด้วยใจ
เพื่อส่วนรวมไม่มีเรื่องขัดแย้งกันแน่ๆครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน
ทุกคนต่างล้วนกังวลกันน่ะค่ะแต่คิดดีๆเข้าไว้และเป็นกำลังใจให้กันและกันเชื่อว่าวิกฤตนี้ผ่านไปได้ไม่ยาก
ทราบว่าพี่ทำงานที่ รพ. ขอนแก่น
ตอนนี้ก็สนใจอยากกลับไปทำงานแถวบ้านจังเลยค่ะแต่ไม่ทราบว่าจะไปทำงานที่
รพ.ไหนดีขอคำแนะนำด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
gotoknow.org/kadsanee
ขอบพระคุณทุกท่านและทุกความคิดเห็นด้วยค่ะ