การเมือง:พยาบาลชุมชนกับคนรากหญ้า


การเมือง, พยาบาลชุมชน

กว่าที่บันทึกนี้จะปรากฎต่อสายตาผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านก็คงหลายวันเพราะดิฉันใช้ความพยายามมาหลายวันแล้วในการเขียนบันทึกใหม่เรื่องนี้ แต่คงเป็นเพราะความมือใหม่ค่ะจึงเจอความยากลำบากพอสมควรในการเขียนค่ะ   

ปัจจุบันนี้หากไม่พูดถึงเรื่องการเมืองก็คงเป้นเรื่องแปลกๆอยู่ค่ะ การเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยไปแล้วจริงๆคำๆนี้น่าจะพูดอย่างนี้ได้ค่ะเพราะว่าจากการเข้าไปทำงานในชุมชน  ซึ่งคนที่อยู่ในชุมชนของดิฉันคือคนรากหญ้าอย่างที่ท่านคงได้ยินผู้นำหลายๆคนพูดกล่าวอ้างถึง ไม่ว่ากลุ่มคนกลุ่มใดที่นั่งรวมกันอยู่หากไม่พูดถึงเรื่องการเมือง เรื่องหุ้น  เรื่องการเสียภาษีนั้นคงเชยๆไปซะแล้ว   คำว่าเทมาเสกนั้นเป็นคำคุ้นเคยค่ะไม่เว้นแม้แต่พ่อใหญ่วัยเกือบ90ปี   สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่มากับการเมือง ในแง่ของข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันในแง่สุขภาพนั้นสิ่งที่เห้นได้ชัดคือความเครียดไปนั่งคุยกับกลุ่มชาวบ้านที่ไหนก็จะได้ยินเสียบ่นเรื่องนอนไม่หลับ เรื่องเครียดร่วมไปกับการเมือง นั้นคือผลกระทบด้านสุขภาพ บางบ้านถึงกับเล่าว่าเชียร์กันคนละฝ่ายทะเลาะกันก็มี  สิ่งที่ดิฉันพยายามแลกเปลี่ยนและได้ข้อสรุปคือว่า อย่าพยายามเอาเรื่องการเมืองเข้ามาคุยในบ้านเน้นย้ำเสมอคือว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อหากจะพูดคุยกันก็ควรตกลงกันก่อนค่ะว่าเราจะไม่พูดคัยเพื่อเอาชนะกันเด็ดขาด นั้นคือเราต้องเชื่อในความแตกต่างก็จะทำให้ครอบครัวเราอยู่กันได้อย่างสงบและคงไว้ซึ่งความพึ่งพอใจในฝ่ายที่เราต่างก็เชียร์อยู่ค่ะ ท่านคิดอย่างไรค่ะ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวหากมีมุมมองที่ดีที่สามารถมองเห็นได้น่าจะเป็นความน่าดีใจที่คนไทยได้ให้ความสนใจกับเหตุบ้านการเมืองมากขึ้นนั้นคือประชาธิปไตยของไทยเดินมาไกลแล้วนะ แม้ความแตกต่างทางความคิดจะต่างกันเชียร์คนละฝ่ายกันแต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันเชื่อแน่ๆคือไม่มีใครต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นไม่ต้องถอยคนละก้าวก็ได้ค่ะแต่อยากให้เดินไปพร้อมกันเพื่อพร้อมกันไปเพื่อพัฒนาประเทศอันเป็นผื่นแผ่นดินที่ให้กำเนิดและทุกคนคงรักแผ่นดินไทยแห่งนี้เช่นกันร่วมกันพัฒนาประเทศกันเถอะค่ะ   เพราะภาพสุดท้ายที่ดิฉันเห็นจากในชุมชนก็คือหลังจากพูดคุยกันเรื่องการเมืองและทะเลาะกันแล้วดิฉันก็ยังเห็นภาพและได้ยินกลุ่มคนรากหญ้าของดิฉันชวนกันรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันซึ่งมื้อนั้นทำให้ดิฉันได้พลอยอิ่มไปด้วยค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 19747เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2006 16:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
     ขอ ลปรร.ด้วยคนครับว่า...พลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ลองช่วย ๆ กันจุดประเด็น "คุณธรรมจริยธรรมกับชีวิต" ความจำเป็นที่เราต้องแสวงหาคุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง ไม่เพียงแต่เก่ง "อัศวินที่ดีต้องทั้งดีและเก่ง" ทำอย่างไรที่ 1 เสียงนั้นได้พิจารณาคนที่มีคุณธรรมเป็นพื้นฐาน และเป็นประเด็นแรก ๆ ในการตัดสินใจ ครับ! คนละไม้คนละมือนะครับ อยากเชิญชวนครับสร้างโอกาสในคนเรานึกถึงประเด็นนี้ต่อไปในอนาคตด้วย...(ยิ้ม ๆ)

ผ่านเข้ามาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกว่าใช่เพื่อนฉันแน่ๆใช่ไหม ใช่เลยทิพเพื่อนเก่าไม่แปลกใจเลยเพราะเมื่อก่อนเด็กพยาบาลหลังห้องก็ได้อ่านสิ่งที่ทิพเขียนแล้วยัดเยียดให้อ่านบ่อยๆ (ล้อเล่น) ดีใจที่เข้ามาเจอบล็อกของคนกันเอง ได้อ่านแล้วจึงอยากมีข้อคิดเห็นกับทิพว่าเห็นด้วยกับความเชื่อเรื่องการ ลปรร. ไม่มีใครรู้ไปทั้งหมดอย่างที่ทิพว่า การมองโลกและมุมมองของคนแต่ละวิชาชีพก็ต่างกันไปแม้แต่ทิพเองที่ผันตัวเองไปเป็นพยาบาลชุมชนและเราเองที่เป็นพยาบาลบนตึกแต่สิ่งที่เราเชื่อรวมกันคือความสงบสุขของชาติบ้านเมืองใช่ไหมและการดูแลที่มีคุณภาพจากพยาบาลใช่ไหม    สิ่งที่ทิพเขียนเป็นความจริงที่สะท้อนภาพคนในชุมชนของเราเองบ้านที่เราอยู่เองก็เป็นเช่นกัน และเชื่อเช่นกันว่าความจริงที่ชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคงมีมากกว่านั้น เป็นต้นว่าใครๆเข้าไปเป็นรัฐบาลก็โกง เราเลือกเอาคนโกงที่แม้โกงก็แบ่งเราบ้างไม่ดีกว่าหรือ นี้คือฝ่ายนะที่อาจจะบอกว่าเก่งก็จริงแต่ก็เอาผลประโยนช์เข้าพวกตัวเอง คนเก่งก็ควรต้องมีคุณธรรมด้วย มั่นใจว่าทิพต้องเจอแบบนี้ เพราะเมื่อหันกลับไปดูรายละเอียดบล็อกแล้วก็เกิดความเข้าใจทำไมบันทึกทิพจึงสื่อออกมาทำนองนี้ ชมและเป็นกำลังใจดังๆนะคงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์แต่ก็มีกลิ่นอายเหตุการณ์ปัจจุบันที่สามารถเชื่อมเข้ากับประเด็นด้านสุขภาพได้ลงตัว ดีใจที่เห็นบันทึกนี้เพราะเชื่อว่าทิพไม่ข้ามประเด็นนี้ไปแน่ๆ  ร่วมทั้งดีใจที่จะมีที่บ่นและพูดคุยหรือมีคนที่จะมาคิดช่วยค่ะ

"ความซื่อสัตย์ เป็นจริยธรรมทั้งของการบริหารภาครัฐและของผู้บริหาร  ความซื่อสัตย์ในการบริหารงานคือ  ความซื่อสัตย์ของผู้บริหารความซื่อสัตย์ไม่ได้หมายถึง การประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้น  แต่ต้องถูกต้องตามจริยธรรมและศีลธรรมด้วย"

  พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษปาฐกถาพิเศษ "จริยธรรมของการบริหารภาครัฐ" ครบรอบ 50ปี คณะรํฐประศาสนศาสตร์ 9 กรกฏาคม 2548 ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  อ้างอิงจากวารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามันสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข ปีที่ 28 ฉบับที่4 ตุลาคม-ธันวาคม 2548  หน้า 47

     เชื่อมั่นเช่นเดียวกันค่ะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ เข้ามาอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแต่ดึกมากแล้ว กว่าที่จะลงเวรเกือบตี 1 นานๆที่ดิฉันจะได้มีโอกาสไปขึ้นเวรที่โรงพยาบาลค่ะ  ความนานนี้เองกระมั้งที่ทำให้เห็นความต่างนั้นคือคนไม่สบายกันมากขึ้น ขนาดโรงพยาบาลที่ดิฉันอยู่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กๆ ตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆนะค่ะ ในความนานนี้แหละค่ะทำให้แปลกใจอีกค่ะว่าทำไมคนไทยเป็นวัณโรคกันมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะคนไข้เอดส์เพิ่มมากขึ้นกระนั้นหรือแต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันกังวลมากไปเท่ากับผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นวัณโรคมานานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ แต่ผลการx-ray พบว่าปอดเป็นจุดเต็มไปหมด ด้วยวิญญาณของคนชุมชนค่ะสิ่งที่กังวลคือเมื่อผู้ป่วยไม่ทราบเลยว่าตนเองเป็นวัณโรค   การปฏิบัติตัวที่บ้านจะเป็นอย่างไร   แน่นอนดิฉันมองเรื่องการกระจายของเชื้อค่ะ  แต่นึกยังไม่ออกค่ะว่าเราจะสามารถช่วยในการวินิจฉัยหรือคัดกรองคนกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคนี้อย่างไร  ซึ่งขณะที่เขียนบันทึกนี้ดิฉันเขียนด้วยความรู้สึกล้วนๆจริงๆค่ะ ยังไม่ได้ review เอกสารใดๆเลย  ดังนั้นท่านใดที่ผ่านเข้ามาหากมีความคิดดีๆช่วยแนะนำด้วยเถอะค่ะ

  ขอบคุณทุกความเชื่อมั่นของทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น ในทัศนะของดิฉันเองดิฉันมีความเชื่อในตัวเองอยู่ไม่กี่อย่างค่ะคือเชื่อเรื่องความดี  เชื่อเรื่องบุญคุณ  เชื่อเรื่องความรักหมายถึงทุกความหมายของความรักนะค่ะ  สำหรับในเรื่องความคิดแล้วเชื่อว่าความคิดมี 3 ด้านคือความคิดของตัวดิฉ้นเอง  ความคิดของคนอื่นและความคิดที่เข้ามาคิดร่วมกับเราค่ะ ดังนั้นในบันทึกเรื่องดังกล่าวที่เขียนไปแล้วความคิดของตัวดิฉันเองเชื่อเหมือนคำกล่าวที่ไม่แน่ใจว่าใครกล่าวไว้ค่ะ(กราบขออภัยที่ไม่ได้อ้างอิงค่ะ) ว่า " การยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องของการเสียเกียรติ ใครๆก็รักคนที่ยอมแพ้เพื่อให้เรื่องจบ" อ่านแล้วรู้สึกชอบค่ะในเวลาที่อยากแพ้แต่ไม่ได้ชวนใครแพ้นะค่ะ อย่างไรก็ตามโลกเรามีมุมมองหลากหลายมุมมอง คิดดีมองโลกในแง่บวกหรือหากบวกยังไม่พอลองมองในมุมคูณดูบ้างแล้วท่านจะรุ้สึกว่าจริงๆแล้วรอบตัวเรามีแต่คนที่ดี ๆไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งค่ะ ช่วยกันหนุนและเสริมคนดีให้เขาคนดีเหล่านั้นได้รู้สึกว่าความดีที่เขาเหล่าคนดีนั้นทำมันก่อให้เกิดความดีมากมายกับคนส่วนรวมอย่างไร ดิฉันเองก็พยายามที่จะเป้นคนดีในทุกๆวันค่ะ ท่านละค่ะ

เครียดจังเลย จะเปลี่ยนแนวเขียนบ้างไหมเนี่ย เช่นว่าเพลงไหนใหม่แล้วเพราะๆ หนังสือเล่มไหนน่าอ่านแนะนำแล้วเชื่อมเข้ากับเรื่องพยาบาลชุมชนได้ไหมทิพ  ยกตัวอย่างเช่น

เวลาที่เรารักใคร
ทุ่มเทไปทั้งหัวใจ
ไม่แคร์ภายนอกจะมองเช่นไร
จะเดินดินหรืออยู่บนฟ้าก็ไม่สำคัญ
*เรื่องใจไม่มีเหตุผล หากรักมันพร้อมจะเกิด
ก็ปล่อยมันไป
**อยากบอกว่ารักดีๆไม่มีกฎเกณฑ์ที่แท้จริง
ไม่ว่าหญิงหรือชายถ้าเธอกับฉันรักกันอยู่
จะมีใครรู้จริงๆเท่าใจของเรานั่นแหละที่สำคัญ
ให้สองคนนั้นมั่นคงไว้ในใจก็พอ
ต้องผ่านอะไรมากมาย
ต้องใช้เวลาเท่าไร
ที่จะเจอคนนี้ที่เราไว้ใจ
จะไม่ยอมให้สิ่งใดทำเราแยกกัน
(ซ้ำ*,**)
ลองมองออกไป ในใจคนเราไม่ต่าง
ต่างต้องการความรักมาหล่อเลี้ยงใจ
กฏของสังคมจะเป็นไง เรื่องของหัวใจใหญ่กว่า
ปล่อยให้เวลาพิสูจน์ดีมั้ย

 

   การทำงานทุกอย่างทุกอาชีพหากทำด้วยความรัก ด้วยใจ เพื่อส่วนรวมไม่มีเรื่องขัดแย้งกันแน่ๆครับ

 

เป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน  ทุกคนต่างล้วนกังวลกันน่ะค่ะแต่คิดดีๆเข้าไว้และเป็นกำลังใจให้กันและกันเชื่อว่าวิกฤตนี้ผ่านไปได้ไม่ยาก

     ทราบว่าพี่ทำงานที่ รพ. ขอนแก่น ตอนนี้ก็สนใจอยากกลับไปทำงานแถวบ้านจังเลยค่ะแต่ไม่ทราบว่าจะไปทำงานที่ รพ.ไหนดีขอคำแนะนำด้วยน่ะค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ

  gotoknow.org/kadsanee

ขอบพระคุณทุกท่านและทุกความคิดเห็นด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท