มองผ่านๆเรื่องนี้ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยในสังคม แต่หลังจากการรับรู้ในวันนี้ ขอทาน กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลยสำหรับเรา.....คงจะเป็นเพราะแต่ก่อนเราไม่เคยมองว่า ขอทาน เป็นอาชีพ ล่ะมั้ง....
ใน วิกิพีเดีย บอกไว้ว่า ขอทาน เป็นบุคคลที่ดำรงชีวิตโดยขอรับบริจาคเศษเงินของผู้ที่สัญจรไปมา (ขอทานชนิดที่ขอเงินและร้องรำทำเพลงด้วย จะเรียกว่า วณิพก) มักพบในที่คนสัญจรพลุกพล่าน เช่น ตลาด สะพานลอย
ลักษณะทั่วไปขอทานจะแต่ตัวโทรมด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ หรือ ขาดวิ่น ดูเป็นที่น่าสงสาร และมี ขัน หรือ อุปกรณ์เพื่อรับเงินบริจาคบางคนก็เป็นคนพิการ ซึ่งไม่สามารถทำมาหากินอย่างอื่นได้
การขอทานเป็นปรากฏการณ์ปกติ ในประเทศที่ร่ำรวยมหาศาลก็มีขอทานให้เห็น แต่การขอทานในเมืองไทย ไม่ใช่ปรากฏการณ์ปกติเพราะมีข่าวบ่อยๆ ว่าคนไทยเช่าและซื้อขายเด็กเพื่อนำไปบังคับให้เป็นขอทาน ผมจึงมักสังเกตขอทานเป็นพิเศษเมื่อมาพักอยู่ในชลบุรี ในช่วงเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าบนสะพานข้ามถนนเฉลิมไทย มักมีขอทานมานั่งเป็นประจำ ชายบ้าง หญิงบ้าง บางคนตาบอด บางคนตาดี บางคนมีดนตรี บางคนไม่มีอะไรมาประกอบ และบางทีก็เป็นเด็กตัวเล็ก วิ่งเล่นอยู่
เด็กยากจนหลายๆ คน พอเกิดมา และเริ่มที่จะรู้ภาษาสักหน่อย ก็ต้องไปเป็นขอทานโดยปริยาย เพราะครอบครัวไม่มีอันจะกิน เด็กเหล่านั้นไม่มีโอกาสทางการศึกษา และครอบครัวยากจนส่วนมากไม่มีงานทำ ขอทานจึงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน คน กลุ่มนี้ใช้ชีวิตเป็นแบบหาเช้ากินค่ำ หาผักมากินบ้าง กระจายคนในครอบครัวออกไปขอทานบ้างเวลาขอทานก็อาจจะได้รับเป็นอาหารมากิน แต่ถ้าไปขอกับคนต่างชาติ ก็อาจจะได้รับเป็นเงิน นอกเหนือจากเงินก็จะเป็นคำด่า เช่น “ยี้ เหม็น อย่ามาเข้าใกล้” “ไปๆ ชิ้วๆ... เอ้าาา ไล่ให้ไปก็ไปสิ(วะ)”
ทางออกของคนจน ย่อมมีไม่มากนัก โดยเฉพาะในประเทศที่สับสนอย่างเรา ผมเริ่มเข้าใจวิถีของพวกเขา ความรังเกียจที่ผมเคยมี ก็เริ่มลดน้อยลง ผมเริ่มเอาเสื้อผ้าเก่าๆที่ไม่ได้ใช้แล้วไปบริจาค ร่วมหุ้นกับเพื่อนซื้อขนมไปแจกบ้าง ขอทานบางคนดีใจมาก และก็กินแบบ ไม่ยั้ง บางคนแอบเก็บไว้กินมื้อต่อไป และผมกับเพื่อนๆ ก็ได้รับความรู้สึกดีๆ แบ่งกันเอากลับบ้านไป
แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่บางครั้งขอทานเป็นธุรกิจการค้ามนุษย์ ว่า การให้เงิน "ขอทานเด็ก" กลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งช่วยเติมเต็มภาพธุรกิจบาป โดยการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เพราะการหยิบยื่นเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ด้วยความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจแก่เพื่อนร่วมโลก หรือต้องการทำทานเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ หรือจะให้เพื่อตัดความรำคาญเด็กที่ขอเงินด้วยแววตาวิงวอนก็ตามแต่ ในเวลานั้นท่านอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ "ขบวนการการค้ามนุษย์" ไปโดยไม่รู้ตัว
ทุกวันนี้คนในสังคมยังมองภาพเด็กขอทานแค่เพียงสายตาสัมผัส โดยไม่คิดที่จะตั้งคำถามเพื่อเข้าถึงความตื้นลึกหนาบางของการนำเด็กมาเป็น "แรงงานทาส" ในธุรกิจขอทาน หรือใช้เด็กทารกเป็น "ตัวประกอบ" เข้าฉากร่วมกับผู้หญิงที่นั่งขอทานบนสะพานลอย เพื่อให้ละครดูสมจริงสมจัง อีกทั้งยังปลุกจิตสงเคราะห์ผู้คนได้อย่างง่ายดาย ภาพขอทานเด็กจึงเป็นภาพที่คุ้นชินในสังคมไทย
บทความในมูลนิธิกระจกเงาเล่าว่า แต่ละวันขอทานเด็กจะได้รับเงินสูงถึง 500 บาท บางวันได้ถึง 1,000 บาท แต่ในท้ายที่สุดแล้วเด็กกลับไม่ได้อะไร ถามว่าวันนี้เราหยิบยื่นน้ำใจให้เงินเด็ก 10 บาท แต่วันพรุ่งนี้ เดือนหน้า และปีหน้า ขอทานเด็กก็ยังไม่หมดไปสักที ครอบครัวเด็กก็ไม่ได้รับเงินจากนายหน้า แต่ขบวนการนี้กลับรับเงินรับผลประโยชน์ที่เด็กหามาได้ไปเต็มๆ เด็กจึงตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ตั้งแต่แบเบาะ พอโตขึ้นก็ไปขายดอกไม้ ขายลูกอมตามผับบาร์ เมื่อโตขึ้นเป็นหนุ่มสาวอีกก็เข้าสู่วงการค้าแรงงานทาส ผู้หญิงค้าประเวณี และบทสุดท้ายกลายเป็นอาชญากร บางคนกลายเป็นนายหน้ากลับถิ่นเกิดเพื่อไปหาเหยื่อรายต่อไป
การให้ทาน การมีจิตใจเมตตากรุณา...
เป็นความงดงามที่หล่อเลี้ยงสังคมมานานหลายช่วงชีวิตคน
... แต่...ความงดงามเหล่านั้น
ได้ถูกมิจฉาชีพนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการประกอบธุรกิจบาป
ทุกครั้งที่เราเดินผ่านเด็กเล็กๆ หรือ คนอุ้มเด็กเล็กๆ ตามท้องถนน
เรามักจะอดไม่ได้ที่จะเจียดเศษเงินเล็กๆน้อยๆทำทาน
ตามแรงผลักดันของจิตใจที่ดีงาม คงจะดีหากเงินทำทานนั้น
ทำให้เด็กหรือผู้ทุกข์ยาก ได้นำไปใช้คลายทุกข์คลายยากในชีวิต
แต่เชื่อหรือไม่ว่าเงินเหล่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ของการคลายทุกข์ให้คนยาก
... แต่กลับมีเหลือบไรชั่วร้ายในสังคม
อาศัยความสะเทือนใจ ความเมตตาปราณีของคนดีใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินบนหลังคนด้วยการจัดหา จัดซื้อเด็ก มาเป็นวัตถุในการประกอบธุรกิจขอทานอย่างเป็นล่ำ่ำเป็นสัน..หากขอไม่ได้ตามเป้า ...เด็ก ๆก็จะถูกทำร้ายทารุณ
แหม น่าแปลกใจนะครับ เลยไม่รู้ว่าจะควรให้เงินแก่เด็กหรือคนน่าสงสารพวกนั้นต่อไปไหม แต่ผมก็เลือกที่จะให้นะครับ ถ้าให้ก็ให้เป็นของกินดีกว่า ถ้าเขาไม่รับและจะรับแต่เงินอย่างเดียวแสดงว่า ใช่ เลย เพราะเดี๋ยวนี้ ค้ามนุษย์ที่ไหนจะเอาขนม เอากับข้าว ไป ส่วนใหญ่เอาแต่เงินครับ คนยากจนจริงๆก็ยังอีกเยอะครับ พี่น้อง
หากยังสนใจจะศึกษาข้อมูล ก็ไปที่นี่ครับ
รักคนอ่านชอบคนเขียนเกลียดคนบ่น
ห่วงคนจนข้างถนนหนุนแทนหมอน
ขาดความรักความอบอุ่นเอื้ออาทร
ขอคนจรมาอ่านจงเข้าใจ
หากอยากรักอยากฟังให้ฟังเขา
เด็กน้อยแววตาเศร้าเว้าวอนขอ
ความรักความอบอุ่นไม่ต้องรอ
เมื่อใดหนอจะมีเหมือนเขาที
ในโลกนี้ยังมีคนอีกมาก
ที่ยังอยากยังต้องการยังหิวโหย
ช่วยส่งรักส่งแรงใจให้เขาโดย
ให้โบกโบยผ่านกลอนนี้ตามสายลม
ก่อนจะจากไปทำงานทำการ
ฝากนิทานเรื่องขอทานไว้หน่อยนะครับ
ชายคนหนึ่งขับรถเข้าไปในเมืองซึ่งเป็นเวลาพลบค่ำ ขณะที่ขับรถมานั้นเขาสังเกตุเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังถือตะเกียงเดินก้มๆ เงยๆอยู่ เหมือนจะหาอะไรในพงหญ้าข้างถนนนั้นด้วยความสนใจ เขาจึงหยุดรถแล้วเดินตรงเข้าไปถามหญิงชรานั้นว่า
"นี่ยาย ยายกำลังก้มหาอะไรอยู่หรือ"
"อ๋อ...ยายกำลังหาเหรียญบาทที่ทำตกลงไปในพงหญ้านี้ ยายหามาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วหาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที พ่อหนุ่มจะช่วยยายหาหรือ" หญิงชราพูด
ด้วยความสงสารชายหนุ่มจึงควักเงิน 10 บาทออกมา แล้วยื่นให้แก่หญิงชรา
พร้อมกับพูดขึ้นว่า "เอาเงิน 10 บาทนี้ไปก็แล้วกันนะยาย เหรียญบาทคงหาไม่เจอแล้ว"เมื่อรับเงินจากชายหนุ่ม หญิงชรากล่าวขอบใจแล้วก็ดับตะเกียงจากไป
ชายหนุ่มคนนั้นก็ขับรถเข้าไปทำธุระในเมือง เมื่อทำธุระเสร็จแล้วเขาก็ขับรถออกมา
ตามเส้นทางเดิม เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นหญิงชราคนหนึ่ง กำลังจุดตะเกียงส่องหาอะไรบางอย่างในพงหญ้าข้างถนน ด้วยความสงสัยเขาจึงหยุดรถแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆเขาก็จำได้ทันทีว่า หญิงชราคนนี้ ก็คือหญิงชราคนเดิมที่เขาให้เงินไป 10 บาทเมื่อตอนหัวค่ำนั่นเอง เขาจึงถามหญิงชรานั้นว่า "นี่ยาย...ยายทำเงินตกหายอีกแล้วรึ"
หญิงชราเงยหน้าขึ้น ก็จำชายหนุ่มผู้ใจดีคนนี้ได้ จึงตอบไปว่า
"ใช่แล้วหลาน...แต่หลานชายไม่ต้องควักเงินให้ยายอีกนะ"
"ทำไมละยาย" ชายหนุ่มสงสัย
"นี่มันเป็นกลวิธีในการขอทานที่ได้ผลดีที่สุด...ขอบใจสำหรับเงิน 10 บาทนะหลานเอ๊ย"พูดจบหญิงชราก็เดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มมึนงงอยู่ตรงนั้นเอง
ไปทำงานก่อนนะครับ