วันนี้พ่อกับแม่มาเยี่ยมถึงขอนแก่น
อันตัวลูกนั้น ดีใจหนักหนา เพราะว่าท่านทั้งสองจะมาซื้อของขวัญวันเกิดให้ด้วย เย้ววว....
ของขวัญชิ้นนี้เดิมทีตั้งท่าจะเก็บเงินซื้อเอง แต่เก็บไปเก็บมา ทำไมมันไม่ได้ซักที(วะ) ทั้งที่ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย สงสัยต้องมาจัดระเบียบการถลุงเงินใหม่อีกรอบซะแล้ว ชักจะหย่อนยาน.....(อ่านถึงตรงนี้ ห้ามนึกถึงนมยายโดยเด็ดขาด)
"เครื่องซักผ้า Panasonic ไฮโซด้วยระบบทำงานแบบ Fuzzy logic" คือของขวัญชิ้นนั้นนั่นเอง...อู๊วว ราคาตั้งเก้าพันเชียว มิน่า เก็บตังค์ซื้อไม่ได้ซักที แพงอยู่นี่หว่า
เครื่องซักผ้าแบบนี้ เหมาะสำหรับพวกขี้เกียจสันหลังยาวมาก ๆครับ เพราะคุณมีหน้าที่เพียงเอาผ้า ใส่ไปให้มันคำนวนปริมาณผงซักฟอก แล้วก็ดูจากแผงวงจรว่ามันบอกให้เติมผงซักฟอกลงไปในปริมาณเท่าไหร่ เราก็เติมไปตามนั้น ถ้าฐานะเราดีหน่อยก็เติมน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในช่องอีกช่องนึง จากนั้นก็ปิดฝา แล้วก็มานั่งกระดิกขา เล่นกับหมา ตัดเล็บขบ ถอนขนจมูก หรือทำอะไรก็ได้รอประมาณ 45 นาที มันก็จะมีเสียงปิ๊บๆ เตือนให้เราไปเอาผ้ามาตาก ซึ่งผลผลิตที่ได้มันยอดมากเลยจ๊อด เพราะผ้านั้นแทบจะแห้งอยู่แล้ว ติดอีกนิดเดียวก็ใส่ไปเดินฉุยฉาย ให้คุณยายที่รำไท้เก็กริมบึงแก่นนครแซวเล่นได้แล้ว สบายโคตรๆ ทีนี้เราก็เป็นอิสระจากผ้ากองมหึมาซะที แจ่มมั้ยล่ะ
ไอ้เครื่องซักผ้าประเภทนี้มันมีระบบการทำงานที่เรียกว่า Fuzzy Logic ซึ่งเป็นระบบคิดทางคณิตศาสตร์ชั้นสูงที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะนอกจากมันจะเอามาใช้คุมเครื่องซักผ้า คุมเบรคABS ในรถยนต์ แล้ว มันยังเอามาปรับใช้กับชีวิตของเราให้ดำเนินไปได้อย่างมีแก่นสารอีกด้วย แน่ะ อะไรมันจะดีขนาดนั้น มาดูกันว่า หลักการคิดแบบ Fuzzy Logic นั้นเค้าคิดแบบไหนกัน
ปกติพวกแผงควบคุมวงจรไฟฟ้า มันจะทำงานด้วยคำสั่งแบบ Classical Logic คือ มีสองทางเลือก "ไม่" กับ "ใช่" พูดง่ายๆ คือ ถ้าเป็นแบบนี้ให้ทำแบบนี้ ถ้าไม่เป็นแบบนี้ให้ทำอีกแบบนึง.....การตอบสนองก็จะตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลโดยใช้ 0 กับ 1 แค่สองตัว แต่ Fuzzy Logic มันจะไม่ทื่อๆ แบบนั้นหรอก มันจะให้ทางเลือกที่มากกว่านั้น มีตั้งแต่ ไม่เลย , นิดหน่อย, ปานกลาง ,ใช่ , ใช่ที่สุด อะไรประมาณนี้ ซึ่งแต่ละเงื่อนไขที่ได้มา ก็จะนำไปสู่การตอบสนองที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ผมถูกตั้งโปรแกรมในการเหล่สาวแบบ Fuzzy Logic มีคำสั่งพื้นฐานดังนี้
เจอสาวผิวดำสนิท ให้ยืนแคะขี้มูกต่อไป
เจอสาวผิวคล้ำ ให้หยุดแคะขี้มูก
เจอสาวผิวเหลือง ให้หยุดแคะขี้มูก แล้วมอง
เจอสาวผิวขาว ให้หยุดแคะขี้มูก แล้วมอง แล้วยิ้มให้
เจอสาวผิวขาวกระจ่างใส มีสีชมพูจากภายใน ให้หยุดแคะขี้มูก แล้วมอง แล้วยิ้มให้ แล้วเก็กหล่อ ด้วย
นี่แหละวิธีคิดแบบ Fuzzy Logic มันมีระดับการตอบสนองที่แตกต่างกัน ทำให้ยืดหยุ่นมากในการควบคุมการทำงานที่ละเอียดซับซ้อน ซึ่งจากตัวอยากที่ยกไป นั้นก็ต้องมีการหาเทคโนโลยีมาตรวจจับสีผิวของผู้หญิงเพิ่มเติมด้วยนะครับ ไม่งั้นมันก็จะแยกไม่ออกว่าแบบไหนเรียกว่าดำสนิท แบบไหนเรียกขาวกระจ่างใส ซึ่งทุกวันนี้ทำได้อยู่แล้วล่ะ โดยใช้หลักการของ Image Processing ง่าย ๆ
คราวหน้าค่อยมาเขียนต่อว่า เจ้า Fuzzy Logic มันน่าจะเอามาปรับใช้กับวิธีการดำเนินชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ อย่างไรครับ
สวัสดีค่ะ
กลับบ้านวันไหนแจ้งให้ทราบด้วยนะคับ จะแวะไปเล่นด้วย แค่อยากรู้จัก