ป้าตี๋..เกือบตาย


เย็นวันนั้นเวลา 19.00 น ป้าตี๋และญาติๆ มานั่งฟังพระสวดมนต์ต่ออายุให้กับป้าตี๋..เนื่องจากว่าได้เตรียมสถานที่และนิมนต์พระไว้แล้ว...สาธุ

นางตี๋   แจ่มฉาย อายุ 60 ปีกว่าๆ รูปร่างผอมสูง ผิวคล้ำ อยู่บ้านคนเดียว แต่มีหลานห่างๆและญาติที่อยู่บ้านใกล้ๆกัน คอย ดู-แล มารับยาให้ พาไปหาหมอที่ ร.พ บางทีก็มีหลานมานอนด้วย ป้าตี๋ ช่วยเหลือตัวเองได้ ป้าตี๋เข้าร่วมสมาคมคนเป็นเบาหวานที่อยู่ในความดูแลของศูนย์สุขภาพชุมชนบ้านกร่างและศูนย์สุขภาพเมืองอย่างต่อเนื่องเป็นผู้ป่วยที่มีวินัยในการกินยา พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามนัด มีบ้างที่ขาดนัดเมื่อเยี่ยมบ้านจึงรู้ว่าป้าตี๋ขาดคนดูแลที่ใกล้ชิด มีแต่ญาติห่างๆ ทำให้ไม่สามารถไปพบแพทยตามนัดได้ทุกครั้ง การเยี่ยมบ้านครั้งต่อมาจึงต้องคุยกับคนข้างบ้านให้ช่วยพาป้าตี๋มาเจาะเลือดและรับยาที่ PCU และมอบให้ทีมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อน คอยแวะเวียนมาดูแลและวัดความดันให้เดือนละ 2 ครั้ง ป้าตี๋ได้รับการดูแลดีขึ้น

วันศุกร์ ที่ 4 กรกฏาคม 2551 เวลา 9.00 น ญาติพบว่าป้าตี๋นอนแน่นิ่งเรียกไม่รู้สึกตัว จึงมาตามหมออนามัยไปช่วยดูให้หน่อย คุณแสงทอง  อินทร์บุหรั่น พยาบาลที่อยู่ตรวจรักษาในวันนั้น (อยู่คนเดียว) จึงของดบริการที่ PCU ออกไปดูป้าตี๋ที่บ้าน ตรวจร่างกาย ความดันปกติ คลำชีพจรได้ เรียกไม่รู้สึกตัว วัดระดับน้ำตาลในเลือด Low (ต่ำจนเครื่องไม่สามารถวัดได้) จึงให้Glucose ทางหลอดเลือดดำ น้ำหวาน 5 นาทีต่อมาป้าตี๋ ลืมตาลุกขึ้นมาพูดคุยได้ มองหน้าผู้คนที่นั่งอยุ่รอบตัวด้วยสายตางง งง  หมอจอยจึงให้ความรู้แก่ญาติและผู้ป่วยเรื่องการปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เรื่องการรับประทานยา  การรับประทานอาหาร จนเป็นที่เข้าใจ ก่อนกลับเจาะเลือด DTX= 119 mg%

เวลา 14.30 น.ป้าตี๋มีอาการแน่นิ่ง นอนตัวแข็งเรียกไม่รู้สึกตัวอีก ญาติๆบอกว่าป้าตี๋ ตายแล้ว จึงเตรียมจัดงานศพ จัดสถานที่  นิมนต์พระ  อสม.จิตอาสา ป้าเย็น  คงสวัสดิ์ทราบข่าวจึงมาที่บ้านป้าตี๋ โทรตามหมอจอย มาช่วยดูหน่อย เมื่อมาถึงตรวจดูชีพจรยังมี วัดความดันได้ เรียกไม่รู้เรื่อง เจาะน้ำตาลต่ำวัดไม่ได้เช่นเดิม จึงให้น้ำหวานป้ายในปากและฉีดGlucose ทางหลอดเลือดดำ ป้าตี๋ลืมตาลุกขึ้นมาพูดได้อีก ญาติพากันทดสอบความทรงจำของป้าตี๋ ว่ายังดีอยู่หรือเปล่า ป้าตี๋ จำทุกคนและเรียกชื่อได้ถูกต้อง..จึงโล่งอก....เย็นวันนั้นเวลา 19.00 น ป้าตี๋และญาติๆ มานั่งฟังพระสวดมนต์ต่ออายุให้กับป้าตี๋..เนื่องจากว่าได้เตรียมสถานที่และนิมนต์พระไว้แล้ว...สาธุ

หมายเลขบันทึก: 192550เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2008 23:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ป้าตี๋ เกือบไปแล้ว ... ฟังเพลงข้างหลังภาพ สบายใจจัง

  • นู๋รัตน์ ไม่เห็นบอกเลย อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ป้าตี๋เกือบตายนะ
  • บอกกันหน่อย เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนที่ไม่รู้ค่ะ

ขอบคุณคุณนู๋รัตน์ที่มาทักทายใน blog นะคะ

อยากฝากให้คุณนู๋รัตน์อ่านในblog เต้าเจี้ยว ความแตกต่างของอาการ hypo-hyper นะคะ เพราะก่อนจะ severe hypoglycemia แบบนี้ case นี้อาจเคยมีอาการ mild-moderate hypo แต่ไม่ทราบมาก่อนก็ได้

เอาใจช่วยเช่นกันค่ะ

สวัสดีคุณ suksom ยินดีที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ..จัง

  • นู๋รัตน์จ๋า
  • ทบทวนการบริหารยาด้วยตัวเองของป้าตี๋หน่อยนะค่ะ
  • หมอเจ๊เคยเจอคนไข้ที่บริหารยาตามเราสั่ง
  • แต่ไม่สอดคล้องกับเวลาอาหารของคนไข้
  • แล้วพอแก้ไขให้เข้าใจการบริหารยาใหม่ให้สอดคล้องกันกับเวลาอาหารประจำวันของเขา
  • อาการที่เคยมีของคนไข้หายเลยละค่ะ

อาจารย์ขา..ป้าตี๋ เกิดอาการซึม กินข้าวไม่ได้ ไม่มีญาติคอยดูแลอย่างใกล้ชิด (มีแต่ญาติห่างๆ ข้างบ้าน) ตอนนี้ทราบว่าป้าตี๋มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะอย่างรุนแรงค่ะ...กำลังส่งใจไปช่วยป้าตี๋..วันนี้ไปใส่สาย NG ให้ป้าตี๋ เพื่อให้มีแรงต่อสู้กับโรคต่อไปค่ะอาจารย์

              

ได้อ่านเรื่องราวในบันทึกคุณเต้าเจี้ยวแล้ว...ได้ความรู้มากขึ้นทีเดียว ขอบคุณมากค่ะ

               

เป็นบุญของป้าที่มีหมอที่เอาใจใส่ดูแลการช่วยเหลือคนเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ครับขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

หนูรัตน์ ไปเยี่ยมป้าตี๋ คงต้องคิดใหม่เรื่องยาเบาหวานของป้าตี๋ละนะ แล้วถ้ามีปัญหาเรื่องการกินกับ infection อยู่ยังควบคุมไม่ได้ ลองพามาปรึกษาที่ รพ ดูทีว่าจะจัดการยังงัยดีไม่ให้เกิดปัญหา hypoglycemia อีกนะหนูรัตน์

  • พี่มีความเห็นร่วมกับหมอปุ๊ว่า ต้องเอาป้าไปปรึกษาคุณหมอที่ร.พ.แล้วละค่ะ
  • ในความเห็นของพี่ กรณีป้าตี๋ พี่ว่า ควรของดยารักษาเบาหวาน แต่ให้ไปเข้มเรื่องโปรแกรมอาหารให้ลดน้ำตาลได้และให้พลังงานที่ป้าตี๋ต้องการได้เหมาะสม
  • แผนการดูแลที่ควรทำหากเปลี่ยนมาใช้บำบัดด้วยอาหาร ก็คือ การเยี่ยมบ้านสม่ำเสมอ เพื่อประเมินน้ำตาลในเลือดที่เกิดจากการให้อาหารนะจ๊ะ
  • ส่วนเรื่อง infection ก็ว่าไปตามปัญหาของมันค่ะ

อาจารย์ขา..ป้าตี๋ ไปสบายแล้วค่ะเมื่อ 4 วันก่อนนี้เอง (น้องรุไปดูแลป้าตี๋ที่บ้านเห็นว่าควรส่ง โรงพยาบาลเรียกรถ EMS มารับไป ร.พ อยู่ได้ 1 คืนญาติขอถอดเครื่องช่วยหายใจออก...แล้วเอาป้าตี๋กลับมาบ้าน..)

  • หนูรัตน์จ๋า ฝากความเสียใจไปให้ญาติด้วยเนอะ
  • อย่างไรก็ตาม เรื่องของป้าตี๋ น่านำมาถอดบทเรียน ไม่ให้เกิดกับคนอื่นๆอีก พี่ว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจอยู่โขนะ
  • ลองถอดบทเรียนรู้จากชีวิตของป้า ดูทีรึ
  • แม้ป้าจะสบายไปแล้ว แต่ป้าก็ยังสร้างคุณค่าไว้ให้กับโลกได้น่าในฐานะครูคนสำคัญของพวกเราและชาวเบาหวานคนอื่นๆ  ขอเพียงแต่เรามีใจจะทำให้ป้ามั๊ยเท่านั้นค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท