7 มีนาคม 2551
วันนี้เป็นวันที่ต้องพานักเรียนแลกเปลี่ยนไปเข้าถ้ำ Mole Creek Cave และพาไปสวนสัตว์ Trowanna Devil Park เราตื่นแต่เช้าอีกตามเคย (นาฬิกาปลุกของน้องอาบมีประโยชน์จริง ๆ) อาบน้ำ แต่งตัวรอ ระหว่างแต่งตัวได้ยินเสียงโทรศัพท์(นึกแปลกใจว่าใครโทรมาแต่เช้า ) รีบรับ ปรากฏว่าเป็นพี่อุไร โทรมาบอกว่าแกรมสามีวิบบอกว่าในถ้ำหนาวมากอุณหภูมิเท่ากับ 9 องศาเอง เรารีบคว้าเสื้อที่ มิเชลซื้อให้ใส่กระเป๋า
ออกจากบ้านเวลา 7.50 น. สามีมิเชลขับรถไปส่งที่โรงเรียน เห็นเด็กมารอกันหลายคนแล้ว สักครู่พี่อุไรก็มา เราเลยมารอกันที่รถบัส(วันนี้แกรมไม่ได้ขับ) เช้าวันนี้อากาศหนาวมากยังนึกกลัวว่าในถ้ำจะยิ่งหนาวมากขึ้นไปอีก
รถออกจากโรงเรียนควิชชี เกือบเก้าโมงครึ่ง เพราะโรงเรียนน้องนุ่นมาสาย เกิดการเข้าใจผิดกันเรื่องเวลา เลยทำให้ออกรถไปสาย
เราเดินทางไปถึงถ้ำ Mole Creek Cave ประมาณ 10.00 น. อากาศในถ้ำหนาวมาก ประมาณ 9 องศาเซลเซียส เท่านั้นเอง เรากับพี่อุไรใส่เสื้อเสียเต็มยศ เลย ( มีเสื้อใส่เสื้อยืดแขนสั้น เสื้อกั๊กของโรงเรียนควิชชี เสื้อกันหนาวที่มิเชลซื้อให้ และเสื้อคลุมสีดำของสงวนหญิง) จมูกเย็นเจี๊ยบ สังเกตให้พวกเด็กและครูฝรั่ง (ซึ่งไม่ใส่เสื้อกันหนาว สวมแต่เสื้อยืดแขนสั้น) เอามือมาถูกัน แสดงว่าหนาวเหมือนกัน
Mole Creek Cave เป็นถ้ำที่มีหินงอกและหินย้อยที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่มีการแตกหักเสียหายเลยแม้แต่ที่เดียว ที่นี่มีระบบการ จัดการดีเยี่ยม ห้ามใช้แฟชถ่ายภาพ ห้ามจับต้อง ห้ามเอาของเข้าไปกินข้างใน สร้างทางเดินให้เดิน มีระบบไฟฟ้า มีเจ้าหน้าที่ควบคุม ดูแล และที่ชอบมากคือมี Grow wrom เป็นแมลงที่เรืองแสงได้ เวลาปิดไฟในถ้ำ แล้วมองขึ้นไปด้านบนผนังถ้ำแมลงพวกนี้จะเรืองแสงมองคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้าสวยงามมาก(เขาห้ามถ่ายรูป เพราะจะทำให้แมลงชนิดนี้ตาย)
ต่อจากนั้นก็มาดูสวนสัตว์ Trowanna Devil Park โดยให้นักเรียนกินอาหารก่อนเข้า (เพราะเขาไม่ให้กินอาหารข้างใน เป็นกฏระเบียบที่ช่วยให้ไม่เกิดการทิ้งขยะในสวนสัตว์ ประเทศเราน่าจะเอาอย่างบ้าง ที่สวนเขาดิน......อย่างว่าแต่ห้ามไม่ให้นำเข้าไปกินเลย มีร้านอาหารข้างในด้วย..ให้ตายซิ)
สวนสัตว์แห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่เป็นสวนสัตว์ที่อนุบาลสัตว์ที่ป่วย สัตว์ที่ยังไม่โต และมีเฉพาะสัตว์ที่มีในออสเตรเลียเท่านั้น สัตว์ตัวแรกที่เจ้าหน้าที่เขาอุ้มมาให้ดูคือตัว Tasmanian Devil เป็นสัตว์กินเนื้อดุร้าย (แต่ยอมให้เด็กจับลูบได้) ตัวต่อไป วอมแบท เจ้าหน้าที่บอกว่า ตัววอมแบทนี้น่าสงสารเพราะเป็นสัตว์ที่ต้องการความรักความเอาใจใส่มากถ้ามันตกใจหรือเครียดอาจตายได้ ตัวต่อไปคือ หมีโคอาลา ขนนิ่มมากและขี้เกียจตลอดวันมิเชลบอกว่ามันนอนวันละ 21 ชั่วโมง และจิ้งโจ้เป็นสัตว์ที่ไม่ได้ขังกรงสามารถให้อาหารมันได้โดยซื้ออาหารเม็ดแล้วให้มันมากินกับมือ (น้ำลายจิงโจ้เปียกเลอเทอะ)
กลับถึงโรงเรียนตอนบ่ายสามโมงครึ่ง โรงเรียนเลิกแล้วนักเรียนกลับบ้านหมดแล้ว มิเชลกับวิบปรึกษากันเรื่องพาเรากับพี่อุไรไปเที่ยว(แอบดีใจ) เพราะเมื่อกลับมาบ้านมิเชลบอกสถานที่ที่จะพาเราไป (เป็นที่สวยงามทางธรรมชาติทั้งนั้น) และวันนี้ที่น่าประทับใจในความเอื้อเฟื้อของมิเชลก็คือถามเราว่าจะกินอะไรเย็นนี้ แล้วก็พูดให้เลือก เราก็เลือกไก่ ผัก ข้าว พอมาถึงบ้านมิเชลก็ให้เราทำกับข้าวเอง โดยทำผัดผักใส่ไก่ ใส่น้ำปลา ถ้าอยู่เมืองไทยก็คงไม่อร่อยหรอกแต่นี่เราอยู่ ออสเตรเลีย เท่านี้เราก็อร่อยมากแล้ว แถมวันนี้เป็นวันพิเศษมิเชลชวนให้เรากินแชมเปญ และดูหนังที่เขาซื้อมาจากเมืองไทยเรื่องมิสเตอร์บีน (อยากเข้าไปกอดมิเชลแล้วหอมฟอดใหญ่) เรากล่าวคำขอบคุณว่า “ Thank you , for your kindness” (ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้)
หินงอกหินย้อย ซึ่งมีความสมบูรณ์มาก รูปนี้ถ่ายโดยไม่ได้ใช้แฟช แต่อาศัยไฟที่ติดไว้ในถ้ำ
สวัสดีค่ะ
ดูแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ