จากนั้นก็จะนั่งถก นั่งวิเคราะห์ชะตาชีวิตของตัวละครแต่ละตัว คนนี้สงสารคนนั้น คนนั้นไม่น่าเลย ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ไม่ทราบ มีบ้านไหนเหมือนบ้านครูปูไม๊คะ
ครูปูกลายเป็นบุคคลน่ารำคาญประจำบ้าน ยามเดียวเท่านั้นค่ะ คือเวลาละครหลังข่าวค่ะ (ซึ่งครูปูก็เห็นด้วยนะคะ อิอิ)
เพราะทั้งบ้านติดละครหลังข่าวกันทุกคน ติดมาก ติดแทบทุกเรื่อง ติดไม่ธรรมดาค่ะ ดูไปร้องไห้ไป สะอึกสะอื้น แม้กระทั่งเจ้าน้องชาย หุ่นแรมโบ้ ฉายาไอ่หน้าถนน (พี่สาวสองคนมอบให้น้องชายสุดที่รัก ด้วยความเอ็นดู อิอิ) ก็เอากะเค้าด้วยค่ะ
หลังละครจบ ก็ผลัดกันซับน้ำตาซึ่งกันและกัน บางทีก็หัวเราะกันเอง เพราะต่างคนตาบวมปูด จากการหลั่งน้ำตามารธอน ไม่ต่ำกว่าคนละชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นก็จะนั่งถก นั่งวิเคราะห์ชะตาชีวิตของตัวละครแต่ละตัว คนนี้สงสารคนนั้น คนนั้นไม่น่าเลย ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ไม่ทราบ มีบ้านไหนเหมือนบ้านครูปูไม๊คะ
ขอสารภาพ และขออภัยบางท่านที่ติดละครงอมแงม รวมถึงผู้เขียนบท และผู้จัดละครบางท่านด้วยนะคะ เพราะครูปูดูละครหลังข่าวไม่รู้เรื่องจริง ๆ ค่ะ ไม่เข้าใจวิธีคิดของตัวในละคร บางเรื่องก็ไม่เห็นด้วยกับพล๊อตเรื่องทั้งหมดเลยค่ะ ดาราคนไหนชื่ออะไรก็ไม่รู้ค่ะ บางเรื่องอาจจะดีมีข้อคิดนะคะ แต่ครูปูอาจจะไม่มีเวลาดูเองแหล่ะค่ะ
คืนแรกที่กลับถึงบ้าน ด้วยความที่อยากมีส่วนร่วม อยากพูดคุย เลยต้องยอมเอาตัวเข้าแลก ด้วยการนั่งอยู่ในวงสมาคม และที่ทำการของวงนี้ ก็คือหน้าจอทีวี
เอา (วะ) เมื่ออยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือซิ่ จำใจขลุกไปกับเค้าด้วย พร้อมทั้งพยายามแย่งชิงความสนใจของทุกคนออกจากหน้าจอให้ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของครูปูแท้ ๆ เลยค่ะ (เฮ้อ...)
พักนึงเท่านั้นค่ะ ไม่เจ้าน้องชายก็หม่อมยายจะเริ่มบ่นแร่ะ (หม่อมแม่ไม่เคยมีเวลาว่าครูปูหรอกค่ะ เพราะขานั้นร้องตลอด แค่เพลงไตเติ้ลมาก็คว้าผ้าเช็ดหน้าแร่ะ ระหว่างพักโฆษณาพี่แกก็ไม่สามารถพักเบรคตามละครได้ เฮ้อ...)
"อะไรเนี่ยะ ไม่รู้เรื่องกับเค้าเลยเร๋อ นี่ไง ยายคนนี้เค้าเป็นแฟนกับคนนี้ แล้วคนนี้มาแย่ง สองคนนี้ก็เลยงอนกัน ก็เลยประชดกัน แต่จริง ๆ ก็ยังรักกันอยู่นั่นแหล่ะ"
"นี่ไง พระเอกถูกพินัยกรรมบังคับให้แต่งงานกับนางเอก แต่มีแฟนอยู่แล้ว อยู่ไปอยู่มาก็เลยมารักกับนางเอกจริง ๆ"
หลังคำอธิบายเหล่านี้ ครูปูระดมคำถามทันที "อ้าว เป็นแฟนกันอยู่ก็เป็นไปดิ่ ถ้าสองคนยังปกติก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่นนี่ คนนะ ไม่ใช่ของเล่น จะมาแย่งกันง่าย ๆ ได้ไง"
"แล้วไอ่ที่จะแย่งแฟนชาวบ้านนี่ ทำไมใช้มุกตื้นจัง โจ๋งครึ่มมั่ก ๆ และท่าทางเธอน่าจะเหนื่อยเน๊อะ กระเหี้ยนกระหือรือซะขนาดนี้"
"แล้วไอ่เจ้าคนจะถูกแย่งนี่ก็ ไม่เห็นจะน่าแย่งกันซักกะนิดนึง แล้วพี่แกก็ช่างไม่รู้เลยเร๊อะว่า ยัยคนนี้เค้าทำท่าอย่างนี้หน่ะ มันคิดอะไรกับเรา ทำไมไม่วางตัว ให้เกียรติแฟนเราหล่ะ บ้าจี้ไปกับเค้าทำไม"
"แล้วนั่น ทำไมไอ่เจ้าพระเอกต้องทำท่าบื้อ ๆ งง ๆ เหมือนไม่รู้จะเอาไงดีหล่ะนั่น ทำไมต้องคิด ไม่เข้าใจ ระหว่างแฟนเรา กับใครก็ไม่รู้ เลือกปฎิกริยาตอบสนองไม่ถูกจริง ๆ เร๋อ ไร อ่ะ งง จิ๊ปเป๋ง"
"แล้วไหนว่านางเอกเป็นคนบ้านนอกจน ๆ ไง ไหงอายแชโดว์ สีเมทัลลิก ทุกฉากเลยหล่ะนั่น ผมก็เป็นเกลียวคลอเคลียอยู่ตลอด แม้กระทั่งฉากขี่ควายก็ยังไม่เว้น แหน่ะ ดู๊ ดู"
หม่อมยาย : "แจ๊ค เลิกพูดกับเจ๊ปูมันเห๊อะ เจ๊ปูเอ็ง
มันรู้เรื่องอะไรกะเค้าที่ไหน บ้าแต่การเมือง
ไม่ก็หนังสารคดีอะไรของมัน ก็ไม่รู๊"
เจ้าน้องชาย : จริงด้วยแหล่ะยาย ดูละครกับเจ๊ปูทีไรเซ็ง
ทุกที พี่แกเล่นถามทุกเรื่อง ทุกตอน
อันไหนแกไม่เข้าใจ แกไปว่าเค้าอีกอ่ะ
ยายคิดดู แจ็คหล่ะ หมดอารมณ์เลยอ่ะ
ครูปู : งั๊นเจ๊ไปตามทางของเจ๊ก็ได้ (ฟะ)
ว่าแล้วครูปูก็เดินคอตก ขึ้นนอนแต่หัวค่ำตามระเบียบ