สัปดาห์ที่ผ่านมา สวทช. ได้เชิญ Mr. Takao Ogiya ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตรของญี่ปุ่นมาจัดฝึกอบรม ผมเห็นว่า มีเนื้อหาหลายส่วน ที่น่าจะมีประโยชน์ กับประเทศไทยในวงกว้าง จึงขอนำบางเรื่องมาเล่าต่อ ณ ที่นี้ครับ
ระบบสิทธิบัตรเป็นแนวคิดดั้งเดิมของชาติตะวันตก ที่มุ่งคุ้มครองผู้ประดิษฐ์คิดค้นเพื่อไม่ให้ผู้อื่นลอกเลียนแบบนวัตกรรมเหล่านั้นไปใช้ได้โดยง่าย สิทธิบัตรที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คงเป็นหลอดไฟของโธมัส อัลวา เอดิสัน
ไม่นานนัก ระบบสิทธิบัตรก็ได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นในปี 1885 ญี่ปุ่นในสมัยนั้นยังเป็นประเทศเกษตรกรรม คนแรก ๆ ทึ่ให้ความสนใจจดสิทธิบัตรคือชายคนหนึ่งชื่อ ซากิจิ โทโยตะ (Sakichi Toyota) มีอาชีพเป็นชาวนา เขาเกิดปี 1867 เห็นแม่ทำนาตอนกลางวัน และทอผ้าตอนกลางคืน วัน ๆ ใช้เวลามาก ใช้ความอดทน และยากลำบาก แต่ก็ทอผ้าได้วันละไม่มาก
โทโยตะเห็นแม่ทำงานหนักทุกวัน ก็อยากประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือมาช่วยให้แม่สบายขึ้น จึงได้ประดิษฐ์เครื่องทอผ้าขึ้น ทำงานด้วยแรงมือ และพัฒนาต่อจนทำงานได้ดี เอาไปขาย แล้วเอาเงินที่ได้มาพัฒนาเครื่องต่อ จนนำไปจดสิทธิบัตรในญี่ปุ่นได้ในที่สุด
เครื่องทอผ้าของโทโยตะ ยืมภาพมาจาก http://baba-english.at.webry.info/200701/article_7.html
จากนั้นเขาก็พัฒนาเครื่องทอผ้าของเขาต่อเรื่อยมา จนใช้ระบบไฟฟ้าให้ทำงานได้อัตโนมัติ ส่งไปขายอังกฤษ อเมริกา ได้เงินมากมาย ภายหลังอังกฤษสนใจผลงานนี้มากจึงเสนอซื้อสิทธิบัตรในอังกฤษทั้งหมด เป็นเงิน 1 ล้านเยน (ถ้าเป็นเงินสมัยนี้ก็คง 10,000 ล้านเยน)
รูปปั้นนี้ปั้นโดยภรรยาของซากิจิเอง ภาพยืมมาจาก http://nta.namcotravel.jp/user/tg3535/t2884/
ในบั้นปลายของชีวิต โทโยตะส่งลูกไปเรียนที่อเมริกา ลูกชายของเขาไปเห็นที่อเมริกามีคนใช้รถยนต์มากมาย เกิดจุดประกายความคิดขึ้น จึงกลับมาวิจัยและพัฒนาต่อยอด ฝ่าฟันความยากลำบากมากมาย และประสบความสำเร็จในปี 1935
จนกลายมาเป็นรถโตโยต้า รถยอดนิยมของคนไทยในวันนี้ี้
แวะมาอ่านครับ
เห็นมีรูปอุ้มลูก อย่าลืมดู ดรีมทีมนะครับ ไม่ผิดหวัง
เมื่อคืนดู The Last Samurai หนังดีจังเลยครับ เกี่ยวกับจิตวิญญานดีจัง
เคยดูไหมครับ
ขอบคุณที่แนะนำครับ จะลองไปหาดูครับ
The Last Samurai แม่น้องฟ้าชอบมากครับ แต่ผมคิดว่าหนังมันมีปัญหาเรื่องความสมจริงอยู่ ตรงนี้เลยทำใจยาก คิดว่าแทนที่จะรวบรัดเป็นหนังโรงสองชั่วโมง แต่ทำเป็นซีรีส์โทรทัศน์แทน จะดีกว่า เพราะมีเวลาให้ตัวละครพัฒนาบุคลิกให้ลึกขึ้น มีมิติมากขึ้น และการต่อสู้ไม่รวบรัดแพ้ชนะกันเร็วไป รวมถึงความสัมพันธ์พระ-นางด้วยครับ
ในส่วนฉากหมู่บ้านซามุไรและการเดินเรื่องในนั้นก็ทำได้ละเมียดละไมดีพอควรครับ