จ่ายครบจบแน่


หนึ่งคำถาม และ คำอุทานเสียงดัง ต่อการเรียนการสอน และ แง่มุมการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ท่ามกลางคำถามตัวโตโต ยามพบเห็นพบเจอคำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ของสถาบันการศึกษา เมื่อประกาศคำว่า จ่ายครบจบแน่ และ จ่ายครบจบแน่นอน ว่ายังคงยึดมั่นในความจริงขององค์ความรู้ ในมาตรฐานการศึกษาของสถาบัน และ ผู้เรียนรู้ มากน้อยเพียงใด สำหรับความจริงในยุคสมัย ซึ่งการศึกษาไทย ถูกผลักไสไล่ส่งให้นอกระบบ จะตามมีตามเกิดเช่นไรได้ สำหรับความจริง ในท่ามกลางยุควิชาการความรู้ที่ขายได้ จึงทำได้เพียงอุทานเสียงดังดัง ให้กับยุคสมัยการศึกษาไทย

จ่ายครบจบแน่

อ้างอิง - ภาพ http://www.lomography.com/folkways

ครั้งแรก

เมื่อได้อ่านพบ

ถึงข้อเขียนในคำโฆษณา

ผมพบว่าโฆษณาเชิญชวนครั้งนี้ มีคำตอบชัดเจน อย่างมิอาจต้องปิดบังแอบแฝง หรือซ่อนเร้นใดใด เพื่อให้คนเข้าเรียนในหลักสูตรการศึกษา ได้กลายเป็นคำตอบทางการค้า เมื่อดันผ่ากลางปล้อง ประกาศตั้งแต่ก่อนเรียนว่า หากจ่ายครบจะจบแน่นอนเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่อยากเรียน ในท่ามกลางความเสี่ยงของความพยายาม ของการเรียนรู้และความขยัน

ก็ในเมื่อหลักสูตรประกาศยืนยัน

ว่าสามารถจบได้แน่นอน

ใครบ้างจะขยัน

คำตอบมีเพียงเท่านี้จริงจริงครับ สำหรับเราท่านทั้งหลาย ที่ต่างเคยร่ำเรียนกันมา เคยผ่านไม้เรียวครูบาอาจารย์ และผ่านขั้นตอนของการเคี่ยวกรำฝึกฝน ใครบ้างเข้าใจว่า การเรียนรู้เป็นความสุขสบาย และเข้าใจไปเองว่า เงินสามารถพับเป็นช่อ เพื่อยื่นต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี

แทนดอกเข็ม

หญ้าแพรก ดอกมะเขือ

เพื่อใช้ก้มกราบครูบาอาจารย์

ด้วยสำนึกและความเข้าใจ ในฐานะศิษย์ผู้ตระหนักในคุณค่าแห่งการเรียนรู้ และคุณค่าของความรู้ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากครู ใครจะเชื่อเช่นไรผมไม่อาจทราบได้ แต่สำหรับผม ครูผมสอนผมมาว่า ด้วยความเคารพต่อคุณครูบาอาจารย์ ผมจึงต้องขยันขันแข็ง และเรียนให้รู้จริง

เราทุกคนจึงมีสิทธิ์สอบตกสอบซ่อม

และต้องมานั่งแก้ตัวแก้ไข

คอยให้ครูตรวจทาน

ว่าที่นั่งเรียนนั่งสอบกันไปนั้น ได้เข้าสู่ความเข้าใจ และถูกต้องต่อความหมายในการเรียนรู้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงบ่นท่องปากคำลงคอลงท้อง แต่คำท่องเหล่านั้นไม่ขึ้นสู่สมอง ไม่ใส่ใจ และไม่ใส่ไว้ในความทรงจำ คำตอบของการเรียนรู้จึงเป็นเรื่องไม่ยากเย็น หากพยายาม

แต่ไม่ใช่

การรับประกัน

เหมือนเช่นซื้อสินค้า

เปรียบผู้เรียนรู้เป็นดั่งลูกค้า และเปรียบครูบาอาจารย์เป็นดั่งคนขาย ที่คอยขายหลักสูตรการเรียน ในประเด็นนี้ก็ยังพอทำเนา แต่พอมาขายใบประกาศนียบัตร ขายวุฒิการศึกษา โดยรับประกันอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนว่า หากมีเงินก็สามารถเรียนจบได้อย่างแน่นอน ประเด็นนี้ชัดเกินไป

ในความจริงของคนเรียนหนังสือ

และในความกรุณาปราณี

ของครูบาอาจารย์

ผมก็เชื่อแน่ว่า ไม่มีครูคนใดจะใจไม้ไส้ระกำ กับลูกศิษย์ลูกหาของตัว เว้นแต่ว่าความสามารถของลูกศิษย์คนนั้น ไม่อาจผ่านเกณฑ์การศึกษา ไม่อาจผ่านดัชนีชี้วัดไปถึงการรับประกันคุณภาพทางการศึกษา กระทั่งมิสามารถตอบคำถามใดใดต่อสิ่งที่เรียกว่า องค์ความรู้ ได้

 

 

สิ่งเหล่านี้ต่างหาก

ที่สำคัญและชัดเจนมากกว่า

มากกว่ามุ่งเน้นกลยุทธ์ทางการตลาด

ประชาสัมพันธ์เชิญชวน จนเสมือนสถาบันการศึกษาเป็นห้างสรรพสินค้า เป็นโมเดิร์นเทรดสมัยใหม่ ที่ใครมีเงิน ก็เที่ยวไปเดินเลือกซื้อเลือกสรร แต่ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมสมอง สำหรับการปฏิบัติเรียนรู้ กระทั่งพร้อมยอมตนที่จะฝึกฝน จนได้รับความรู้กลับไป

ในวันนี้ท่ามกลางโลกแห่งการศึกษา

เมืองไทยเหมือนกำลังกระหาย

กับวุฒิทางการศึกษา

เท่าเทียมกับความโลภที่เกิดขึ้น อันเกิดจากความไม่รับรู้ ไม่สำนึกว่าชีวิตต้องพยายาม หากอยากได้มาซึ่งการศึกษา ก็เพียงใช้เงินเข้าแลกเปลี่ยน และสิ่งสำคัญที่สุด ก็ไม่ใช่ข้ออ้างของสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่จะอ้างเรื่องความรู้ความสามารถของผู้เรียน

ซึ่งหากเป็นประการนั้น

มหาวิทยาลัยก็สามารถจัดหลักสูตร

เพื่อเป็นหลักสูตรพิเศษทดสอบความสามารถ

นำประสบการณ์ และความสามารถอันชัดเจนของลูกศิษย์ลูกหา ซึ่งเขาอาจไม่มีโอกาสทางการศึกษา ทางมีทักษะความรู้ความเข้าใจ ในแต่ละแขนงสาขาวิชา เพื่อจัดทดสอบอย่างเป็นระบบ แต่ไม่ใช่หลักสูตรหลัก เพื่อมาเทียบเคียงจนต้องบังคับให้คนที่ไม่มีทักษะทางการเล่าเรียน

ในการเขียนวิทยานิพนธ์ นิพนธ์ หรือรายงานศึกษาวิจัย

จนกระทั่งต้องมาจ้างคนอื่นเขียนแทน

ส่งเสริมการทุจริตตั้งแต่เริ่ม

ความจริงในปัญหาของหลักสูตรทำเงิน ที่แต่ละมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษา ซึ่งออกนอกระบบทั้งหลาย ควรเข้าใจเป็นเบื้องต้นนอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการเลี้ยงองค์กร และยืนด้วยลำแข้ง ในการหางบประมาณเข้าสถาบัน คือความจริงในการปรับหลักสูตร

การสร้างหลักสูตร

ที่สามารถรองรับผู้มีความสามารถ

คนทั่วไปที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละความรู้

ให้มีโอกาสได้เข้าศึกษา จัดกระบวนการวัดผล ประเมินผล และประกันความรู้ความเข้าใจทางการศึกษา มากกว่ายัดเยียดจริตทางการศึกษา แล้วใช้การอำนวยความสะดวกต่อหลักสูตรทำเงิน เพื่อเอื้อให้สามารถเรียนจบ มีวุฒิบัตร มีเกียรติ มีหน้าตาต่อไป พร้อมเงินจ่ายค่าจ้างในการสอน

วันนี้ผมเพียงต้องการอุทานเสียงดังดัง

เพื่อบอกสถาบันการศึกษาทั้งหลาย

ว่าอย่ามัวแต่คิดถึงเงินรายได้

มากจนก้าวข้ามความจริง ในคุณภาพของผู้เรียน

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 188543เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2008 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 18:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เมื่อความเป็นครูหมดไป เป็นได้แค่อาจารย์ ไร้จริยธรรมคุณธรรม สถานบันการศึกษาบางแห่งก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีพิธีรับปริญญาที่ดูหรูหร่า ดูดี แต่นักศึกษาที่ออกมานั้น ไม่มีคุณภาพไม่มีสำนึกต่อสังคม ลองคิดดูถ้าทุกคนเห็นแต่เรื่อง เงินเป็นใหญ่ สังคมจะเป็นอย่างไร มีแต่การชิงดี ชิงเด่น ต้องการแต่กอบโกย เมื่อแม่พิมพ์และสถานบันการศึกษาของประเทศชาติเป็นกันอย่างนี้ แล้วอนาคตประเทศไทยจะอยู่ที่ไหน ผู้ที่อยู่ในวงการศึกษาต้องคิดให้มาก สถานศึกษาบางแห่งอาจารย์มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม นักศึกษาต้องการเข้ามาเพื่อเรียนรู้ ไม่ได้ต้องการที่จะมาดูว่า ใครเก่งที่สุดในวงการวิชาการ

เพราะสุดท้ายคุณเก่งอย่างไรก็ต้องมีวันตาย กลับกันครูต้องเป็นผู้ให้การศึกษา ให้โอกาส ให้นักศึกษานำความรู้ไปประยุกต์ พัฒนาตนเอง ต่อยอดความรู้ต่อจากครู ไม่ใช่สอนอะไรแบบอมความรู้ กัก ๆ ปิด ๆ บัง ๆไว้อยู่กับตัว เพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง

ผมไม่เห็นด้วยกับสถานบันการศึกษาที่คิดแต่ จะดูดเงินเข้ากระเป๋า

เวลานักศึกษามีปัญหาร้องเรียนใครได้บ้าง ร้องเรียนในสถาบันการศึกษาก็เท่านั้น เรื่องก็เงียบหาย ร้องเรียนส่วนกลางที่ตรวจสอบ ก็เงียบหาย เพราะคนในวงการศึกษาต่างมีสายสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อย่างนี้ นักศึกษาก็เป็นลูกไก่ในกำมือ ยิ่งเป็นนักศึกษาที่ไม่รู้จักใครก็คงต้องยอมๆ ไป

ตกลงแล้วปรัชญาการศึกษาของประเทศไทยคืออะไร มีใครช่วยตอบได้บ้าง

 

แวะมารับข้อมูล มุมมอง ความคิดเห็นต่าง ๆ ผมจะแวะไปตะโกนบอกอธิการฯ ของผมก่อนว่า คิดแบบนี้หรือเปล่า (จริง ๆ ก็คิดแบบนี้แหละ)

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีค่ะ คุณkati

* ไม่ชอบประโยคนี้เป็นที่ยิ่ง ... จ่ายครบจบแน่ ..

* งั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องจบเลย โธ่ แค่กระดาษแผ่นเดียว .. ฮึ

...

* การศึกษาไม่ควรเป็นเรื่องของธุรกิจ .. ค่ะ ..

* นับแต่ปี 2540 เป็นต้นมา นั่นไง ความล้มเหลวของระบบการศึกษา ...

* คนจริงจึงไม่มีใครอยากจะเข้าสู่ระบบการเรียน ที่มีแต่เรื่องของกำไร ลูกค้า ..

...

มีทางเดียวค่ะ ... เปลี่ยนรัฐชุดใหม่ ... เปลี่ยนความคิดทั้งระบบ ..

มีใครจะมาเป็น ฮีโร่ ... ล้างระบบเก่าๆ นี้บ้างไหมคะ ....

การศึกษาปัจจุบัน คนเราเน้นที่ "กระดาษ" ไว้เบ่งข่มกันเสียมาก แทนที่จะตั้งใจหาวิชาความรู้ไปช่วยเหลือประเทศชาติ

ใบปริญญาไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าใครรู้มากกว่าใคร ทุกคนมีความรู้ และเราก็ต้องเอาความรูนั้นมาแบ่งปันกัน ช่วยเหลือกัน

ระยะหลังกสนตรวจสอบคุณภาพ เขาเลยถามกันว่า จบจากที่ไหน สาขาอะไร และใครเป็นอาจารย์ผู้สอน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท