ครูเอ
จันทลักษณ์ a ใหม่จันทร์แดง

ความทรงจำในเมืองสามหมอก 3


ดึงดาว

ในช่วงแรกๆของการต้องใช้ชีวิตครูดอย  และครูใหม่ ตามธรรมเนียมนิยมปฏิบัติ ครูเก่าๆจะพาครูใหม่ไปพบปะพูดคุย แนะนำ ทักทายชาวบ้านให้รู้จัก  ครั้งแรกพาไป  ฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อหลวง  และผู้อาวุโสในชุมชนหลายบ้านด้วยกัน  โดยทั่วไปม้งจะตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ที่สูง  และอากาศหนาวเย็น  บ้านของพวกเขาจะปลูกสร้างง่ายๆด้วยไม้แผ่นมุงจากติดพื้นดิน   บ้างหลังที่พอมีฐานะ ก็นิยมปลูกบ้านด้วยไม้จะยกพื้นสูง  มุงกระเบื้อง  แต่ส่วนใหญ่จะปลูกบ้านติดกับพื้นดิน มีการหุงหาอาหารก่อฟืนภายในบ้าน ในบ้านก็จะเป็นทั้งที่พัก ที่นอนและเก็บอาหารเสบียงอาหารตุนไว้ เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง    เมื่อย่างก้าวเข้าไปในบ้านจะพบว่าพวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน และหลายครอบครัว  บางครอบครัวมีชื่อในทะเบียบบ้าน เกือบ  30 คน  แต่อยู่แค่ชื่อ  แล้วออกไปทำงานที่อื่น   จัดว่าเป็นครอบครัวใหญ่ บางหลังมีแต่คนแก่และเด็ก ส่วนผู้ใหญ่ออกไปหาทำงานต่างถิ่น   ที่นี่ผู้ชายม้งสามารถมีภรรยาได้ ไม่เกิน 3 คน  ( ถ้ามีกำลังเลี้ยงได้ ) แต่เมียคนที่ 2 และ 3 ต้องเป็นแม่หม้ายเท่านั้นนะค่ะ

สำหรับวิถีชีวิตของคนที่นี่  จะออกไปทำไร่แต่เช้ามืด  และจะกลับมาให้ตอนเย็น พร้อมกับแบกตะกร้าใส่พืชผัก ผลไม้ไว้ข้างหลัง  เพื่อนำไปปรุงอาหารรับประทานในตอนเย็น และบางครั้งยังเหลือเผื่อมาฝากคุณครูด้วย

มีวันหนึ่งที่ครูใหญ่ลงไปติดต่องานในที่ สปอ.  ครูแดง เป็นครูผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งรักษาการครูใหญ่  ( พวกเรามักเปรียบเทียบครูใหญ่เป็นพ่อ  ครูแดงเป็นแม่ ) ครูจิ๊ดเปรียบเหมือนพี่สาวคนโตของพวกเรา  ได้พาครูเอและครูหน่อย ในฐานะครูใหม่ไปเที่ยวในหมู่บ้านม้ง พวกเราเข้าไปบ้านหลังหนึ่งมีคุณยายอายุ ราว 70 ปี สูบยาเส้นคล้ายๆไปรท์  ท่าทางอารมณ์ดี หัวเราะอย่างคนเมา  พอสอบถาม คุณยายก็บอกเป็นภาษาพื้นบ้าน จำไม่ได้ว่าเรียกอะไร  แต่รู้ว่า คือ ฝิ่น  และยังสาธิต ดึงดาวให้ดูอีกด้วย และคำถามก็ตามมาว่า รู้สึกอย่างไร คุณยายก็ตอบ แบบจับใจความได้ว่า มีความสุขที่สุด ถ้าเรานึกอยากได้อะไรก็ได้ ขอแค่มี เจ้านี้ ผสมกับยาเส้นเล็กน้อย  โห้ ในชีวิตไม่เคยเห็นแบบนี้  จากการสอบถามทำไม คุณยายถึงต้องกินฝิ่นด้วยล่ะ ในหลวงท่านห้ามไม่ให้ปลูกไม่ใช่หรอ คุณยายก็ตอบว่า ถ้ายายไม่ได้กินก็ไม่มีแรงทำงาน เป็นการสนทนาที่ครูเอและครูหน่อยฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 

แต่ก็....ยังอยู่ในความทรงจำ....นับแต่นั้นมา

 

คำสำคัญ (Tags): #แนะนำครูใหม่
หมายเลขบันทึก: 188422เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2008 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

ภาพลักษณ์อันเป็นแบบฉบับของครูไทย  นอกเหนือจากสอนหนังสือเก่งแล้ว..ยังต้องเข้ากับชุมชนได้เป็นอย่างดี  ซึ่งก็มักเป็นคนที่ชุมชนให้เกียรติ ยกย่องและนับถือเป็นพิเศษ ...

...

สำหรับวิถีชีวิตของคนที่นี่  จะออกไปทำไร่แต่เช้ามืด  และจะกลับมาให้ตอนเย็น พร้อมกับแบกตะกร้าใส่พืชผัก ผลไม้ไว้ข้างหลัง  เพื่อนำไปปรุงอาหารรับประทานในตอนเย็น และบางครั้งยังเหลือเผื่อมาฝากคุณครูด้วย

... ภาพเหล่านี้  ผมไม่รู้ว่า  ทุกวันนี้มีให้พบเห็นกันกี่มากน้อย  ...

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ที่เดินทางผ่านกาลเวลามายังบันทึกนี้นะครับ

จำได้ตอนเรียนจบใหม่ๆ ตั้งใจอยากเป็นครู ถึงสอบครูไม่ได้ก็จะเป็นครูดอย  ที่แห่งแรกที่ตั้งใจอยากไปเป็นครูดอยคือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ....

แต่...ไม่ได้ไป ต้องทำหน้าที่ลูก  ข้อหนึ่ง คือ เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่  แม่ไม่อยากให้ไปลำบากบนดอย (ที่จริงชีวิตครอบครัวผมก็ลำบากมากเหมือนกัน) ท่านทัดทานไว้ จึงเชื่อฟังท่านสักเรื่องหนึ่ง

และแล้วในที่สุดก็ทำตามที่ท่านขอไม่ได้ตลอด มาทำงานบนดอยจนได้  แต่ไม่ได้เป็นครูดอย มาเป็น"ครูข้างถนน"แทน

+++++++++++++++++

ขอแลกเปลี่ยนกับอาจารย์แผ่นดิน  สักนิดหนึ่ง ครับ

... ภาพเหล่านี้  ผมไม่รู้ว่า  ทุกวันนี้มีให้พบเห็นกันกี่มากน้อย  ...

ภาพเหล่านั้นจะมีมากน้อยเพียงใด ในยุคสังคมปัจจุบันที่มีการแก่งแย่งแข่งขัน ผมก็ไมอาจประมาณได้  แต่ เมื่อผมลงพื้นที่ ผมยังพบเห็นจากพี่น้องปากาญอ ที่ จ.ตาก อยู่ครับ และผมเองก็ยังได้รับการแบ่งปันน้ำใจ เป็นประจำ  ถึงแม้ผมไม่ใช่ครูดอยก็ตาม

ขอบคุณมากครับ

ขอมาอีกรอบหนึ่ง เพื่อนำรูปมายืนยัน

ขอบคุณครับ

มาเป็นกำลังใจให้พี่สาวค่ะ...รักแท้ยังมีอยู่จริงค่ะ..เชื่อไหม

เช่นกันครับ... ครูข้างถนน 

ผมเองก็พบเจอภาพเหล่านี้อยู่บ้าง  โดยเฉพาะในชุมชนที่ห่างไกลจากตัวเมือง .. 

ในตัวเมือง  ไม่ปรารถนาให้แบ่งปันสิ่งของก็ได้  หากแต่อยากให้มีการแบ่งปันรอยยิ้มกันให้เยอะ ๆ  เพราะนั่นคือการเปิดประตูใจให้มิตรภาพได้ทักทายกัน

....

ผมอยู่บ้านนอก  ไม่มีเงินค่ารถเข้าเมืองยังพอมีรถให้โบก ...
ไม่มีข้าวให้กิน ยังพอยืมและขอเพื่อนบ้านได้บ้าง

แต่ช่วงชีวิตหนึ่งที่ผมมาเผชิญชีวิตในเมืองใหญ่ ...มันกลับตรงกันข้าม  แต่ก็มีบ้างที่กระเป๋ารถเมล์ใจดี..ให้ใครบางคนขึ้นรถฟรี ๆ ...อย่างมีน้ำใจ

...

ใช่ครับ  โลกไม่เลวร้ายนักหรอก ...

ขอบคุณครับ

P  ขอบคุณค่ะ อ.แผ่นดินที่แวะมาร่วมถ่ายทอดบันทึกนี้  ไม่ติดมีภาระกลับไปใช้ชีวิตบนดอยมีความสุขตามธรรมชาติ  ที่สุดแล้วค่ะ   ต่อให้ยากดีมีจนก็หมดลมหายใจได้เสมอกัน

P  ขอบคุณค่ะ ครูข้างถนน

ปากากะญอ ก็มีวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย สงบสุข

ครูเอชอบคะ  จิบน้ำชาบนบ้านชาวบ้าน ยามพระจันทร์ดวง เดินไปเที่ยวในหมู่บ้านไม่ต้องจุดโช ( เกี๊ย ) หรือภาษากลางเรียกว่า เปลือกสน  เดินจับมือกันเกี่ยวกัน  ท่ามกลางแสงจันทร์

 เพราะกลัวค่ะ  ...กลัววิ่งหนีกันค่ะ ....อิอิ

 มีเรื่องเล่าตอนที่ไปบบรรจุที่ไปสอนบ้านกะเหรี่ยงด้วยนะค่ะ  รออ่านบันทึกตอนโรงเรียนบ้านหนองเขียวนะค่ะ 

 

 

P ขอบคุณ อีกครั้งที่มายืนยันด้วยภาพค่ะ

ครูเอมีภาพเก่าๆค่ะ แต่ไม่มีฟิลม์ คงต้องสแกนค่ะ ว่าจะลองไปทำเก็บไว้เป็นที่ระลึก  ภาพแบบนี้มันหาไม่ได้แล้วค่ะ  

ขอบคุณค่ะ สำหรับภาพ ครูเอไม่เคยใส่กลัวเจ็บค่ะ ท่าทางจะเหลียวไม่ได้ค่ะ  คอคงจะเคร็ดเพราะเกร็ง อิอิ

 

P  ขอบคุณค่ะ  ครูแอนน้องสาวที่น่ารัก 

เพราะรัก  แท้..... ..ฉันมี........ แค่ครั้งเดียว..... 

ใครร้องต่อได้บ้างค่ะ    ร้องได้แค่นี้ค่ะ  แหะ

มีหนังสือของท่านชุติปัญโญเล่มที่ 16 ชื่อ "สิ่งที่มีค่ามากกว่าความรัก" ...

คำโปรย ณ ปกหน้า ... อย่าติดเพียงกับดักของคำว่ารัก เพราะสิ่งที่มีค่ามากกว่าความรักนั้นมีอยู่

:) แวะมานี่ เกี่ยวกับบันทึกของครูเอหรือเปล่าเนี่ย ว้า ...

เศรษฐกิจพอเพียงยังคงมีอยู่จริง

แต่เศรษฐกิจที่ไม่พอเพียงก็ยังมีอยู่มากเช่นกัน ครับ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์wasawat

 ที่แนะนำหนังสือดีๆ มีโอกาสไปสุริวงค์จะแวะไปดูค่ะ

 ครูเอยังไม่ได้หนังสือ ค้นหา เลยค่ะ

มาเยี่ยมตอนเช้า อิอิ...ยังไม่สายใช่ป่าวคะ

เมื่อคืนไปสังสรรค์กับเพื่อนในเมืองค่ะ ทานเผื่อด้วย

ความรัก ความศรัทธาและน้ำใจของคนในชุมชน ยังอยู่ในความทรงจำเสมอมา..อิอิ ครูบ้านนอกค่ะ

เป็นกำลังใจให้ ค่ะน้องสาว

แวะมาขอบคุณเรื่อง วฐ จ้า...รักษาสุขภาพด้วย..วันนี้คุยกับพี่ชายใหญ่แล้ว.บอกว่าพี่ครูเอถามถึง..อิอิ..ไปดีกว่า...

P  ขอบคุณค่ะ พีสาว ที่แวะมาเยี่ยมกัน 

อิ่มน่าล่ะค่ะ  เมื่อคืนอิ่ม....ไม่รู้สึกหิว ....จนเลยเวลานอน  อิอิ

P ขอบคุณค่ะ ครูแอน

รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ 

เอ..คุยอะไรกันบ้างน่า.......หุหุ

อ่านบันทึกถึงตรงนี้ ภาพนี้ก็ลอยมาครับ

P ขอบคุณค่ะ  คุณรินทร์

สำหรับภาพประกอบ

ครูเอมีแต่  ภาพประทับใจ 

ที่บันทึกในห้วงคำนึงค่ะ

ยินดีให้ลงภาพได้อีกนะค่ะ

* ทุกครั้งที่ลงพท. แม้จะเหนื่อยกาย แต่ได้สุขใจค่ะ

* รอยยิ้มอันจริงใจ สายตาใสๆ บริสุทธิ์ นี่ยังไม่รวม

* ถึง บรรยากาศ วิถีชีวิต ที่ไม่ปรุงแต่ง อีกนะคะ

* เกินบรรยายจริงๆ ค่ะครูเอ  .. ชอบและต้องมนต์ค่ะ

P  ขอบคุณค่ะ คุณ poo

ที่แวะเยี่ยมเยือนกันบ่อยค่ะ

คิดถึงค่ะ ..ช่วงนี้...งานเยอะค่ะ 

เตรียมตัวจะไปโรงเรียนแล้วค่ะ  บาย

สวัสดีนะคะ คุณครูเอ

ไม่เคยเข้ามาที่บล็อคนี้มาก่อน

เป็นสมาชิกใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

พอดีจอย กำลังสับสนวุ่นวาย กับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง

ที่มีแต่การแข่งขัน ความฝันอยากไปอยู่ที่ๆ มีสังคมอันสงบเงียบ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วย

น้ำใจไมตรี แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างนั้นได้อย่างไร

รู้สึกภูมิใจกับครูเอจัง ได้เป็นคุณครู อยู่กับธรรมชาติ และเด็กๆ

มีชีวิตที่พอเพียง ยังไงอยากได้คำแนะนำ จากครูเอ

ว่าจอยจะเริ่มต้นใช้ชีวิต..ที่เรียบง่าย..หรือมีงานอะไรที่มีประโยชน์ต่อชุมชนเล็กๆ

ได้อย่างไร

ขอบคุณ และยินดีที่ได้มีโอกาส เข้ามาทักทายกันค่ะ

คุณ ครูเอ ครับ ... คุณ lovepooh แวะมาทักทาย

ไม่มาต้อนฮับหน่อยหรือครับ เอ .. หายไปไหนเนี่ย :)

ขอบคุณค่ะ คุณจอย

ดีใจที่เรื่องราวทำให้พบความสุข แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ

ขออภัยที่ตอบช้าไม่ได้เข้านานมากค่ะ

P  มาแล้วค่ะ 

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ที่เข้ามาเยี่ยมกันค่ะ

ช่วงนี้ จิตใจว้าวุ่นค่ะ อิอิ

 สมศ.จะมาประเมิน  ประมาณต้นเดือนธันวาค่ะ

 

มาอ่านความทรงจำที่มีคุณค่า

แวะมาทักทายค่ะ :)

มีความสุขมากมายนะคะ

P ขอบคุณค่ะ คุณสายธาร

มีความสุขเช่นกันนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท