ภารกิจเพาะหว่านเมล็ดพันธ์แห่งคุณธรรม จริยธรรมและความดีงาม โดย ธีระ เงินแก้ว
ธีระ ภารกิจเพาะหว่านเมล็ดพันธ์แห่งคุณธรรม จริยธรรมและความดีงาม โดย ธีระ เงินแก้ว เงินแก้ว

เขาว่าผมคือมืออาชีพ


กรณีศึกษาทางธุรกิจ

เขาว่าผมคือมืออาชีพ

ตอนที่  3

เขาว่าผมคือมืออาชีพ ภาคสอง  เป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจ  เป็นบทความที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ  ที่เขียนโดย  สุจินต์  จันทร์นวล  สำนักพิมพ์มติชนนำมารวมเล่มพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ  พ.ศ.2540        พิมพ์ครั้งที่ 10  พ.ศ.2547  โดยสำนักพิมพ์มติชน  304  หน้า  ราคา185  บาท ซึ่งเป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จมาจากภาคแรก  โดยผู้เขียนคือสุจินต์  จันทร์นวล  ซึ่งในวงการธุรกิจถือว่าฐานล่างคือล้วนแต่มีสถานะเป็นลูกจ้าง เป็นกลุ่มคนขายแรงงาน ขายสมองและความ สามารถเพื่อแลกผลตอบแทนในรูปค่าจ้าง

และฐานรากที่สำคัญอีกเช่นกันกลไกการทำงานนี้ยังแบ่งย่อยออกเป็นอีกหลายระดับ คือมีทั้งระดับลูกจ้างที่ใช้แรงงาน ลูกจ้างระดับพนักงานทั่วไป  และลูกจ้างชั้นบนสุดที่มีหน้าที่ด้านบริหาร ซึ่งสุจินต์  จันทร์นวล  ผู้เขียนก็เป็นลูกจ้างซึ่งผ่านงานมาหลายระดับและหลายกิจการ  แต่จุดเริ่มต้นของเขามิได้มาจากฐานล่างที่สุดคือระดับผู้ใช้แรงงานเนื่องด้วยวุฒิการศึกษาทางด้านวิศวกรรมจากประเทศเยอรมันนี  ทำให้ต้องไปเริ่มที่ตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายผลิตที่โรงงานแต่ชีวิตช่วงหนึ่งที่ต่างประเทศ  เขาก็เคยผ่านประสบการณ์ด้วยการรับจ้างทั่วไปส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ

ด้วยความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทำให้ สุจินต์  จันทร์นวล  ไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้จัดการโรงงาน  ผู้จัดการทั่วไป  และก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดของลูกจ้างเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหาร กล่าวกันว่าเป็นความสำเร็จของลูกจ้างเพียงไม่กี่คนในประเทศนี้ที่สามารถเดินทางไปถึง ในขณะที่มีลูกจ้างอีกหลายสิบล้านคนต้องจบชีวิตการทำงานของตนในตำแหน่งที่ต่ำกว่านั้นไปเสียก่อนด้วยวัยเกษียณ

สุจินต์  จันทร์นวลใช้สถานภาพของความเป็นลูกจ้างมืออาชีพ  รับจ้างบริหารงานมาหลายกิจการ  ผ่านประสบการณ์มากมายทั้งในเรื่องการบริหารคน  การบริหารงาน  การเจรจาต่อรองทางธุรกิจกับทั้งคนไทยด้วยกันหรือฝรั่งต่างชาติ

หลายครั้งเขาเข้าไปกอบกู้กิจการที่มีหนี้สินนับพันล้านให้สามารถดินหน้าต่อไปได้  ทั้งที่ช่วงดังกล่าวเป็นห้วงที่ประเทศไทยเรากำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี  ๒๕๔๐หลายครั้งเขาต้องเข้าไปเริ่มต้นนับหนึ่งให้กับบางกิจการทั้งที่ไม่มีเงินทุนจนถึงขั้นพนักงานร่วมบริษัทด้วยกันเห็นใจช่วยร่วมกันลงขันเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าสัมปทานให้กับรัฐล่วงหน้า

ใครที่ติดตามอ่านงานเขียนของสุจินต์มาตลอดตั้งแต่เล่มแรกในชื่อเดิม  เขาว่าผมคือมืออาชีพ  ซึ่งกลายเป็นหนังสือประเภทฮาวทูของคนไทยที่ประสบความสำเร็จระดับเบสท์เซลเลอร์  ต้องพิมพ์ซ้ำหลายสิบครั้ง  คงจะได้พบเห็นพัฒนาการหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากงานเขียนของเขา  โดยเฉพาะพัฒนาการด้านเนื้อหาที่แปรเปลี่ยนจากประสบการณ์และวิธีแก้ปัญหาในการทำงานระดับปฏิบัติการไปสู่การเผชิญหน้าในระดับฝ่ายบริหารและแนวคิด วิธีจัดการกับปัญหาให้สำเร็จลุล่วง

สำหรับงานเขียน  เขาว่าผมคือมืออาชีพ ภาคสองเช่นกัน  ตามแนวของหนังสือ  การเล่าประสบการณ์การเอาชนะศัตรู  และฟันฝ่าอุปสรรคด้วยการใช้ไหวพริบวาทศิลป์  การลงมือภาคปฏิบัติ  และวิธีการที่ถึงลูกถึงคน  และเป็นแนวหนังสือบริหาร  บ่งบอกเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องมีโชคช่วย  อาศัยชั้นเชิงการบริหาร  และการใช้สมองแก้สถานการณ์ล้วน ๆ ที่ถ่ายทอดอย่างกระชับ  ชัดเจน  และเห็นภาพครบทั้งด้านการวางแผนงาน  การบริหารงาน  บริหารเงิน  บริหารเครื่องจักร   บริหารคน ฯลฯ

เขาว่าผมคือมืออาชีพ ภาคสอง  จึงเป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจที่อ่านได้สนุก  การถ่ายทอดประสบการณ์จริงที่ไม่มีอยู่ในทฤษฏีการบริหารใด ๆ และเป็นหนังสือที่ผู้อ่านให้ความสนใจกล่าวถึงตลอดระยะเวลา  จากกลุ่มผู้อ่านตั้งแต่ระดับเจ้าของกิจการ  นักบริหาร  นักธุรกิจใหม่  ลูกจ้าง  เลขานุการ  พนักงาน  ฯลฯ

มองตัวเองเป็นสินค้า ที่ถูกซื้อขาย  เมื่อจะรับจ้างเขา  จึงต้องมีแฟ็กเตอร์พื้นฐานในการตัดสินใจ  ความเป็นมืออาชีพที่กล้าเสี่ยง  เขาบอกว่าถึงคราวที่ต้องคิดอะไรให้รอบคอบ  ถึงจังหวะที่ต้องพินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วน  เหตุผลต้องนำหน้าความรู้สึก  ทุกข้อทุกประเด็นต้องมีเหตุผลที่อธิบายได้  และยอมรับได้ (เสี่ยง....เป็นเสี่ยงกัน  หน้า๓๑)

การที่คนแปลกหน้าเข้าไปที่ใดเมื่อจะต้องอยู่กับพวกเขา  แถมยังจะต้องร่วมงานกับเขา  ไปใช้เขา ให้เขาทำตามที่เราคิดให้เขาทำ  ทั้ง ๆ ที่เราใหม่ไปหมด  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน หรือเรื่องงาน  วิธีการก็มีเพียงสั้น ๆ แต่ยากและยาว  คือว่า  ต้องทำให้พวกเขายอมรับในตัวเราให้ได้เสียก่อน  คือหากทำได้ให้พวกเขายอมรับ  ก็เท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง (เลขา....ของผม  หน้า๔๐)

ทุกอย่าง เวลามันจะพิสูจน์เอง  ไม่ว่าจะเป็นนายเขา  ผู้นำเขา  ที่เข้าท่าหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นนักบริหารธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลหรือเปล่า  ไม่ว่าจะเป็นคนซื่อ  มือสะอาด หรือว่ามีคุณธรรมจริยธรรมหรือไม่ (บริการบานปลาย  หน้า ๖๘)

คนที่จะเป็นลูกพี่เขาได้นั้น  ความสามารถและประสบการณ์  ต้องเป็นที่ยอมรับได้  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  คาดคะเนเอาว่าเขาให้อยู่แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของการยอมรับเท่านั้น  อีกห้าสิบมันอยู่ที่เรื่องอื่น  มันเป็นคุณสมบัติ  เป็นเรื่องนิสัยใจคอ  เป็นเรื่องของความเหนือกว่าในการเป็นผู้นำ  เป็นนักบริหาร ความแยบแหลมหรือความยากเย็น  แข็งแกร่ง หรืออะไร ๆ ก็ต้องเหนือกว่าเขาจนเขายอมรับได้นั่นแหละ (ฝังศพ....ปลุกผี  หน้า ๑๑๖)

กำหนดไว้ว่า  การปะทะกับใคร  จะไม่พึงทำ  หลีกเลี่ยงที่สุด พันธมิตร  สร้างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ตรงข้ามกับศัตรู  คนเดียวก็มากเกินไป อย่าให้มีเลยนั่นแหละดี  อะไรยอมได้ก็ยอม

กันไป แม้จะต้องข่มใจสายเลือดนักสู้  ทนไม่ไหวเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน(ใจงาน....ใจคน  หน้า๑๒๑)

ประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นโดยผู้ชนะเขียนยังไงก็ได้ให้คนรุ่นหลังเชื่อ

หลักศาสนาสอนว่า ให้เดินสายกลางนี่แหละถูกต้องที่สุด จะทำใจได้มันก็ต้องแยกแยะอะไรให้ออก หน้าที่นั้นคืออะไร  เขาจ้างเรามาทำอะไร  จุดมุ่งหมายของเราอยู่ที่ไหน  แล้วจุดของเขาอยู่ที่ไหน  ขีดเส้นแบ่งเขตให้แน่ชัด  แล้วอินแค่ตรงนั้น  ตรงที่เราต้องทำ  ก็มันเข้าไป  ทำมันให้ดีที่สุด ทุ่มเทเข้าไป  ทำให้สำเร็จให้ได้  นั่นคือจุดหมายและหน้าที่ของเรา(นี่แหละ....สัจธรรม  หน้า๒๔๓)

เมื่อทำไปแล้ว ที่หวังไว้ได้หมด  เริมชินชาและไม่เห็นว่าจะต้องมาหวังอะไรกันอีก  ความรู้สึกก็จะมาที่นาย หรือหัวหน้า  ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าคับใจหรือไม่  บริษัทยังไงมันก็ไม่มีวิญญาณและความรู้สึกเพราะมันไม่ใช่คน

คนที่ตั้งบริษัท ที่วางนโยบาย  วิธีการบริหาร  จุดมุ่งหมาย  ให้แคแร็กเตอร์  ให้แนวปรัชญาของการอยูร่วมกัน  ทำงานร่วมกัน  ของพนักงานและบริษัทต่างหาก ที่ใส่จิตวิญญาณให้กับความไม่มีชีวิตของบริษัท  ให้มีและเกิดวัฒนธรรมขององค์กรขึ้น (เข้าใจเขา....เข้าใจเรา  หน้า ๒๔๖)

คนเราต้องรู้จักตัวเองให้ได้  ในอาชีพรับจ้างนี้ว่า  ตัวเองมีความสามารถที่แท้จริงด้านไหน  ตัวเองชอบและรักงานประเภทไหน  งานที่ให้ความสุขใจในการที่จะทำมัน  ทำแล้วมีผลงาน ผลงานที่นายเห็น  เมื่อเห็นก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวหน้าได้(รู้จักตัวเองแล้วหรือยัง  หน้า ๒๕๔)

ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์และมีคุณค่า สำหรับมนุษย์ปุถุชน  หากไม่มีมัน  คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  เพราะความเชื่อมั่นคือแรงแห่งพลังที่ทุกคนมีไว้ต่อสู้(โอเวอร์...คอนฟิเดนต์  หน้า๒๘๐)

โลกบังคับให้ทุกคนต้องมีอาชีพ  แต่ความเป็นมืออาชีพที่เรากล่าวถึง  เราแสวงหาความหมายกัน  เราต่างนิยาม  เราถามหากับทุกคน  เขาว่าผมคือมืออาชีพ  ภาคสอง  บอกเราได้  แม้ไม่ทั้งหมด  นิยามของมืออาชีพ  สุจินต์    จันทร์นวล  นำมาใช้เมื่อสิบปีที่ผ่านมา  ทุกวันนี้เราเรียกหาคำนี้กันมากขึ้น  เพราะคำว่ามืออาชีพคือความเป็นสากล  ไม่ผูกติดอยู่กับเงื่อนไขของกาลเวลา

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 188109เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2008 23:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 18:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท