การอบรมคุณอำนวยคุณลิขิตครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 11- 13 มิ.ย.2551ณโรงแรมชลจันทร์พัทยารีสอร์ท ชลบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของกิจกรรม “การจัดการเรียนรู้(KM)ของสถาบันบำราศนราดูร โดยครั้งนี้เริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับของประธาน(พญ.ประพาฬรัตน์)และอาจารย์ทรงพล เจตนาวนิชย์ แล้วมีกิจกรรมการอุ่นเครื่องโดยอาจารย์นวลทิพย์ ก่อนที่จะเข้าสู่บรรยากาศวิชาการ ซึ่งก็ย้ำถึงแนวคิดว่า
จะทำKM ได้จากอะไรบ้าง
- คิดใหม่ทำใหม่ในงานเดิม
- มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรมได้ถ้ามีการเปลี่ยนเงื่อนไข
- บรรยากาศซ้ำเดิมๆทำให้จิตใจหดหู่
- ทำงานRoutine ไม่ให้เป็นRoutine
- เริ่ม ทำAAR จากงานที่ทำ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในงานที่ทำ
- ถ้าหากเปลี่ยนวิธีคิดจะเปลี่ยนพฤติกรรม
การทำกิจกรรมตลาดนัดเป็นการแบ่งกลุ่มย่อย ให้คิดว่าถ้าหากจะทำตลาดจะมีองค์ประกอบอะไรที่จะให้เกิดตลาดขึ้นมา การมองจากมุมที่ไม่เคยมอง รู้เขา รู้เรา รู้สถานการณ์ ดูให้ออกถึงจุดเด่น จุดขาย ใจกว้างเปิดใจ
ระหว่างนั้นจะมีการทำกิจกรรมอุ่นเครื่องเป็นช่วงๆๆ และพอหลังจากทานอาหารตอนเย็นอาจารย์ให้ทุกคนดูภาพยนตร์เรื่อง Ice Princes ซึ่งทุกคนต้องดูและฟังอย่างลึกซึ้งเพื่อจะได้มาพูดคุยกันในวันรุ่งขึ้น
พอเข้าวันที่ 2 ตอนเช้าก็พูดคุยถึงภาพยนตร์ที่ผ่านมาซึ่งมุมมองของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามบริบทของตนเองซึ่งอาจารย์ก็ได้สรุปว่าแต่ละคนจะพูดไปตามแต่ละบริบทและการให้meaning สำคัญที่สุด(ความมุ่งมั่น,ใจ) การให้คุณค่าแท้,เทียม ซึ่งจะถูกผิดนั่นอยู่ที่การมองให้ลึก,การหาความเกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นอาจารย์พูดถึงสุนทรียสนทนา ซึ่งได้ให้แบ่งกลุ่มเพื่อฝึกโดยมีหลักการดังนี้
1. ให้ทุกคนถอดหมวก ถอดตำแหน่ง(อำนาจ,กำแพง,กัลยาณมิตร)
2. ไม่มีวาระ(ทุกคนสร้างวาระเองได้)
3. ไม่มีผู้ดำเนินการประชุม(พูดลงไปกลางวง)
4. พูดเมื่อมีความรู้สึกว่าจะพูด(คำถาม,เติมเต็ม,ต่อยอด,เปลี่ยนประเด็นฯ)
5. ฟังอย่างลึกซึ้ง (สมาธิ,ใจ,ห้อยแขวน,ไตร่ตรอง,ให้เข้าใจ,ทุกนัย,มุมมองใหม่ฯลฯ)
6. ไม่มีการสรุป ตีความโดยอิสระ
ซึ่งหลังจากทำกิจกรรมอาจารย์ก็ได้ถามความรู้สึกจากตัวแทนกลุ่มย่อยซึ่งมีหลากหลายความรู้สึกบางคนก็อยากพูดต่อเมื่อคนอื่นพูดทันทีแต่อาจารย์มีกฎว่าให้พูดเว้นระยะ3คน เราถึงจะพูดได้, บางกลุ่มก็รู้สึกอึดอัดว่าใครจะพูดกันรู้เรื่องหรือไม่เพราะมีหลากหลายสาขาในแต่ละกลุ่มเป็นต้น
หลังจากนั้นอาจารย์ดูการบ้านที่ทุกคนส่งซึ่งอาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่าควรจะเขียนแบบไหนรูปแบบอย่างไรให้งานชัดเจนยิ่งขึ้นซึ่งก็มีตัวอย่างให้มองเห็นได้ชัดขึ้น
พอตอนเย็นก็เริ่มกิจกรรมด้วยเกมสี่ทิศซึ่งสนุกมากแต่ละคนเปิดใจและปล่อยวางทำให้รู้เขารู้เรา
วันที่สาม ตอนเช้าอาจารย์สรุปกิจกรรมที่ทำไปว่ามีวัตถุประสงค์คือ
1. กุศโลบายให้คนได้คุยกันในเรื่องใกล้ตัว แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันด้วยท่าทีสร้างสรรค์
2. ทำให้เข้าใจตระหนักยอมรับว่าทุกคนมีจุดอ่อน จุดแข็ง
3. อะไรเป็นจุดอ่อน จุดแข็ง นั้นอยู่กับสถานการณ์(สภาวะผู้นำ)
4. ทำให้รู้จักตนเองและคนอื่นมากขึ้น
5. เราจะพัฒนาตนเองอย่างไร
6. เราควรจะมีท่าทีหรือจัดระบบความสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไร
หลังจากนั้นให้ทีมที่ร่วมจัดทำงานVIP บำราศฯ มาเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังซึ่งทำให้คนที่ไม่ได้อยู่ร่วมงานวันนั้นได้เห็นภาพเหตุการณ์ซึ่งคุณลิขิตของงานนี้คือพี่ปัทมาวดี อาจารย์ชมว่าพี่ปัทม์เขียนได้ครอบคลุมชัดเจนซึ่งพี่ปัทม์จะแจกงานที่เขียนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ทุกคน หลังจากนั้นพี่บุญช่วยได้พูดKMในงานจุลชีวิทยาซึ่งเมื่อพี่บุญช่วยพูดก็จะเห็นภาพได้ชัดขึ้นซึ่งตามที่อาจารย์บอกว่าเมื่อเราปักธงก็จะต้องไปถึงธงที่ปักให้ได้ไม่ว่าธงนั้นจะเล็กหรือใหญ่
ก่อนกลับประธานได้กล่าวขอบคุณวิทยากรทั้งสองท่าน เป็นกลอนซึ่งอาจารย์บอกประธานให้แจกแต่ละคนไปติดที่หน่วยงานเพื่อเตือนใจ
ในที่สุดก็จบการอบรมKMทั้งสี่ครั้งแล้วทีมที่ไปอบรมคงต้องนำมานต่อในหน่วยงานของตัวเองและสถาบันฯต่อไป
ส่วนรูปกิจกรรมครั้งนี้จะนำมาให้ชมในวันต่อไปคะ
โดย ปิยะวดี ฉาไธสง
ภาพบรรยากาศในการอบรม
กิจกรรมอุ่นเครื่องต่างคนต่างลีลา
หลากอิริยาบทระหว่างทำกิจกรรมของแต่ละกลุ่ม
ตัวแทนของแต่ละกลุ่มในเกมส์สี่ทิศ
ประธานกำลังอ่านกลอนที่แต่งขึ้นเอง