พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า
“ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ
และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เจ้าเห็นหรือไม่ว่า
รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น
จำไว้นะลูก
เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล
เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้ใช้คำพูด ว่า
“ขอโทษ”
สักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด
ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้
ฉันใดก็ฉันนั้น
“กับเพื่อน” .. เพื่อนเปรียบเสมือน อัญมณีอันมีค่าที่หายาก
เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจ
และยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ
เป็นคนที่คอยปลอบใจเราเมื่อยามเศร้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา
และจริงใจกับเราเสมอ …
แสดงให้เขาเห็น
ว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน และระวังสิ่งที่เราทำไป
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจดจำไว้เสมอว่า ” คำขอโทษ “
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น
คือ รอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ …… ตลอดไป”
หวังว่านิทานนี้คงช่วยให้พวกเรา อยู่ร่วมกัน ทำงาน ร่วมกัน คบกัน
ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันขึ้นเรื่อยๆ ตลอดไป
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ..
ดีมาก ค่ะ ได้มีประสบการณ์ เรื่องความโกรธ มาแล้วเช่นกัน เป็นจริงเหมือน นิทานเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจดจำไว้เสมอว่า
” คำขอโทษ “
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม
.............................................
มาอ่าน ข้อคิด วันอาทิตย์ คะ
ยังมีตะปูเหลือสักตัวมั้ยครับ..
สวัสดีค่ะ คุณไม่มีราก คุณมะขามอ่อน คุณPanda คุณดอกแก้ว และคุณกวิน
...หวังว่าเราคงไม่ต้องใช้คะปูนะคะ :D