เขาว่าผมคือมืออาชีพ
ตอนที่ 1
ชีวิตของลูกจ้าง ที่เปรียบเสมือนมือปืนรับจ้าง มีเป็นจำนวนมากแน่นอนในโลกของแรงงาน ของผู้เข้าสู่วิถีชีวิตของมนุษย์เงินเดือน แต่มีคนอีกระดับหนึ่งที่มีศักยภาพพอที่ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย หางาน เพราะเมื่อไต่เต้าจนถึงระดับมีชื่อเสียง เป็นที่ต้องการขององค์กรที่แสวงหากำไร ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าบุคคลระดับนี้สามารถเลือกงานและกำหนดค่าตอบแทน เลือกผู้ร่วมงานได้ ในการที่จะเข้าไปในระดับวางแผนขององค์กร ดังเช่นวิถีชีวิตของ สุจินต์ จันทร์นวล เมื่อตัว เองที่เปรียบเสมือนมือปืนรับจ้าง กลายเป็นสินค้าที่ถูกขาย และมีผู้สนใจที่จะซื้อไปเป็นผู้บริหาร หลังจากที่ลาออกจากบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นที่รู้จักในฝีไม้ลายมือในการบริหาร
การเจรจาเป็นไปถึงสองครั้ง ครั้งแรกปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ไม่อาจปฏิเสธเมื่อได้รับการขอร้องจากเพื่อนสนิท พร้อมทั้งการนำข้อมูลขององค์กรใหม่ที่ต้องการให้ไปเป็นผู้บริหาร ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจส่งออก และกิจการของบริษัทได้ดำเนินการมาถึงรุ่นที่สามแล้ว กิจการก็เป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีก้าวกระโดด เป็นบริษัทสัญชาติยุโรป จึงมีสายพันธ์ของฝรั่งผูกขาดการบริหาร ทุกฝ่าย ทุกแผนก คนไทยเป็นได้ระดับลูกน้องเท่านั้น
เมื่อถึงยุคเศรษฐกิจถดถอย ไม่อาจฝืนบริหารกิจการไปได้ จึงต้องปล่อยให้รุ่นที่สามเข้ามาดำเนินกิจการต่อ และพบการดำเนินกิจการขาดทุน มีการพยายามลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าจ้างที่พบว่าอัตราเงินเดือนของผู้บริหารที่จ้างแล้วไม่คุ้มค่า ยกเลิกการจ้างผู้บริหารเดิมแล้วนำให้คนไทยขึ้นมาบริหารแทน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือโดยพื้นฐานเดิมของคนไทย เมื่อมีศึกนอกจะร่วมกันต่อสู้ แต่เมื่อหมดศึกนอกมักจะหันมาทะเลาะกันเอง บริษัทเลยปรับกระบวนการเป็นแตกบริษัทสาขาเพื่อแยกย้ายและจบปัญหาเหล่านั้น
อาจจะเป็นด้วยผลประโยชน์ที่ตอบแทน หรือการให้อำนาจบริหารจัดการ หรือการที่อยากแสดงฝีมือ ในที่สุดก็ตกลงได้ร่วมงานกัน และสามารถเลือกผู้ช่วยในตำแหน่งเลขาได้เอง ซึ่งทุกอย่างถือเป็นการเริ่มต้นใหม่หมด ทั้งบริษัท ทั้งสถานที่ รูปแบบบริหาร และสต๊าฟทั้งหมด จึงกลายเป็นคนแปลกหน้าเข้าไปอยู่ เข้าไปเป็นผู้ร่วมงาน ที่สำคัญคือไปเป็นผู้บริหาร ใช้ให้คนอื่นทำงานให้ ไปคิดให้เขาทำ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาวิธีทำให้เขาเหล่านั้น ยอมรับในตัวเราให้ได้เสียก่อน
งานแรกที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท คือการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปหาบริษัทร่วมทุนและศึกษาเรื่องเทคนิคการผลิต เครื่องจักร อุปกรณ์ และการวางเลย์เอาท์โรงงาน แต่เมื่อพบว่า ทุกอย่าง ทุกขั้นตอน บริษัทต้องเสียเปรียบเลยเขียนรายงานยกเลิกโปรเจกค์นี้ทันที แน่นอนว่า การล้มกระดานครั้งนั้น ได้ก่อให้เกิดสัตรูขึ้นอย่างน้อยสองคน คือ เจ้าของโปรเจกต์จากต่างประ เทศ และคีย์แมนคนสำคัญในบริษัท
นั่นอาจไม่ใช่สัญญาณการประลองกำลังหยั่งเชิง แต่เวลาของการทำงานเริ่มต้นที่การศึกษาวัฒนธรรมองค์กร ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์กลางเก่ากลางใหม่ คล้อยตามแต่ไม่หนักแน่น อีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ อยู่กับความเคยชิน ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง เรื่องใหญ่ของการเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร ต้องขายความคิดต่อเจ้านาย
ไม่มีความเห็น