ภารกิจเพาะหว่านเมล็ดพันธ์แห่งคุณธรรม จริยธรรมและความดีงาม โดย ธีระ เงินแก้ว
ธีระ ภารกิจเพาะหว่านเมล็ดพันธ์แห่งคุณธรรม จริยธรรมและความดีงาม โดย ธีระ เงินแก้ว เงินแก้ว

เขาว่าผมคือมืออาชีพ


การเมืองในองค์กร

เขาว่าผมคือมืออาชีพ

ตอนที่  2

การได้รับการเปิดโอกาสจากเจ้านาย  หลายครั้งที่พบว่าการบริการของผู้มีหน้าที่บานปลาย  ล่าช้า  เอกสารสูญหาย พนักงานลาบ่อย  เลยต้องมีการจับเข่าคุย  และให้โอกาสทำงานพิสูจน์ตัวเองด้วยการกำหนดเวลา  สามเดือน  หกเดือน  ซึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก  และเมื่อผ่านไป  ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม  กลายเป็นบริการบานปลาย  และที่ได้ตามติดในเวลาต่อมาคือการขัดแย้งอย่างรุนแรงกับระดับคีย์แมนด้วยกันด้วยข้อกล่าวหาฉกรรจ์ว่าต้องการสร้างอาณาจักร  กลายเป็นการเมืองในองค์กร  ต่างฝ่ายต่างจ้องทำลายล้างกัน  ด้วยวิธีการจ้องจับผิด  และหาส่วนเสียของอีกฝ่ายหนึ่งไป

เป็นธรรมดาของการเป็นคนใหม่ในอีกฐานะหนึ่งอาจต้องถูกต่อต้าน  ถูกเหยียดหยาม  ถูกลองของ  ถูกวิพากวิจารณ์  สารพัดอย่าง  หากทำใจมาก่อนแล้ว ไม่รู้สึกหวั่นไหว  คิดว่าได้รับการว่าจ้างมาให้ทำทำงาน  ไม่ได้จ้างให้มาต่อสู้กับใคร  จึงเล่นอยู่ในบทบาทเดียวคือบทลูกจ้างระดับบริหาร  จึงพยายามมองและบริหารจัดการภายในองค์กรใหม่  ตามบทบาทหน้าที่  เมื่อจัดผังองค์กรเสร็จ  จึงได้เริมงานด้วยการปรับเปลี่ยนคนในภาคส่วน  ดูวิสัยทัศน์ลูกน้องที่ต้องการเติบโตในตำแหน่ง  แต่พบว่าระดับการศึกษาของบางคน  ไม่ได้เป็นคุณสมบัติให้เติบโตได้เลย  เมื่อวิสัยทัศน์เหล่านั้น  ขาดเสียแล้วซึ่งแก่นที่ต้องการ  และนับวันจะมีแต่หายหน้าไป

การจัดการภายในองค์ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา  เพราะในการที่จะต้องดึงใครขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้า  เปรียบเหมือนสินค้าบางตัวของบริษัท  ต้องมีการวางแผนที่แยบยล  เมื่อคำนึงถึงความเหมาะสมของตำแหน่งหัวหน้า  ของผู้ช่วย  ด้วยระยะเวลาสามปีที่ได้รับการว่าจ้างจะต้องเสร็จตามภาระงาน  ปีที่หนึ่งศึกษาคนให้ถ่องแท้  จัดทีมงาน  ปีที่สองทำงาน  คุมทีมไว้ให้ได้  ปีที่สามดูผลของสองปีว่ามันมีทิศมีผลอย่างที่ตั้งใจหรือไม่  ปรับกลไกให้สอดประสานกัน  เมื่อไปได้แล้วก็เป็นอันหมดภาระ

ซึ่งการไปรับจ้างบริหารคนเดียว  ไม่ได้นำให้ทีมจากภายนอกเข้าไป  และที่สำคัญคือใช้คนเก่งในองค์กรเดิมจึงกลายเป็นเกมธุรกิจ  แนวคิดคือต้องหาจุดแข็งของคนในองค์กรให้ได้  การศึกษาคนต้องใช้เวลา  นี่คือการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั่นเอง  องค์กรบริษัทกำลังเติบโต  การสร้างคนก็เป็นสิ่งสำคัญนับหนึ่งแต่  งานมีหาบุคคลที่เหมาะสมมาทำไม่ได้  บุคคลมีแต่ไม่ได้เตรียมไว้  การเติบโตในสายงานเพื่อมาทดแทนคนเดิมเป็นไปได้ยาก  เพราะวัฒนธรรมองค์กรไม่มีการสร้างคนมาทดแทน การขึ้นสู่ตำแหน่งคือรอให้คนเดิมออกไป  เลยสร้างกฎเสียใหม่  ในการที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งระดับที่สูงขึ้นคือให้ฝึกฝนคนรองให้สามารถทำหน้าที่เก่าของตนเองได้

ปัญหาเรื่องคน  ผู้นำ  ระบบงาน  และมีที่ตามมาอีกคือการคอร์รัปชั่น  บทบาทที่งานแต่ละฝ่ายต้องเป็นคู่กัดกัน  เช่นฝ่ายขายกับฝ่ายผลิต  ฝ่ายผลิตกับฝ่ายบัญชีการเงิน  มันเกิดจากการสร้างระบบ  ฝ่ายไหนเช็กฝ่ายไหน  ฝ่ายไหนต้องทำตามความต้องการของฝ่ายไหน  ฝ่ายไหนที่ควรได้ประโยชน์มากกว่าฝ่ายไหน  เมื่อทำกันไปแล้ว  ไม่มีการยอมรับระหว่างกัน  พยายามฝืน จึงกลายเป็นปัญหา

ครึ่งหนึ่งของความสำเร็จของระดับผู้บริหาร  ต้องนับเป็นผลงานของร่วมของเลขานานุการด้วย  ใน

ความเป็นจริง  และในความเป็นจริงเช่นกันที่งานในตำแหน่งเลขา  เป็นงานที่มีช่วงระยะ เวลาจำกัด  ไม่มีใคร

สามารถเป็นเลขาให้ใครได้ตลอดชีวิตการทำงาน  เพราะวันหนึ่งอาจมีเหตุผลที่ต้องไป  อาจมีภาระครอบครัว  หรืออาจเหตุผลอื่น  จึงต้องมีการเตรียมตัวและต้องหาเลขานุการไว้รองรับ  สอนให้ปรับปรุง  สอนให้รู้จักงาน

บริษัททำธุรกิจ  วางคอนเซ็ปต์แล้ว  มีสินค้า  มีเงินลงทุน  มีวิธีการ  กลุ่มเป้าหมายรออยู่  จุดสำคัญอีกจุดคือคน  คนที่จะทำงาน  จริงอยู่ว่าทุกส่วนมีความสำคัญ  แต่คนที่จะนำสินค้าไปสู่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  คนที่จะหาออเดอร์  และที่สำคัญในการที่จะครองใจลูกค้าคือ  บริการหลังการขาย

บางครั้งมืออาชีพก็อาจพลาด  ดังเช่นกรณีที่วางคอนเซปต์  ทุกอย่าง  แล้วมอบหมายให้คนทำงาน  มอบตำแหน่งให้  วันหนึ่งสิ่งที่ไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้น  คือทีมที่กำหนดไว้  ลาออกยกทีม  ชุดผู้บริหารที่ลาออกไปได้นำลูกทีมไป  รวมทั้งตัวสินค้า

ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน  จะเกิดจากเงื่อนปมของธุรกิจ  ของการบริหาร  ของคน  ของความอิจฉาริษยา  ชอบหรือไม่ชอบ  มันก็คืองานที่ต้องทำให้ลุล่วง  ต้องเอาชนะ  เพราะเมื่อรับค่าจ้างมาแล้ว  ก็ต้องแก้ปัญหา  ทำให้งานมันเกิด  แต่บางครั้งสัญชาตญาณพิเศษจะบอก  เกี่ยวกับจังหวะชีวิตของการอยู่  การจาก  การเข้าสู้  การถอยหรือรอคอยเวลา  นี่เป็นความรู้สึกแล้วตัดสินใจ

การแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุการณ์ยกทีมลาออกของพนักงานและนำโปรดักต์ไปด้วย  เมื่อการเสนอโปรดักต์ตัวใหม่ไม่มีความชัดเจน  เริ่มมีบัตรสนเท่ห์ ขอความเป็นธรรมและการปรึกษาหารือกับเจ้านายต่อแผนการในปีต่อไป  และเป็นการคุยที่สรุปลงด้วยการยอมรับไม่ได้  เมื่อสไตล์ต่างกัน  ทั้งที่ปล่อยให้มีการเดินตามสไตล์นี้มาตลอดเวลา  ก็เป็นความจำเป็นอยู่เองที่จะต้องไปจากองค์กร

กล่าวกันว่าอาจมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น  สำหรับคุณ  หากคุณคิดว่าคุณเหนือกว่านายของคุณ  หนึ่ง  โค่นเขาเสีย  แล้วหาทางขึ้นมาแทนเขา  ขุดความชั่วร้ายเท่าไหร่ที่มีมาประหัต ประหารด้วยวิชามาร  สองไปแสวงหาทางใหม่  โอกาสใหม่  แทนที่จะเสียเวลาพ่ายแพ้อยู่ตรงที่เก่า  เพื่อพิสูจนว่าเป็นฝ่ายถูก

เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง  ตามวิถีทาง  การฝ่าฟันปัญหาอุปสรรค  เมื่อรับจ้างทำงานจนได้รับ

การไว้วางใจ  ได้ทำงาน  ได้บัญชา  ได้ตัดสินใจ  เริ่มมีชื่อเสียงก็ต้องมีคนอิจฉา  หมั่นไส้  จากที่เคยรู้สึกดีต่อกัน  กลายเป็นหวาดระแวง  ไม่มีความสุขในองค์กร  ก็ต้องลาจากไป  ซึ่งเหตุผลในการลาออกของใครสักคนจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งนั้น  เหตุผลส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแตกต่างกัน  การลาออกจากความต้องการของใครนั้น  อาจไม่ต้องเกี่ยวกับการบังคับให้ลาออก  ด้วยสาเหตุการคอรัปชั่น  หรือเกิดความเสียหายในองค์กร  เพียงแต่ถ้าเรารู้จักตัวเอง  นั่นคือคำตอบ

หมายเลขบันทึก: 188108เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2008 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 21:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท