217 ประสบการณ์การต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


สติมาปัญญาเกิด

 

 

 

 

 

ผมก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ต้องการที่จะโยงกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน:)

ขอนำประสบการณ์การต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือผิดศีลธรรมในชีวิตของผม

ซึ่งคงยกตัวอยางให้พอเห็นภาพ โดยไม่เจาะจง แต่หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจได้ชัดเจน

มนุษย์เรา สังคมมนุษย์เราคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกฏระเบียบวินัยทั้งในทางจิตใจและทางสังคม

ศีลธรรมและกฏหมายที่ชอบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนในสังคมอยู่กันได้อย่างสงบเรียบร้อย

สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด เราก็จะทราบกันโดยทั่วไป เช่นศีลธรรมในทุกศาสนา ผู้ที่นับถือศาสนานั้นๆ ก็มักจะทราบว่าสิ่งใดคือส่งที่ผิดศีลธรรม

ในทางกฏหมายแม้คนจะไม่ทราบกฏหมายหมดหรือหมดทุกคน แต่ก็พอจะสัณนิษฐานได้ว่าส่วนใหญ่พอจะทราบว่าสิ่งใดถูกผิดตามกฏหมาย

ดังนั้นเราพอจะบอกได้ว่าสิ่งใดคือผิดศีลธรรม ผิดกฏหมาย

สิ่งใดถูกสิ่งใดทำแล้วได้บุญ ก็จะทราบกันดี

แต่ทำไมคนจึงทำผิดศีลธรรมและกฏหมาย........เพื่ออะไร

ในแง่ธรรมะก็ต้องบอกว่าคนทำผิดศีลธรรมเพราะกิเลสรุนแรงกว่าความละอายต่อบาปและความอยากได้ในสิ่งนั้นมาก

ในด้านกฏหมาย คนทำผิดเพราะมีผลประโยชน์ที่ดีกว่า

ผมจะไม่พูดถึงเรื่องทำผิดกฏหมาย

แต่ในเรื่องปฏิบัติธรรม จากประสบการณ์ของการต่อสู้กับกิเลสในการปฏิบัติธรรมที่อยากจะเล่าสู่กันฟังเป็นวิทยาทานนี้

เหตุเพราะสติของเราอ่อนแอกว่ากิเลส จิตจึงไม่สามารถคิดในสิ่งที่ชอบ ( มรรคมีองค์ 8 )

เวลากิเลสมารุมเร้า เราแทบจะไม่ได้สติเลย และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นเอง หากไม่มีสติมาเตือน ก็มักจะทำให้ทำในสิ่งที่ผิดศีลธรรมได้เสมอ

ยกตัวอย่างในสมัยหนึ่งที่ผมนั่งสมาธิใหม่ๆ แล้วจู่ๆ ก็มียุงมาเกาะและดูดเลือดเรา

ถ้าไม่มีสติ ความโกรธความไม่พอใจจะวิ่งเข้ามาหาเราทันที ไม่มีใจที่จะคิดอะไร มือจะไปตบยุงทันที .......โกรธก็ทำลาย

แต่ถ้ามีสติ จะคิดในสิ่งที่ชอบ ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับเรา และควรจะทำอย่างไร ที่ไม่ใช่ทำตามกิเลส

ศีลข้ออื่นก็เช่นกัน

การรักษาตนให้พ้นจากการทำผิดศีลทั้งปวงจึงมีสติเป็นตัวช่วยอย่างมาก

ความจริงแล้ว มรรคมีองค์ 8 คือการทำสิ่งที่ชอบนั้นใช้ได้กับทุกพฤติกรรมของมนุษย์ รวมทั้งการเมืองด้วย ถ้านักการเมืองและรัฐบาลที่บริหารอยู่นั้นมีศีลธรรม ก็จะรู้ว่าควรจะเลือกทำแต่ในสิ่งที่ถูกต้อง..เท่านั้น

ดังนั้น ในบันทึกก่อนหน้านี้ ที่บอกถึงเรื่องทำไมมนุษย์ชอบทำลายก่อนสร้าง คำตอบ

จึงน่าจะอยู่ที่ว่า หากทุกคนมีจิตสำนึกว่าอะไรถูกอะไรผิด และทำในสิ่งที่ถูก ทำลายกิเลสที่อยู่ในใจของตน

ก็จะได้ทางออกที่เหมาะสมที่สุดครับ

ผมเคยเรียนในบันทึกก่อนๆ ว่าผมยังคงชนะศึกที่อยู่ในใจมา ก็เพราะมีสติเป็นอาวุธนี้เองครับ

ด้วยความปรารถนาดี

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 187060เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2008 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีค่ะท่านอ.พลเดช

  • เข้ามาน้อมรับธรรมะยามบ่ายค่ะ
  • การจะชนะศึกที่อยู่ในใจมา ก็เพราะมีสติเป็นอาวุธ
  • ต้องเพียรรักษาสติให้ดี  เพื่อจะได้เป็นอาวุธต่อสู้กับกิเลส
  • คนไม่มีราก กำลังลงสมรภูมิชีวิตค่ะ .. อุปโลกน์ให้ตัวเองเป็น นักรบ
  • เข้ามารับ สติ เป็นอาวุธ พอดีเลยค่ะ
  • กราบขอบพระคุณค่ะ

คุณ คนไม่มีราก ครับ

ต้องฝึกสติให้เข้มแข็ง หากเป็นดาบ ก็ต้องให้คมเอาไว้นะครับ

ตัดทีเดียวต้องให้ขาด

อดีตดับไปแล้ว ดับเลย อย่าเก็บมาคิด (นอกจากในฐานะข้อมูลหนึ่งในการวางแผนอนาคต)

อนาคตยังไม่มาถึง

ทำปัจจุบันเพื่ออนาคตครับ

ส่งกำลังใจมาให้ครับ

  • กลับมารับธรรมะอีกครั้ง
  • สาธุค่ะ

พอพูดถึงยุงหรือมดมากัด..

มีครั้งหนึ่งเคยนั่งดูมดกัด(นั่งสมาธิอยู่ เป็นคนนั่งสมาธิแล้วไม่เข้าลึก)..เจ๊บ(เหมือนโดยเข็มเล็กๆ คันๆ) ดูตั้งแต่มันไต่ (รู้สึกได้) กัดที่แขน จนมันไป..

จำได้ว่าดีใจที่ครั้งนี้ดูทัน..ดีใจที่เกิดสติ ยับยั้งได้ ปล่อยได้..

สติมาปัญญาเกิดจริงๆ ค่ะ ^ ^

อ.กมลวัลย์ ครับ

ใช่ครับ ถือเป็นบทเรียนที่ดูเหมือนเล็กๆ แต่ไม่เล็กเลยครับ

เพราะกระบวนการเหมือนกันเลย

ถ้าสติมา จะเห็นข้อมูลที่เร็วและมากขึ้น

ทำให้คิดได้ (มีเวลาคิดนานขึ้น)และรู้จักที่จะทนหรือฝืนตัวเอง

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทำได้ง่ายนะครับ

ถ้าเป็นกรณีของมดหรือยุง ก็ดูว่าทำง่าย

แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ ที่ใหญ่ขึ้นหรือหนักขึ้น

ใจเราต้องฝืนมากขึ้น

สติต้องเข้มแข็งมากขึ้น

ถ้าเป็นเรื่องปัญหาชีวิต สติก็ช่วยชีวิตได้เลย

ถ้าเป็นเรื่องปัญหาของสังคมและของประเทศชาติ  สติก็ช่วยสังคมและประเทศชาติไม่ให้ล่มจมได้เลยครับ

ตอนนี้อยากจะบอกได้คำเดียวว่า

คนในประเทศ(ทุกฝ่าย)ต้องการสติมากเหลือเกิน........

 

 

 

 

ใช่ครับผม สติเป็นอาวุธ

บางครั้งผมก็ขาดอาวุธครับ แย่เลยครับ เหอๆๆ

คุณ Suksom

สติเป็นอาวุธ ลองนึกถึงเจไดที่มีดาบเลเซอร์เป็นอาวุธครับ พอข้าศึกหรือกิเลสมา ก็ฟันฉีบเดียว ขาดเลย

เราสร้างอาวุธนี้โดยการฝึกนั่งสมาธิกำหนดสติหรือเดินจงกรมครับ

โชคดีครับ

กราบสวัสดีค่ะ..ท่านอาจารย์พลเดช

  • ท่านอาจารย์สบายดีนะคะ
  • หนูไม่ได้เข้ามาสวัสดีท่านอาจารย์เสียนานเลยค่ะ..
  • เข้ามาวันนี้ดีจังค่ะ..สติมาปัญญาเกิด  สติเตลิดเกิดปัญหา
  • บางครั้งก็ลืมตัวเหมือนกันค่ะ..การขาดสติ
  • การกำกับตัวเองบางครั้งก็ค่อนข้างยากนะคะ
  • หนูว่าต้องอาศัยการฝึกฝนและทำอยู่เป็นนิจ..นะคะ
  • ขอบพระคุณค่ะ..สำหรับสิ่งดี ๆ ที่ได้กลับบ้านด้วย
  • หนูมีดอกจำปาหอมกรุ่น..เพิ่งเก็บเย็นวันนี้ค่ะ..
  • มากราบท่านอาจารย์ค่ะ..
  • ด้วยความเคารพค่ะ

                                

คุณ วัชราภรณ์ วัตรสุข ครับ

2 คำจำให้ขึ้นใจครับ

อย่า ประมาท

เพราะไม่ได้นับเป็นเหตุการณ์หรือเป็นวันเดือนปี แต่นับเป็นขณะจิต ขณะลมหายใจเข้าหรือลมหายใจออก

ไม่ว่าจะเคยปฏิบัติธรรมมาเพียงใด อายุเท่าใด คุณวุฒิใด เป็นอาจารย์หรือเป็น ดร. ก็ วัดกันแค่ขณะจิต

หากประมาท ใช้อาวุธ"สติ" ไม่ทันหรืออาวุธไม่คมพอ ก็น่าจะสติไม่มา ปัญหาเกิดเช่นที่ว่าครับ

อย่าประมาทในอารมณ์ที่เกิด อย่าประมาทในกิเลสที่เกิด คิดว่าไม่สำคัญหรือเล็กนิดเดียว

เหมือนอยุ่ในเรือสำเภาแล้วเห็นว่าก้อนกรวดนั้นดเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสร้างปัญหาให้เรือจมได้

ฝึกสติให้มากครับ

และทดลองฝึกฝืนใจตัวเอง ไม่ให้ยอมแพ้กิเลส ในเรื่องที่ฝึกได้

ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ สติก็จะเข้มแข็งขึ้น

อาวุธจะคมมากขึ้น ตัดกิเลสได้ฉับไว ลดปัยหาที่จะลุกลามได้ทันทีครับ

เจริญสุขในเย็นวันอาทิตย์ครับ

 

สวัสดีค่ะ

ดิฉัน ประมาท บ่อยครั้งมากโดยที่บางครั้งคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ต้องมานั่งตามแก้ป้ญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่เคยจำ อาจเป็นไปได้ว่าด้วยความที่เป็นคนใจอ่อนอยากให้ อยากช่วยเหลือคนอื่น แต่บางครั้งทำให้เราเดือดร้อน เรียกได้ว่า การที่เราช่วยเหลือคนอื่นกลับต้องมานั่งแก้ป้ญหาอีก เท่ากัยเรา ไม่มีสติ เราประมาท ถือว่าเป็นกิเลส ที่เราอยากให้คนอื่นได้มีความสุขและประโยนช์บ้าง และบางครัท้งก็เคยคิดว่า ชาติก่อนเราคงทำกรรมเวรไว้กับเขา ชาตินี้เราถึงต้องมาชดใช้ แต่ก็บ่อยเหลือเกิน เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ เรียกว่า รู้ว่าเขาเอาเปรียบเราแต่ก็ให้ โดยคิดว่าเขาคงมีสามัญสำนึกบ้าง แยกแยะออก พูดง่ายๆ ว่าผู้นำต้องเสียสละยังใช้ได้อยู่เสมอไปหรือเปล่า

คุณทิพย์

สวัสดีครับ

ดังนั้นจึงต้องฝึกสติให้เข้มแข็งมากขึ้นครับ

การฝึกจิตต้องเริ่มจากการหยุดครับ

หยุดพื่อช้า (เช่นเดินจงกรม)

เพื่อสติจะได้ตามอารมณ์ตามกิเลสตามอริยาบทได้ทัน

จะสังเกตุว่าการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ต้องฝืนทั้งนั้นครับ คือฝืนความอยากหรือไม่อยาก(ฝึก)

การหยุดทุกชนิดทำให้มีเวลาสำหรับการพิจารณา

มาถึงเรื่องที่ปรารภนะครับ

การที่คุณทิพย์บอกว่าช่วยคนอื่นแล้วต้องมานั่งแก้ปัญหาตัวเองบอกว่าเพราะเป็นคนใจอ่อน

รวมทั้งคิดว่าเคยทำกรรมกับคนนั้นมาจึงยอมเสียเปรียบ เพราะจะได้ชดใช้หมดหนี้

และสุดท้ายคิดว่าผู้นำต้องเสียสละ

ผมเข้าใจ และในช่วงชวิตหนึ่งก็เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาแล้วเหมือนกัน

การปฏิบัติธรรมที่ถูกทางจะทำให้เห็นคำตอบปัญหาเหล่านี้ครับ

ใจอ่อนนั้นถูกต้องเลย ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของจิตประเภทหนึ่งซึ่งเราสั่งสมมา ถ้าใจอ่อนในเรื่องสร้างบุญสร้างกุศลก็ถือว่าดีครับ แต่อย่าใจอ่อนกับการทำที่ไม่ดี

อะไรที่ผิดศีล ผิดกฏหมายอย่าไปทำครับ เรียกว่าอ่อนกับความดี แข็งกับความชั่ว

การชดใช้หนี้กับคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเรา ผมคิดว่ามีเหตุผล เพราะการที่คนเราจะได้มาพบกันในชาตินี้ ล้วนมีเหตุนำมาทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

การยอมชดใช้ไปนั้นถือว่าชนะใจตนเองครับ แต่ก็เมื่อเราตั้งใจยอมชดใช้เพื่อใช้หนี้แล้ว (ทั้งที่รู้ว่าเสียเปรียบ)ก็ขอให้เป็นครั้งเดียวครั้งสุดท้าย จบกันไป เป็นบทเรียนที่ต้องจำไว้และไม่ยอมให้เกิดอีก

ส่วนเรื่องที่คิดว่าการเป็นผู้นำต้องเสียสละนั้น ผมคิดว่าต้องมีเหตุผมที่เหมาะสมด้วย และที่สำคัญต้องเป็นสิ่งที่เราพิจารณาและตัดสินใจอย่างชัดเจนแล้วว่ามีคุณค่าพอ....เพราะสิ่งนี้จะเป็นบารมี เป็นการยกจิตของเราให้สูงขึ้นไปอีก ถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ก็พูดได้เช่นกันว่า ถ้าสถานการณ์ไม่เกิด ผู้นำก็ไม่ได้สร้างบารมี

ประโยชน์สูงสุดในชีวิตเราก็คือการได้เรียนรู้จากประสบการร์ชีวิตของเราเองครับ

ไม่ได้อยู่ความผิดหวังหรือล้มเหลว หรือแก้ปัญหาไม่ได้หรือเสียรู้คน

แต่อยุ่ที่เราจะเรียนรู้ ได้ปัญญาจากสิ่งเหล่านั้นหรือไม่

ดังนั้นการฝึกสติจึงมีความสำคัญเพราะถ้าสติไม่มา สติไม่เข้มแข็ง ไม่ว่องไว กิเลสก็จะมาพาเราไปทำในสิ่งที่ง่ายกว่า ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาเช่นที่ปรารภไว้ครับ

การฝึกสติ ขอให้มีคำว่าหยุดเริ่มต้นเสมอครับ

ขอให้โชคดีครับ

ด้วยความปรารถนาดี

ขอบพระคุณท่านพลเดชที่ติดตามผลงานผมครับ ได้เข้ามาอ่านบล็อคของท่านแล้วได้ความรู้และแง่มุมข้อความคิดหลากหลาย จึงขออนุญาตนำเข้า planet นะครับ บทความของผมส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศคงต้องรบกวน ท่านอาจารย์แวะไปติชมบ้าง ขอฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยครับ

คุณปณิธัศร์ ครับ

ยินดีครับ

ไม่ต้องถึงกับเป็นลูกศิษย์หรอกครับ

เป็นกัลยาณมิตรกันในทางความรู้นะครับ

แลกเปลี่ยน เรียนรู้กัน โดยคนทั่วไปได้ประโยชน์ด้วย จะดีที่สุดครับ

คนไทยจำเป็นต้องเปิดตัวสู่เวทีระหว่างประเทศมากขึ้นครับ โดยเฉพาะภาคประชาชน ที่ต้องเปิดโลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น ความรู้ในเรื่องของประเทศอื่นๆ จึงมีประโยชน์มากครับ

ช่วยกันนะครับ

 

 

 

หนูเข้ามากราบขอบพระคุณค่ะ..สำหรับธรรมที่ล้ำค่ะ

๒ คำ จำให้ขึ้นใจ..  อย่าประมาท

อย่าประมาทในอารมณ์ที่เกิด..ตรงนี้แหละค่ะ..ที่หนูต้องระมัดระวัง

กราบขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่งค่ะ..ท่านอาจารย์

 

คุณ วัชราภรณ์ วัตรสุข ครับ

ยินดีเสมอครับ

ลับอาวุธ(สติ)ให้คมด้วยนะครับ

ตัดได้ขาดคือหยุด

คือหยุดคิด(มีเวลาคิด)

บางครั้งแรงกรรมก็มีส่วนทำให้ฝืนลำบากยิ่งขึ้น

แต่ถ้าสติมาทัน ตัดได้ฉับไวบ่อยๆ เข้า

ไม่นานแรงกรรมนั้นก็จะเบาบางลงจนถือว่าหมดฤทธิ์

ส่งกำลังใจให้ครับ

 

 

สวัสดีครับท่านพลเดช

  • พูดถึงเรื่องการตบยุง  ผมเลิกตบยุง(ด้วยเจตนา) มานานพอสมควรแล้วครับ  แล้วก็พลอยทำให้ไม่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอื่นๆ ตามไปด้วย
  • มีอยู่ครั้งหนึ่ง  ผมเห็นแมวกำลังกัดจิ้งจกอยู่  มันยังไม่ตาย  ผมเลยไล่แมว(ไม่รู้ทำบาปกับแมวหรือเปล่านะครับ)  แล้วเอาจิ้งจกตัวนั้นมาปล่อยในบ้าน  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแววตาจิ้งจกที่น่าสงสาร  แววตาใสๆ เหมือนมีน้ำตามาคลอ  และเหมือนเขาจะบอกว่าขอบใจนะ(อันนี้คิดเอาเองครับ)
  • ทำให้ผมพลอยเศร้าใจกับเขาไปด้วย  แต่ก็ดีใจที่ได้ช่วยชีวิตเขา  และคิดว่าตอนนี้เขาก็คงยังมีชีวิตอยู่
  • แปลกนะครับ  ที่เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ก็ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน
  • สิ่งเหล่านี้กระมังครับที่ช่วยให้เราได้รู้ว่าทุกชีวิตมีค่า  เราควรมีความเอื้อเฟื้อ เมตตาต่อกัน
  • ถ้ากับชีวิตเล็กๆ เหล่านี้เรายังมีเมตตาต่อเขาได้  ประสาอะไรกับชีวิตใหญ่ๆ ระดับมนุษย์ ระดับชาติ หรือแม้แต่ระดับโลก
  • ไม่รู้นักการเมืองในปัจจุบันจะยังมีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจหรือเปล่านะครับ

ธรรมสวัสดีครับ

คุณธรรมาวุธ ครับ

ทุกวันนี้ ผมยังช่วยชีวิตสัตว์ทุกชนิด ที่เห็นเฉพาะหน้าที่กำลังจะมีภัย แม้จะเป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเพียงใดก็ตาม

เป็นต้องช่วยชีวิตทุกครั้งไป ยังทำได้อยุ่ครับ

และเห็นด้วยครับว่า ในความรู้สึกนั้นยิ่งใหญ่ทีเดียว

ที่ผมเขียนเรื่องการต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยเรียนว่าต้องใช้สตินั้น

เพื่อจะบอกด้วยว่า ในสถานการณ์บ้านเมือง ก็ต้องใช้สติเช่นกัน

ขอบคุณครับ

 

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท